TFEX จับมือ มธ. แถลงผลวิจัยซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์ส

13 Jun 2008

กรุงเทพฯ--13 มิ.ย.--ตลท.

ตลาดอนุพันธ์ร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ จัดการบรรยายผลโครงการศึกษาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับภาพรวมของอุตสาหกรรมทองคำโลกและของไทย รวมถึงความเป็นไปได้ ประโยชน์และผลกระทบ หากมีการเปิดซื้อขายโกลฟิวเจอร์สในไทย ผลสรุปชี้โกลด์ฟิวเจอร์สช่วยเสริมตลาดทุนไทย เพิ่มเครื่องมือบริหารความเสี่ยง และเพิ่มทางเลือกการลงทุน

วันนี้ (13 มิ.ย. 51) บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (TFEX) ร่วมกับ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดการบรรยายผล “โครงการศึกษาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ” ซึ่ง TFEX ได้มอบหมายให้คณะผู้วิจัยจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อันประกอบด้วย รศ. ดร.กุลภัทรา ศิโรดม ศ.ดร.พรชัย ชุณหจินดา และรศ. ดร.พันทิสา ภาวบุตร เป็นผู้ศึกษาความเป็นไปได้ในการเปิดซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับทองคำ หรือ โกลด์ฟิวเจอร์ส ในประเทศไทย โดยการบรรยายในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ศ.ดร.พรชัย ชุณหจินดา และ รศ.ดร.กุลภัทรา สิโรดม ให้เกียรติเป็นผู้บรรยาย

ศ.ดร.พรชัย ชุณหจินดา กล่าวถึงภาพรวมของอุปสงค์และอุปทานของทองคำในตลาดโลก รวมถึงการเคลื่อนไหวทองคำในอดีต และภาพรวมของการซื้อขายทองคำในตลาดโลกซึ่งมีศูนย์กลางการซื้อขายทองคำที่สำคัญในประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง อินเดีย ญี่ปุ่น และจีน ซึ่งมีทั้งการซื้อขายในตลาด OTC และศูนย์ซื้อขายทองคำที่จัดตั้งขึ้นเป็นทางการ นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงโครงสร้างตลาดซื้อขายทองคำในไทยว่าเป็นการนำเข้าทองคำจากต่างประเทศในรูปทองคำบริสุทธิ์ 99.99% จากนั้นนำมาแปรรูปเป็นระดับความบริสุทธ์ที่ 96.5% ในรูปของทองรูปพรรณและทองคำแท่งที่จำหน่ายกันทั่วไปตามร้านค้าส่งและร้านค้าปลีกทองคำทั่วประเทศที่มีอยู่ประมาณ 6,000 ราย

“สำหรับประเทศไทยนั้น ราคาทองคำจะได้รับปัจจัยโดยตรงจากราคาทองคำในต่างประเทศ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และระดับอุปสงค์และอุปทานในประเทศ ซึ่งราคาที่สมาคมค้าทองคำประกาศให้ทราบเป็นประจำทุกวันนั้น ก็มาจากราคาซื้อขายทองคำทันที (Spot Price) ในตลาดโลกที่เสนอราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยเอานซ์ และนำมาปรับด้วยอัตราแลกเปลี่ยนและแปลงน้ำหนักที่ได้ให้เป็นบาททองคำตามมาตรฐานความนิยมในประเทศไทย” ศ.ดร. พรชัยกล่าว

ทางด้าน รศ.ดร.กุลภัทรา สิโรดม กล่าวเสริมถึงผลการวิจัยว่า “จากผลวิจัยทางสถิติพบว่าทองคำสามารถใช้เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อได้ เนื่องจากราคาทองคำจะมีการเคลื่อนไหวในทิศทางที่สัมพันธ์กับราคาน้ำมันและดัชนีราคาผู้บริโภค นอกจากนี้ ยังมีการเคลื่อนไหวในทิศทางที่ไม่สัมพันธ์กับดัชนีหลักทรัพย์ จึงเหมาะกับการเป็นสินทรัพย์เพื่อกระจายการลงทุน การเปิดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำในประเทศไทยจะช่วยเติมเต็มให้ตลาดทุนไทยมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ลงทุนและผู้ประกอบการมีเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับตลาดทองคำในประเทศทำให้ลดการขาดดุลการค้าจากการนำเข้าทองคำ และช่วยป้องกันเงินทุนไหลออกไปลงทุนในตลาดอนุพันธ์ต่างประเทศได้

การซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สจะทำให้การลงทุนยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสัญญามีความเป็นมาตรฐาน มีสภาพคล่องสูง สามารถเปลี่ยนมือได้ง่าย นอกจากนี้ยังใช้ต้นทุนต่ำ และสามารถขายล่วงหน้าได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีซื้อล่วงหน้ามาก่อน ทำให้สามารถทำกำไรในตลาดขาลงได้ จึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือลงทุนที่น่าสนใจ

โดยสรุปแล้ว ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยมีความพร้อมที่จะเปิดตลาดล่วงหน้าซื้อขายทองคำ เนื่องจากประเทศไทยมีตลาดซื้อขายทองคำจริงที่มีสภาพคล่องสูงมาเป็นเวลานาน คนไทยมีความนิยมซื้อทองคำสะสมเป็นสินทรัพย์ลงทุน และมีความคุ้นเคยกับการซื้อขายทองคำกับร้านทองเป็นรายวันที่มีอยู่หลายพันร้านทั่วประเทศไทย ประกอบกับประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกเครื่องประดับและอัญมณีรายใหญ่ของโลก ซึ่งจำเป็นต้องใช้ทองคำเป็นวัตถุดิบจำนวนมากในแต่ละปี ผู้ประกอบการจำเป็นต้องหาวิธีประกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาทองคำ

การบรรยายผลการศึกษาในครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก โดยมีผู้เข้าร่วมฟังการบรรยายกว่า 500 คน สำหรับผู้สนใจสามารถติดตามกิจกรรมอื่น ๆ ของตลาดอนุพันธ์ได้ทาง www.tfex.co.th และรายการ Futures Talk by TFEX ทางสถานีโทรทัศน์เพื่อเศรษฐกิจและการลงทุนมันนี่ แชนแนล ทางทรู วิชั่นส์ ช่อง 80