พรีเมียร์ปลื้มผลจองหุ้นวันแรก

16 May 2008

กรุงเทพฯ--16 พ.ค.--บ้านพีอาร์

บล.บัวหลวง พอใจเปิดขายหุ้นพรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง วันแรก นักลงทุนให้การตอบรับดี เชื่อแนวโน้มอุตสาหกรรมอาหารรุ่ง ประกอบกับแบรนด์ “ปลาสวรรค์ทาโร่” ติดตลาด ครองส่วนแบ่งอันดับหนึ่งกว่าร้อยละ 70 สร้างความมั่นใจให้นักลงทุน

นายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ บริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากเปิดให้จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปในครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมาเป็นวันแรก และจะเปิดขายถึงวันที่ 16 พ.ค.นี้ ปรากฎว่านักลงทุนให้การตอบรับเป็นที่น่าพอใจ โดยมีกองทุน JAIC ประเทศญี่ปุ่นขอซื้อหุ้น 10 ล้านหุ้น ซึ่งเป็นผลจากธุรกิจของบริษัทซึ่งอยู่ในกลุ่มอาหารที่มีความมั่นคงและแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้เป็นหุ้นกลุ่มที่นักลงทุนให้ความสนใจโดยวัดจาก PE Ratio ของหุ้นกลุ่มอาหารซึ่งสูงถึง 18 เท่า ในขณะที่ราคาหุ้นของบริษัทที่หุ้นละ 3.10 บาท เท่ากับ PE Ratio 9.7 เท่าของกำไรปี 2550 และ PE Ratio 8.1 เท่าของกำไรปี 2551 ซึ่งได้ให้ส่วนลดพอสมควรแก่นักลงทุน โดยจะเริ่มเปิดซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นวันแรกในวันที่ 27 พ.ค.นี้อยู่ในหมวดอาหารและเครื่องดื่มภายใต้ชื่อ PM

“ปีนี้เป็นปีที่ทุกคนคาดกันว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตด้วยการลงทุนของภาครัฐ เอกชนและการบริโภคภายในประเทศ ดังนั้นการที่ธุรกิจของพรีเมียร์ฯ ซึ่งอยู่ในกลุ่มอาหาร จึงคาดหมายว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่องเหมือนหลายๆ ปีที่ผ่านมา ประกอบกับแนวโน้มอุตสาหกรรมสินค้าบริโภคที่เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน รวมถึงการเน้นผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ซึ่งตอบสนองกับความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่เน้นสุขภาพเป็นหลัก จึงเชื่อว่าปัจจัยดังกล่าวจะสนับสนุนให้พรีเมียร์ฯ เติบโตได้ตามเป้าหมาย ”นายญาณศักดิ์ กล่าว

นอกจากนี้จุดแข็งของบริษัท คือ การมีสินค้าแบรนด์ของตัวเองที่ประสบความสำเร็จ เช่น ปลาสวรรค์ทาโร ลูกอมคอริฟีน-ซี ซอสคิงส์คิทเช่น เป็นต้น โดยเฉพาะปลาสวรรค์ทาโร ซึ่งเป็นเจเนริคแบรนด์ที่ประชาชนรู้จักอย่างกว้างขวาง ถือเป็นสินค้าหลักของบริษัท มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับหนึ่ง ประกอบกับความที่บริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง มีความตั้งใจที่จะจ่ายปันผลในอัตราสูงเป็นที่น่าพอใจโดยบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวงคาดว่า PM จะจ่ายขั้นต่ำ 15 สตางค์ในปี 2552 จึงน่า จะดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาจองซื้อหุ้นในครั้งนี้

บริษัทได้เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 1 ของปี 2551โดยงบการเงินรวมมีกำไรสุทธิเท่ากับ 123.52 ล้านบาท ซึ่งได้รวมกำไรจากการได้รับลดหนี้จำนวน 84.99 ล้านบาทของบริษัทย่อย ในส่วนของงบเฉพาะบริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 34.77 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานที่สูงกว่าความคาดหมาย จากผลการดำเนินงานดังกล่าว ทำให้ปัจจุบันส่วนของผู้ถือหุ้นในงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะเป็นบวก 43.71 ล้านบาท และ 34.10 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งเมื่อรวมกับทุนใหม่จากการทำ IPO จะทำให้มีส่วนของผู้ถือหุ้นเกินเกณฑ์ 300 ล้านบาทตามที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด

นายญาณศักดิ์ กล่าวต่อว่า แม้บริษัทพรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง จะมีขาดทุนสะสมอยู่จำนวน 500 ล้านบาท แต่มีแผนล้างขาดทุนสะสมโดยการนำส่วนล้ำมูลค่าหุ้นประมาณ 305 ล้านบาท จากการขายหุ้นไอพีโอหุ้นละ 3.10 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาพาร์ที่ 1 บาท และกำไรจากการขายหุ้นของบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัทพรีเมียร์ เอ็นเตอร์ไพรซ์ (PE) ที่บริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง ถือหุ้นอยู่ทั้งหมด ประมาณ 145 ล้านหุ้น โดยมีต้นทุนอยู่ที่หุ้นละ 0.25 บาท รวมทั้งกำไรสุทธิเฉพาะของบริษัทเฉลี่ยปีละ 100 ล้านบาท จะทำให้บริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้งล้างขาดทุนสะสมได้หมดในปี 2551 และพร้อมจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ในปี 2552

“ยอดขาดทุนสะสมที่มีอยู่นั้น เป็นผลสืบเนื่องมาตั้งแต่เกิดวิกฤตทางการเงินเมื่อปี 2540 ถึงแม้บริษัทจะมีผลกำไรจากการดำเนินงานมาโดยต่อเนื่อง แต่ก็มีผลขาดทุนจากการลอยตัวของค่าเงินบาท อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้น และการตั้งสำรองหนี้เสีย ทำให้มียอดขาดทุนสะสมมาจนถึงปัจจุบัน แต่หลังขายหุ้น IPO ในครั้งนี้จะทำให้สถานะของพรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้งแข็งแกร่งขึ้นและขยายธุรกิจได้มากขึ้น” นายญาณศักดิ์กล่าว

ทั้งนี้ บริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง อยู่ระหว่างเสนอขายหุ้นสามัญ จำนวน 215 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และบริษัทได้รับจดหมายแจ้งผลการพิจารณาคำขอให้รับหุ้นเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้วเมื่อวันที่16 เมษายน 2551

สื่อมวลชนสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

คุณปิยวรรณ อนันต์เวทยานนท์ (เอ๋)

บริษัท บ้านพีอาร์ จำกัด

โทร. 0-2292-9383 หรือ มือถือ 081 944-1972

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net