Shaolin Girl ภาคต่อของภาพยนตร์ฮ่องกงที่ทำรายได้ถล่มทลายในประเทศไทย ผลงานการอำนวยการสร้างโดย โจวซิงฉือ เปิดตัวเหนือ 10,000 B.C. ในญี่ปุ่น

23 Jul 2008

กรุงเทพฯ--23 ก.ค.--สหมงคลฟิล์ม

ประเภท แอ๊คชั่น

กำกับการแสดง คัทสึยูกิ โมโตฮิโระ ( Udon , Bayside Shakedown )

อำนวยการสร้าง โจวซิงฉือ

นำแสดง โค ชิบาซากิ ( DORORO , Crying Out Love, in the Centre of the World ) โทรุ นากามูระ ( Tokyo Rider )

กำหนดฉาย 7 สิงหาคม

ปี 2001 นักเตะเสี้ยวลิ้มยี่ ( Shaolin Soccer ) ทำให้ชื่อของ

โจวซิงฉือ ดังถึงขีดสุดในบ้านเรา และภาพยนตร์เรื่องนี้ยังกลายเป็นภาพยนตร์ฮ่องกงที่ทีกวาดรายได้สูงสุดในประเทศไทย ที่สร้างโดยบริษัทของเขาเองอีกด้วย นอกจากนั้นยังสร้างกระแสโจวซิงฉือ ฟีเวอร์อยู่นานนับ 10 ปี โดยจากความสำเร็จในครั้งนั้น ทำให้ ราชาแห่งหนังคอมเมดี้ โจวซิงฉือ ตัดสินใจที่จะสร้างภาคต่อโดยใช้ชื่อว่า SHAOLIN GIRL โดยได้ประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้ออกทุนในการสร้างให้ หนังได้ คัทสึยูกิ โมโตฮิโระ ผู้กำกับที่มีเครดิตในการสร้างภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในประเทศญี่ปุ่นอย่าง Bayside Shakedown มารับหน้าที่กำกับการแสดง

SHAOLIN GIRL เปิดเรื่องที่สาวน้อย ริน ( โค ชิบาซากิ ) หญิงสาวชาวญี่ปุ่นที่เดินทางด้วยความมุ่งมั่นไปฝึกกังฟู ณ ประเทศจีน นานถึง 9 ปีเต็ม ต่อมา ริน เดินทางกลับญี่ปุ่น ด้วยความหวังที่จะสืบทอดเจตนารมย์ในการถ่ายทอดวิชากังฟูในสำนักกังฟูที่ปู่ของเธอเป็นผู้ก่อตั้ง แต่เมือเดินทางมาถึงญี่ปุ่น รินพบว่า สำนักสุดยอดกังฟูที่เธอต้องสืบทอดได้อปิดตัวไปเสียแล้ว รินสืบหาความจริงจนพบว่าเจ้าของร้านอาหารจีนที่ชื่อ เคนจิ เป็นผู้ต้องสงสัย รินจึงยอบรับข้อเสนอของ หลิว ( คิตตี้ ฉาง ) ผู้ช่วยของเคนจิ ในการยอมเข้าร่วม ทีมลาครอส ในมหาวิทยาลัยของหลิว เพื่อแลกกับการให้ หลิว เป็นสายสืบให้เธอ แต่เมื่อ ริน เริ่มฝึกลาครอส เธอก็ใช้วิชากังฟูเส้าหลินที่ได้เรียนมาฟัดทีมคู่ต่อสู้จนกระเจิง แถมยังบังคับให้ลูกทีมคนอื่น ๆ หัดวิชากังฟูอีกด้วย จนทำให้ โยอิชิโระ โอบะ ประธานนักศึกษาไม่พอใจที่รินโด่งดังเกินหน้าเขา เขาจึงส่งสารน์ท้าดวลเพื่อทำให้เหล่านักศึกษามหาวิทยาลัยได้เห็นว่าระหว่างเขากับ ริน ใครแน่กว่ากัน

ทีมงาน

ซิฮิโร คาเมยามา

เกิดที่ ซิซูเอเกะ ประเทศญี่ปุ่นในปี ค.ศ.1956 ร่วมงานกับสถานีโทรทัศน์ฟูจิในปี ค.ศ. 1980 โดยเริ่มทำงานในตำแหน่งผู้ควบคุมสถานีและฝ่ายผลิต ต่อมาคามิยามาได้รับตำแหน่ง หัวหน้าฝ่ายผลิตของสถานีฟูจิ และปัจจุบันเขาได้ผันตัวเองมาอยู่ในส่วนของธุรกิจภาพยนตร์และเป็นบุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่หลายเรื่องภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียง “โอโดรุ ไดโซซาเซ็น” (1998), “ยูมิซารุ” (2004), “สาวสวิงกลิ้งยกแก๊งค์ ” (2004), “ไรน์ รำลึก”(2005), “ว้าว โรงแรมที่รัก”(2006), “ปิ๊งรักสาวซุปเปอร์ฯ” (2006), “ผมไม่ได้ทำชั่วแบบนั้น”(2007), “ฮีโร่”(2007), “รัก ลวง ตาย” (ผลงานล่าสุด 2008) สตีเฟ่น เชา (โจวซิงฉือ)

เกิดที่ ฮ่องกง ในปี ค.ศ.1962 ได้รับคัดเลือกให้ป็นดารายอดนิยมแห่งเอเชีย โดยนิตยสารทามส์เอเชีย นักแสดงที่มีผลงานภาพยนตร์มากกว่า 50 เรื่อง รวมทั้งเรื่อง “คนเล็กหมัดเทวดา” ทำรายได้มากกว่า100 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่บ็อกออฟฟิศ ซึงภาพยนตร์เรื่องนี้ โจวซิงฉือ เป็นผู้สร้าง ผู้กำกับและเป็นผู้นำแสดงเอง ในประเทศญี่ปุ่นเขาเป็นที่รู้จักกันดีในนามของนักแสดงและผู้กำกับเรื่อง “นักเตะเสี้ยวลิ้มยี่”ภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียง“คนเล็กกุ๊กเทวดา”(1996), “หัวใจใหญ่ในคนตัวเล็กๆ(ฟัดโลก)”(1999), “นักเตะเสี้ยวลิ้มยี่”(2001), “คนเล็กหมัดเทวดา”(2004), “คนเล็กของเล่นใหญ่” และ “ดร้ากอนบอล”(ผลงานล่าสุด 2008) คัทสุยูกิ โมโตฮิโร

เกิดที่ คากาวา ประเทศญี่ปุ่น ในปี 1965 หลังจบการศึกษาจาก อาคาเดมี ออฟ มูฟวิ่ง อิมเมจ โมโตฮิโร เข้าทำงานแวดวงของละครทีวี จากนั้น ในปี ค.ศ.1996 เขาได้กำกับภาพยนตร์เรื่องแรกชื่อ “” เขาได้กำกับภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงหลายเรื่อง รวมถึงภาพยนตร์เรื่อง “โดรุ ไดโซซาเซ็น” และได้รับการพิจารณาให้เป็นผู้กำกับภาพเคลื่อนไหวยอดเยี่ยมภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียง“การเดินทางท่องอวกาศ” (2000), “ซาโทราเร”(2001), “หน่วยเจรจาท้านรก”(2005), “เวลามหาสนุก”(2005), “อูด้ง”(2006)

มิฮิมารุ จีที

วงมิฮิมารุจีที เป็นวงที่บรรเลงเพลงประกอบภาพยนตร์ ชื่อ “Girigiri Hero” วงนี้ก่อตั้งขึ้นในเดือนมกราคม ปี ค.ศ.2003 โดย ฮิโรโก๊ะ (นักร้องนำที่มีความปรารถนาจะเป็นนักร้องอาชีพ) และดนตรีโดย มิยาคิ วงดตรีนี้จัดการแสดงครั้งแรกในท้องถนน แชละผลิตเทปออกมาวางจำหน่ายด้วยตัวของพวกเขาเองโดยไม่พึ่งค่ายเพลงไหน และเพลงของพวกเขาไปสะดุดหูทีมงานของสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งและนั่นทำให้พวกเขาได้ปรากฎตัวอย่างยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรกในงาน Japanese music scene อัลบั้มเดี่ยวของพวกเขาชื่อ “Kibun JOjo” วางแผงในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2006 เป็นที่นิยมอย่างมากเพลง “Girigiri Hero” เป็นเพลงที่มีท่วงทำนองที่เปี่ยมด้วยพลังแห่งการสอดประสานของแนวดนตรี เจ ป๊อป และฮิบฮอบ อันนำมาซึ่งรอยยิ้มของตัวละครในเรื่อง Shaolin girl รวมไปถึงนางเอกของเรื่องคือ Rin

บทสัมภาษณ์

ซิฮิโร คาเมยามา โปรดิวเซอร์ ภาพยนตร์ Shaolin Girl

Q : ทำไมถึงได้ตัดสินใจสร้างเรื่อง “Shaolin girl”?

A : ผมได้พบกับ สตีเฟ่น เชา (โจวซิงฉือ) ตอนสร้างวภาพยนตร์เรื่อง Odaiba Movie King ตอนนั้นเขาอยู่ที่ญี่ปุ่นและเราคุยกันได้ลงตัว เราจึงเริ่มต้นวางแผนถึงความร่วมมือของเรา แต่เราไม่คิดจะสร้างภาคต่อของภาพยนตร์เรื่อง “นักเตะเสี้ยวลิ้มยี่” เพราะเราสนใจที่จะสร้างนักเตะเสี้ยวลิ้มยี่ในภาคของญี่ปุ่นมากกว่า มีเรื่องมาให้เราเลือกมากมายในที่สุดเราก็ตัดสินใจเลือกเรื่องเกี่ยวกับสาวน้อยผู้ที่พยายามจะเผยแพร่ศิลปะการป้องกันตัว แบบกังฟูในประเทศญี่ปุ่น และนี่เป็นเหตุที่ทำให้เราตัดสินใจเลือกสร้าง “Shaolin girl”

Q : ทำไมถึงให้นางเอกเล่นกีฬา lacrosse

A : แรกทีเดียวเราถกเถี่ยงกันว่าอะไรจะเป็นทางที่ดีที่สุดที่จะทำให้ กังฟูของเส้าหลินเป็นที่รู้จักกันดีในประเทศญี่ปุ่น และเราก็คิดถึงการออกกำลังกายแบบเส้าหลิน เราคิดว่าอะไรที่จะเป็นกีฬาที่มากกว่ากีฬาและเราก็ตัดสินใจเลือก lacrosse เพราะ lacrosse เป็นกีฬาที่ผู้หญิงเล่น มีอุปกรณ์ที่เป็นไม้ตีหรือกระบองที่เหมือนกับศิลปะการต่อสู้ กังฟูไม่ใช่ศิลปะการต่อสู้เพื่อสนามรบแต่เป็นการฝึกฝนตนเองหรือเพื่อการฝึกสมาธิ อีกนัยหนึ่ง lacrosse เป็นกีฬาที่ต้องอาศัยความร่วมมือกันเป็นหมู่คณะ ทำให้เราคิดว่าเราสามารถอธิบายถึงช่องว่างระหว่างความเป็นญี่ปุ่น ที่ให้ความสำคัญความเป็นระบบและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในทีม และตัวนางเอกคือ ริน ซาคุราซาวะ ผู้ซึ่งกลับมาจากประเทศจีนพร้อมด้วยจิตวิญญาณของกังฟูแห่งเส้าหลินอย่างต็มเปี่ยม และนั่นเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เราเลือก lacrosse

Q : นี่เป็นหนังเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้เรื่องแรกของสคุณหรือเปล่า ?

A : ความพยายามในการสร้างหนังต่อสู้ในญี่ปุ่นปัจจุบันนี้เราต้องการที่จะสร้างสิ่งที่สะท้อนความเป็นญี่ปุ่นในขณะนี้ เราไม่ได้อยากสร้างหนังประวัติศาสตร์อย่าง Chiba Shin-Ichi เราพยายามที่จะพรรณนาให้เห็นถึงฉากการต่อสู้ รวมถึงฉากที่แสดงการทำงานอย่างเป็นสายโยงใย และแสดงให้เห็นด้วยว่า กังฟู ไม่ได้เป็นศิลปะการต่อสู้แบบสงคราม แต่เป็นกระบวนการที่จะรักษาความแข็งแกร่งที่เราสามารถสร้างสิ่งดีๆให้คนอื่นๆได้

Q : โค ชิบาซากิ เป็นคนแรกที่คุณเลือกรับบท ริน ซาคุราซาวะ เลยหรือเปล่า?

A: ใช่แล้ว ฉันคิดว่าเธอเหมาะกับบทนี้มากที่สุด ตอนแรกดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้เพราะเป็นหนังต่อสู้แล้วเธอเองก็ดูเหมือนจะมีงานแสดงเยอะมาก ฉันบอกเธอเกี่ยวกับโครงเรื่องหนังของเราเมื่อตอนเราพบกันเปิดตัวหนังเรื่อง Kencho No Hoshi เธอก็ตอบตกลงทันที ว่าเธออยากลองดูซึ่งเป็นเรื่องที่ฉันไม่ได้คาดคิดมาก่อน จากนั้นเราก็ใช้เวลาเป็นปีในการสร้างภาพลักษณ์ให้เธอ เธอดูกระตือรือร้นกับการฝึกซ้อมซึ่งกระตุ้นให้พวกเราทำในส่วนของพวกเราให้ดีที่สุด เราตระหนักดีว่าดาราชายหญิงของเรา แสดงนำฉากต่อสู้ บางที่อาจจะเหมือนหนังของ Bruce lee หรือ Jackie Chan ถ้า Shibasaki จะไม่เอ่ยขึ้นมาว่าเธอจะแสดงเองโดยไม่ใช้นักแสดงแทน หนังเรื่องนี้ก็คงไม่ก้าวหน้า ฉันถือว่าเธอคือหนึ่งในผู้จุดประกายแห่งพลัง เธอคือสุดยอดแห่งความแข็งแกร่ง เป็นยอดหญิงอย่างไม่ต้องสงสัยเลย สตีเฟ่น เชา (โจวซิงฉือ)

Q : คุณเข้ามาร่วมงานกับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างไร?

A: “Shaolin Girl” เป็นภาพนตร์ใหม่โดยทีมงานชาวญี่ปุ่น โดยมีพื้นฐานจากเรื่องเดิม ผมทำงานกับคุณ Kameyama มา 4 ปี เป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับผู้ผลิตภาพยนตร์ชาวญี่ปุ่น ในภาพยนตร์เรื่องนี้

Q : ตอนที่คุณอ่านบทภาพยนตร์เรื่องนี้ครั้งแรกซึ่งเป็นบทที่เขียนโดยชาวญี่ปุ่น คุณคิดว่าอย่างไร

A: “Shaolin Girl” เป็นหนังญี่ปุ่นเรื่องแรกที่ผมได้มีโอกาสร่วมกันโดยตรง ดังนั้นผมจึงไม่สามารถเข้าใจถึงวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นได้อย่างถ่องแท้ นั่นเป็นเหตุให้เราเกิดช่องว่างทางอารมณ์บางอย่างขึ้น แต่อย่างไรก็ตามบทภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นบทที่น่าสนใจมากๆ สิ่งที่ประทั่บใจที่สุดก็คืออารมณ์และความรักซึ่งนางเอกของเรามีให้กับกังฟู

Q : คุณประทับใจอะไรในตัว Ko Shibasaki ที่แสดงเป็น Rin Sakurasawa ?

A : เธอทำได้ดีมาก เธอแสดงถึงบุคลิกที่น่าทึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในฉากต่อสู้ เธอน่าประทับใจมากกว่าที่ผมคาดคิดไว้ซะอีก

Q : คุณมีคำแนะนำพิเศษอะไรให้กับหนังเรื่องนี้

A: ผมได้ใส่ความคิดบางอย่างในการสร้างบุคลิกของตัวละคร เช่น Ming Ming Liu ที่แสดงโดย Kitty Zhang เป็นตัวละครที่ผมสร้างขึ้นมา และแน่นอนว่า ผมได้ใส่หลายสิ่งหลายอย่างลงไปในฉากต่อสู้

Q : โดยส่วนตัวแล้วคุณรู้สึกอย่างไรกับภาพยนตร์เรื่องนี้?

A: คุณคงพอจะรู้ได้กับสิ่งที่ผมได้พูดไปแล้ว ว่าสิ่งที่ชัดเจนที่สุดเห็นจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างผมและผู้สร้างภาพยนตร์ชาวญี่ปุ่น ผมรู้สึกประทับใจถึงการทุ่มเทและอุทิศตัวเองให้กับงานของทีมงานชาวญี่ปุ่น ผมรู้สึกมั่นใจว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะโด่งดังเป็นที่รู้จักทั่วไปไม่ในเฉพาะเอเชีย แต่จะโด่งดังไปทั่วโลก และผมก็รอโอกาสจะร่วมงานกับพวกเขาอีกครั้งหนึ่ง

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net