กรุงเทพฯ--21 ก.ค.--ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2/2551 ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยตามงบการเงินรวม ธนาคารมีกำไรจากการดำเนินงาน (ก่อนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญและภาษี) จำนวน 3,744 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2551 และเพิ่มขึ้น 186% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2550 และหลังตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ จำนวน 1,447 ล้านบาทและภาษีจำนวน 296 ล้านบาท ธนาคารมีกำไรสุทธิ ประจำไตรมาส 2/2551 จำนวน 2,002 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 94% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2551 และเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิจากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์ IAS 39
รายการหลักที่ส่งผลให้การดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ปรับปรุงดีขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนได้แก่ รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิเพิ่มขึ้น 45% รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 48% ขณะที่รายจ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยกว่าคือ 8% นอกจากนี้ ธนาคารยังมีความคืบหน้าด้านการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์จากการจำหน่ายหนี้ที่ ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ส่งผลให้คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารในไตรมาสนี้ ปรับตัวดีขึ้นตามแผนงานที่วางไว้ โดยหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ตามงบการเงินรวมเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2550 ลดลงสุทธิ 5,723 ล้านบาท มาอยู่ที่ระดับ 64,910 ล้านบาท คิดเป็น 11.1% จาก 15.5% ของสินเชื่อรวม โดยหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net NPL) อยู่ที่ระดับ 7.1% จาก 10.2% ณ สิ้นปี 2550
สำหรับผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกของปี 2551 ตามงบการเงินรวม ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีกำไรจากการดำเนินงาน (ก่อนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญและภาษี) จำนวน 6,353 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเมื่อหักสำรองฯ และภาษี ธนาคารมีกำไรสุทธิ 3,033 ล้านบาท ปรับปรุงดีขึ้นอย่างมี นัยสำคัญจากงวดเดียวกันของปี 2550
นายตัน คอง คูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ธนาคารพอใจกับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ซึ่งปรับตัวดีขึ้น เพราะถือเป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นว่าการที่ธนาคารได้ทุ่มเทและร่วมกันทำงานอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมากำลังให้ผลสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ว่าการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 2 จะมีแรงกดดันจากปัจจัยแวดล้อมทางธุรกิจที่มีความท้าทายมากขึ้นกว่าที่ได้ประมาณการไว้เมื่อตอนต้นปีก็ตาม”
“การเติบโตของผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องทั้งในไตรมาส 2 และงวดครึ่งปีแรกปี 2551 เป็นกำลังใจให้ธนาคารมุ่งมั่นที่จะทำงานตามแผนงานที่วางไว้ต่อไป ซึ่งความคืบหน้าเหล่านี้เป็นผลจากการที่ธนาคารได้ลงทุนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งโครงสร้างพื้นฐานของธนาคารในปี 2550 ที่ผ่านมา ทำให้ธนาคารมีโครงสร้างสินเชื่อที่ดีขึ้น และมีระบบงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เราจึงมั่นใจว่าระบบงานที่ธนาคารได้วางไว้จะช่วยให้ธนาคารสามารถดำเนินธุรกิจให้เติบโตต่อไปได้ภายใต้ปัจจัยแวดล้อมทางธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2551 ที่ยากขึ้น” นายตัน คอง คูน กล่าวในที่สุด
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 ตามงบการเงินรวม ธนาคารมีสินทรัพย์รวม 751,155 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2550 จำนวน 98,779 ล้านบาท หรือ 15% มีเงินให้สินเชื่อรวม 540,292 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 89,936 ล้านบาท หรือ 20% เงินฝากมีจำนวน 515,873 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,246 ล้านบาท หรือ 3% และธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ในระดับที่แข็งแกร่งคือ 17.4% โดยเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 (Tier 1) 13.1%
ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
บมจ. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2488 ปัจจุบันเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย เป็นธนาคารที่ให้บริการทางการเงินอย่างครบวงจร แก่ทั้งลูกค้าธุรกิจ และลูกค้าบุคคล ผ่านเครือข่ายสาขา 571 แห่งทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2550 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และ จีอี มันนี่ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินเพื่อรายย่อยชั้นนำของโลกได้บรรลุข้อตกลงการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ โดย ปัจจุบัน จีอี มันนี่ถือหุ้นของธนาคารในสัดส่วนร้อยละ 35 ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจและความเชื่อมั่นในธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับการผสานความสามารถทางธุรกิจของสององค์กร คือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และ จีอี มันนี่ เพื่อให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา บรรลุเป้าหมายการเป็นธนาคารที่ให้บริการครบวงจรชั้นนำของประเทศไทย ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชม ได้ที่เว็บไซต์ธนาคาร www.krungsri.com
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
คุณเยาวลักษณ์ พูลทอง
ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านการสื่อสารองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
โทรศัพท์หมายเลข 0 2296 3729, 02 296 2443
อีเมล์: [email protected]
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit