มาริสสา เดรค กับชีวิตที่พลิกผันขออุทิศตนก่อตั้ง มูลนิธิฟอร์เอฟเวอร์ เลิฟ ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ในเมืองไทย

01 Feb 2008

กรุงเทพฯ--1 ก.พ.--แพลตตินั่ม มาร์เก็ตติ้งแอนด์ดิสทริบิวชั่น

ชีวิตของคนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่ เลือกที่จะทำหรือดำเนินไปในแบบที่ตนต้องการได้ เช่นเดียวกับชีวิตของ มาริสสา เดรค หญิงไทยที่ไปเติบโตในประเทศสหรัฐอเมริกา เธอเป็นผู้ก่อตั้ง มูลนิธิฟอร์เอฟเวอร์เลิฟ ( FOREVER LOVE : FLF ) เมื่อปี พ.ศ. 2539 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนที่ดำเนินงานด้านสาธารณกุศล และ มิได้แสวงหาผลกำไรจากต่างประเทศ มูลนิธิฟอร์เอฟเวอร์เลิฟ มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือและส่งเสริมทางด้านการศึกษา พลานามัย การพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับเด็กด้อยโอกาส หรือ เด็กกำพร้า และ โดยเฉพาะเด็กที่ติดเชื้อ HIV หรือที่ได้รับผลกระทบจากโรค AIDS ในประเทศไทย ร่วมถึงผู้พิการ และ ด้อยโอกาสทางสังคม

โอกาสนี้ คุณมาริสสา เดรค ได้เผยถึงการก่อตั้งมูลนิธิฟอร์เอฟเวอร์เลิฟ ( FOREVER LOVE : FLF ) ในประเทศไทยว่า “ มันเกิดขึ้นจากความรู้สึกที่อยากทำ คือเมื่อ ปี ค.ศ.1990 ได้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อหาซื้อของตกแต่งบ้านให้ลูกค้า ซึ่งเป็นธุรกิจส่วนตัวที่ทำอยู่ในขณะนั้นคือรับออกแบบตกแต่งภายใน ซึ่งตอนนั้นเราก็ได้มาเจอกับเหตุการณ์ที่เรียกได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเลยก็ว่าได้ เพราะได้มาเจอกับเด็กขอทานตัวเล็กๆ คนหนึ่งชื่อน้องนิด แถวถนนสุขุมวิท เรามาทราบทีหลังว่า นิดเป็นเด็กกำพร้าถูกพ่อ-แม่ทอดทิ้ง และที่สำคัญนิดติดเชื้อ HIV จำได้ว่าตอนนั้นเราหอบหิ้วเขาไปทุกที่ที่เราไปจนกระทั่งเดินทางกลับอเมริกาเพื่อไปทำงานต่อ แต่ก็ได้ฝากเขาไว้กับคนที่รู้จักในเมืองไทย จนวันหนึ่งเราได้ข่าวร้ายจากคนที่ดูแลว่า นิดเสียชีวิตแล้ว ข่าวนั้นมันมีผลกับชีวิตเรามากเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ แต่ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้เรามีความสุขนะ น้องนิดเป็นเด็กกำพร้าที่มีโรคร้ายติดตัวมา เขาเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เราเลือกที่จะทำงานช่วยเหลือเด็กกลุ่มนี้ โดยเฉพาะการได้กลับมารับใช้ประเทศไทย เราจึงได้ริเริ่มและก่อตั้ง มูลนิธิฟอร์เอฟเวอร์เลิฟ ( FOREVER LOVE : FLF ) ขึ้นในปี พ.ศ.2539 โดยใช้ทุนส่วนตัวในการก่อตั้งเบื้องต้น หลังจากนั้นก็ชวนเพื่อนๆ ทั้งคนไทยที่ไปเติบโตที่นั้น และ ชาวต่างชาติให้มาร่วมเป็นกรรมการ และ เมื่อเราได้รับใบอนุญาตให้เป็นองค์กรสาธารณกุศลถูกต้องตามกฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกาเรียบร้อยแล้ว จึงได้เริ่มขอรับทุนบริจาคจากหน่วยงาน องค์กร และ บุคคล ในต่างประเทศเพื่อนำเงินเหล่านั้นมาดำเนินโครงการและกิจกรรมในประเทศไทย ในการเข้ามาในเมืองไทยเราก็ต้องทำการขอใบอนุญาตกับกรมแรงงานต่างด้าว และ คณะกรรมการในการที่จะเข้ามาดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในฐานะที่เราเป็นองค์กรจากต่างประเทศ จากการที่เราได้เข้ามาดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในเมืองไทย เราได้พบว่าที่จริงแล้วยังมีผู้ที่ด้อยโอกาสอีกมาก อย่างเช่นผู้พิการ ในเมืองไทยที่มีมากกว่า 8 แสนคน ซึ่งเยอะมาก ทางมูลนิธิฯ ของเราจึงได้ประสานงานและร่วมมือกับองค์กรต่างประเทศ ซึ่งมี 3 องค์กรหลักที่ร่วมงานกับเรา คือ องค์กร UCP Wheels For Humanity , องค์กร Wheelchair Foundation และ องค์กร Operation USA และเรายังได้รับความช่วยเหลือ และ ความร่วมมือจากหน่วยงาน-องค์กรต่างๆ ในประเทศไทย ได้แก่ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ในโครงการบริจาครถเข็นให้กับคนพิการในประเทศไทย

และในระหว่างวันที่ 26 – 30 มกราคม นี้ ทางมูลนิธิฯ ของเรา ได้จัดให้มีกิจกรรมบริจาครถเข็นผู้พิการจำนวน 260 คัน ซึ่งรถเข็นทั้งหมดได้รับบริจาคจาก องค์กร Wheelchair Foundation จากประเทศสหรัฐอเมริกา นำโดย มร.โทมัส แบรริ่ง และ มร.เจฟฟี่ แบรริ่ง รองประธานองค์กร วิวแชร์ ฟาว์เดชั่น ( Wheelchair Foundation in USA. ) จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมอบผ่านกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เพื่อนำไปบริจาคให้กับหน่วยงาน และ องค์กรต่างๆในประเทศไทย โดยครั้งนี้เราได้มอบให้กับทางโรงพยาบาลทหารผ่านศึก 50 คัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 350,000 บาท ซึ่งทางคณะที่เดินทางมานั้นก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากท่านรองผู้อำนวยการองค์การทหารผ่านศึก พลโท สุนันท์ ดีอ่วม ร่วมถึง นพ. นำชัย คุณธาราภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ซึ่งทางเราและคณะต้องขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ และ ต่อจากนี้ทางคณะเราก็จะเดินทางไปมอบรถเข็นให้กับผู้พิการที่จังหวัดเชียงรายอีก 50 คัน พร้อมกันนี้ก็จะเดินทางเข้าพบกับท่านอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เพื่อหารือแผนงานในการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนผู้พิการในประเทศไทยต่อไป

ปัจจุบัน มูลนิธิฟอร์เอฟเวอร์เลิฟ ( FOREVER LOVE : FLF ) ได้ดำเนินงานมา 11 ปี กำลังขึ้นสู่ปีที่ 12 ขณะนี้เรากำลังดำเนินงานโครงการฝึกอาชีพให้กับน้องๆ เด็กผู้หญิงชาวเขาที่โรงเรียนธารทิพย์ ในจังหวัดเชียงราย จำนวน 115 คน โดยเราใช้ชื่อโครงการว่า โครงการพัฒนาเยาวชนสตรีชาวเขา ซึ่งเด็กผู้หญิงกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มาจากครอบครัวแตกแยก ยากจน กำพร้า ขาดความรัก ความอบอุ่น และการดูแลที่เหมาะสม ทุกคนล้วนอยู่ในภาวะลำบาก ซึ่งเสี่ยงต่อการเสียอนาคต โดยเราจะเข้าไปช่วยส่งเสริมให้ความรู้ในการประกอบอาชีพ ที่เขาจะสามารถนำไปใช้ในการดำรงชีวิตต่อไปได้ในอนาคต โดยที่ไม่ต้องขายศักดิ์ศรีของตนเองด้วยการไปขายบริการทางเพศ ทั้งนี้เพื่อเป็นการสอนให้เขาเห็นคุณค่าของตนเอง สำหรับกิจกรรมที่เรานำเข้าไปส่งเสริม อาทิ สอนการทำผม ปักเย็บผ้า นวดแผนโบราณ สปา และ เพ้นท์เล็บ นอกจากนี้ยังสอนในเรื่องการตลาด การบัญชี คอมพิวเตอร์ ภาษาอังกฤษ สิทธิเด็ก รวมไปถึงมารยาทในการเข้าสังคม ถึงแม้ว่าเราก็เป็นเพียงองค์กรเอกชนเล็ก ๆ องค์กรหนึ่งที่ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมรณรงค์ในกิจกรรมของภาครัฐเท่าไหร่นัก แต่เราก็ไม่หยุดยั้งที่จะจัดทำโครงการที่สร้างสรรค์ต่างๆ ที่มุ่งเน้นไปที่ตัวเด็ก เพราะเราเล็งเห็นถึงการวางรากฐานของจิตใจให้แข็งแกร่ง ให้ความรัก ความเข้าใจ สอนให้เขาคิดเป็นทำเป็นสามารถให้เขาเติบโตเป็นคนดีรับใช้ประเทศชาติต่อไปได้ในอนาคต และ ถ้าใครมีความประสงค์ที่ต้องการจะเข้ามามีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมในการเป็นอาสาสมัครร่วมกับเรา หรือ ช่วยบริจาคอุปกรณ์การเรียนต่างๆไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ หนังสือที่ให้ความรู้ต่างๆ เครื่องนุ่งห่ม หรือจะเป็นเงินบริจาค ก็สามารถติดต่อโดยตรงที่มาริสสาได้เลย โทร. 089-503-7875 หรือ E-Mail ; [email protected] จะยินดีเป็นอย่างยิ่ง ” คุณมาริสสา ทิ้งท้าย

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

พัชรา ศรีทอง โทร. 081-827-0647 และ จิระประภา ศุภโกวิท โทร. 086- 570-5402

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net