ทราฟฟิกคอร์นเนอร์ โฮลดิ้งส์ จับมือพันธมิตร เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ผนึกกำลังเสริมความแข็งแกร่งจัดทัพโครงสร้างธุรกิจใหม่

13 Feb 2008

กรุงเทพฯ--13 ก.พ.--เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป

จากการที่บริษัท ทราฟฟิกคอร์นเนอร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (TRAF) ได้ทำการเพิ่มทุนจาก 120 ล้านบาท เป็น 360 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญจำนวน 240 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รวม 240 ล้านบาท โดยจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิม ต่อ 2 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 1.79 บาท และในกรณีที่มีหุ้นเหลือจากการเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม บริษัทจะจัดสรรให้แก่ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) (MAJOR) และผู้ถือหุ้นรายอื่นของบริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด เพื่อเป็นการชำระค่าหุ้นของเอ็ม พิคเจอร์ส นั้น

ทราฟฟิกคอร์นเนอร์ ได้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 183.65 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 51.01 ซึ่งเป็นไปตามบันทึกข้อตกลง โดยที่เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของทราฟฟิกคอร์นเนอร์ จำนวน 146.92 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 40.81 มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.84 บาท รวมมูลค่า 270.33 ล้านบาท และคุณสุชิน สถิตย์พัฒนพันธ์ ได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของทราฟฟิกคอร์นเนอร์ จำนวน 36.73 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10.20 มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.84 บาท รวมมูลค่า 67.58 ล้านบาท และทราฟฟิกคอร์นเนอร์ได้ซื้อหุ้นของเอ็ม พิคเจอร์ส จำนวน 999,993 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 99.99 จาก เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และผู้ถือหุ้นรายอื่น ในราคาหุ้นละ 320 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 320 ล้านบาท

จากการเพิ่มทุนดังกล่าวจะทำให้โครงสร้างการถือหุ้นปัจจุบันคือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ถือหุ้นในทราฟฟิก คอร์นเนอร์ 40.81% และทราฟฟิกคอร์นเนอร์ถือหุ้นในเอ็ม พิคเจอร์ส 99.99% ซึ่งครอบคลุม 3 ธุรกิจหลัก คือ

1.

ธุรกิจภาพยนตร์

2.

ธุรกิจกีฬา

3.

ธุรกิจการบริหารการตลาด

ในส่วนธุรกิจภาพยนตร์ จากปัจจุบันที่เป็นผู้จัดหา/นำเข้าลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ต่างประเทศผ่านทางเอ็ม พิคเจอร์ส ซึ่งเป็นธุรกิจเดิมนั้น ทางกลุ่มบริษัทจะขยายการดำเนินธุรกิจให้ครอบคลุมถึงการเป็นผู้ดำเนินการสร้างภาพยนตร์ไทย โดยภาพยนตร์ไทยที่สร้างขึ้นเอง จะได้รับการ

สนับสนุนจากเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ในการฉายผ่านเครือโรงภาพยนตร์ของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ทั้ง 4 แบรนด์ คือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์, อีจีวี, พารากอน ซีนีเพล็กซ์ และ เอสพละนาด ซีนีเพล็กซ์ โดยรายได้หลักจากธุรกิจดังกล่าวประกอบด้วย รายได้จากการจำหน่ายลิขสิทธิภาพยนตร์ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้แก่ โรงภาพยนตร์ วีซีดีและดีวีดี รวมทั้งจำหน่ายผ่านทางช่องสัญญาณเคเบิลทีวีและฟรีทีวี และรายได้จากกิจการทางการตลาด นอกจากนั้นจะทำหน้าที่รับจัดจำหน่ายภาพยนตร์ให้กับผู้สร้างภาพยนตร์รายอื่นด้วย

ธุรกิจกีฬา กลุ่มบริษัทเป็นเจ้าของลิขสิทธิและผู้ดำเนินการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลจากต่างประเทศ 3 รายการ ได้แก่ ฟุตบอลเอฟ.เอ.คัพ อังกฤษ ฟุตบอลบุนเดสลีกาเยอรมัน และฟุตบอลกัลโช่ ซีรี่อาร์อิตาลี โดยถ่ายทอดสดผ่านทางฟรีทีวี โดยรายได้หลักจากธุรกิจดังกล่าวประกอบด้วย รายได้จากค่าโฆษณา

ธุรกิจการบริหารการตลาด กลุ่มบริษัทมีเครือข่ายและความสัมพันธ์อันดีกับมีเดียเอเจนซี่และสื่อต่าง ๆ กลุ่มบริษัทจะให้ความสำคัญกับการเพิ่มมูลค่าให้กับทรัพย์สินที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยบริหารจัดการ content ที่มีอยู่ทั้งลิขสิทธิรายการฟุตบอลและลิขสิทธิภาพยนตร์ รวมทั้งการจัดหาสปอนเซอร์เพื่อลดความเสี่ยงในธุรกิจภาพยนตร์ นอกจากนั้นกลุ่มบริษัทยังมีรายได้จาก CRM ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท อินเซนพลัส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญอย่างมาก โดยคาดว่าธุรกิจ CRM จะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต เป็นผลจากการที่ผู้ประกอบการให้ความสำคัญกับข้อมูลของลูกค้ามากขึ้น เพราะสามารถตอบสนองและเข้าถึงความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง

นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด(มหาชน) กล่าวว่าการร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของทั้ง 2 บริษัท จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์และบันเทิงไทยให้เติบโตมากยิ่งขึ้น ด้วยจุดเด่นของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ที่มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศมากถึง 38 สาขาในปัจจุบัน และการมีแบรนด์ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายอย่าง เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์, อีจีวี, พารากอน ซีนีเพล็กซ์ และเอสพละนาด ซีนีเพล็กซ์

ที่สามารถให้บริการลูกค้าได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยรุ่น คนทำงาน ครอบครัว และผู้ที่ชอบความหรูหราทันสมัย นอกจากนี้ จุดแข็งของทราฟฟิก คอร์นเนอร์ ที่มีธุรกิจสื่อ การบริหารการตลาด และกีฬา

ที่สามารถช่วยเอื้อประโยชน์และเป็นช่องทางการเผยแพร่โฆษณาและประชาสัมพันธ์ให้กับกิจกรรมการตลาดของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น

สำหรับโครงสร้างการบริหารงานภายหลังการร่วมเป็นพันธมิตรธุรกิจระหว่างเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และ ทราฟฟิกคอนเนอร์ นั้น การบริหารงานจะมอบหมายให้เป็นหน้าที่ของทราฟฟิกคอร์นเนอร์ เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญและชำนาญในธุรกิจอยู่แล้ว โดย เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ จะเป็นกรรมการตามสัดส่วนการถือหุ้นเท่านั้น

นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ในฐานะผู้ก่อตั้ง บริษัท ทราฟฟิกคอร์นเนอร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า ทราฟฟิกคอร์นเนอร์มีความชำนาญด้านการผลิตรายการกีฬา และการบริหารการตลาดรายการกีฬา ข่าว และบันเทิง ซึ่งสามารถนำมาเสริมความแข็งแกร่งในการบริหารการตลาดธุรกิจภาพยนตร์ให้ครอบคลุมครบวงจร และวางตำแหน่งบริษัทใหม่นี้เป็นบริษัท ไลฟ์สไตล์ มีเดีย ที่เน้นธุรกิจภาพยนตร์ และสื่อเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์แบบต่าง ๆ

เนี่องจากธุรกิจภาพยนตร์ในประเทศไทย ยังมีอัตราขยายตัวที่สูง โดยเน้นการนำภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาฉายในประเทศไทย รวมทั้งขยายฐานไปสู่ภาพยนตร์ไทยโดยมีโครงการร่วมผลิตภาพยนตร์ไทยกับผู้กำกับอิสระชั้นนำของประเทศไทย อย่างบอย โกสิยพงษ์, ยุทธเลิศ สิปปภาค และสุพล วิเชียรฉาย เพื่อยกระดับมาตรฐานภาพยนตร์ไทยให้มีคุณภาพ ซึ่งปัจจุบันประเมินว่ามีภาพยนตร์ไทยที่มีคุณภาพเพียง 40% ของจำนวนโรงภาพยนตร์ที่สามารถรองรับได้เท่านั้น หากบริษัทสามารถนำร่องผลิตภาพยนตร์ไทยคุณภาพเหล่านี้ ก็จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวในอุตสาหกรรม และเชื่อมั่นว่าในปีนี้มูลค่าตลาดภาพรวมของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย จะมีการเติบโตในอัตราที่ดี

นอกเหนือจากการนำเข้าภาพยนตร์ และการร่วมผลิตภาพยนตร์ไทยกับผู้กำกับอิสระแล้ว บริษัทฯ ยังมีเป้าหมายเพิ่มมูลค่าของสิทธิ์ภาพยนตร์ที่มีอยู่ขยายไปในสื่ออื่น ๆ เพื่อเป็นช่องทางในการเพิ่มรายได้ คาดการณ์เบื้องต้นว่าเมื่อบริษัทเริ่มทำธุรกิจภาพยนตร์ จะมีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 50% ของรายได้รวม จากเดิมที่เคยมีรายได้จากธุรกิจโทรทัศน์ 100% และจะทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจโทรทัศน์ลดลงเหลือ 50%

ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน)

โทร. 0-2511-5427-36 ต่อ คุณดารัตน์ (เอ๋) ต่อ 532, คุณนัยน์ปพร (ริน) ต่อ 533

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ทราฟฟิกคอร์นเนอร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)

โทร: 02-936-4222 คุณเพื่อนใจ (เฮ็น) ต่อ 4034, คุณชนัญญา (ต้า) ต่อ 6147

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net