กรุงเทพฯ--13 ก.พ.--แอสเซท พลัส
บลจ.แอสเซท พลัส แถลงผลการดำเนินงานปี 2550 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ 28 ธันวาคม 2550 จำนวน 22,284 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิปี 2549 ที่มีอยู่ 14,607 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 57
ตั้งเป้าหมายปี 2551 เพิ่มมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) อีกอย่างน้อย 10,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 45% “ลดาวรรณ” เผยพร้อมนำบริษัทให้เป็น บลจ.ประเภท non bank ที่ดีที่สุด ในด้านการบริหารจัดการกองทุนและการให้บริการ จากการใช้จุดแข็งด้านความเชี่ยวชาญในการบริหารกองทุน และการนำนวัตกรรมทางการเงินและการลงทุนมาใช้ในการบริหารผลตอบแทน เพื่อเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีและปกป้องผลประโยชน์ของผู้ลงทุน พร้อมการส่งเสริมความรู้ด้านการลงทุนและการให้บริการนักลงทุนอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น
กุมภาพันธ์นี้ พร้อมออกกองทุน “กองทุนเปิดแอสเซทพลัสพรีเมี่ยม 6M2” ลงทุนใน เครดิตลิงค์โน้ต (CLN) และกองทุนตราสารหนี้ที่ใช้อนุพันธ์ในการเพิ่มผลตอบแทน นอกจากนั้น บริษัทฯ จะออก FIF ประเภท Fund of Fund อีก 1 กองทุน ในไตรมาสที่ 1 โดยเป็นกองทุนหุ้นต่างประเทศที่บริหารโดยบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำของโลก เน้นลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมและภูมิภาคที่มีแนวโน้มเติบโตสูงและได้รับผลกระทบน้อยที่สุดจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยผลการดำเนินงานประจำปี 2550 ว่า บริษัทฯ มีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร ณ 28 ธันวาคม 2550 ทั้งสิ้น 22,284 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ร้อยละ 57 โดยเป็นบริษัทจัดการกองทุนประเภท Non bank ที่มีการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การจัดการสูงสุด และในปี 2550 AUM ของบริษัทเติบโตอยู่ในอันดับ 5 ของอุตสาหกรรม การเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิดังกล่าว เป็นการเพิ่มขึ้นจากธุรกิจกองทุนรวม จาก 11,913 ล้านบาท ในปี 2549 เป็น 18,694 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 56 และกองทุนส่วนบุคคล เพิ่มขึ้นจาก 2,693 ล้านบาท เป็น 3,590 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 33
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เริ่มดำเนินธุรกิจในเดือนตุลาคม 2547 โดยทำธุรกรรมเฉพาะกองทุนส่วนบุคคล และกองทุนรวม ซึ่งจากการดำเนินธุรกิจจัดการกองทุนใน 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ จำนวน 111.67 ล้านบาท
“บริษัทฯ และทีมงานมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ในการก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในกลุ่ม บลจ.ประเภท Non bank โดยมีความเป็นเลิศทั้งในด้านผลตอบแทนจากการลงทุนและการให้บริการ ทั้งนี้ ภาวะการแข่งขันของอุตสาหกรรมจะมีแนวโน้มที่จะแข่งขันรุนแรงขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหม่ๆ ที่มีเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรม ทั้งนี้บริษัทฯ จะดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังเน้นการสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุนและให้บริการที่ดี มีนวัตกรรมการลงทุนแบบใหม่ๆ เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกในการลงทุนมากขึ้น รวมถึงการให้ข้อมูลความรู้การลงทุน และพัฒนาให้บริษัทฯ เป็นที่รู้จักของนักลงทุนในวงกว้างมากขึ้น” นางลดาวรรณ กล่าว
สำหรับเป้าหมายของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิใน 2551 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร อีกอย่างน้อย 10,000 ล้านบาท โดยมาจากการเพิ่มขึ้นของธุรกิจกองทุนรวมเป็นหลัก ได้แก่ การออกกองทุนใหม่ ประเภทกองทุนตราสารหนี้ และตราสารทุน ทั้งในและต่างประเทศ และการขยายมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมเดิม
“เป้าหมายในระยะสั้น ปีนี้จะเพิ่ม AUM อีก 10,000 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย พร้อมกับการพัฒนาระบบงานต่าง ๆ ให้มีความพร้อมเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ ตลอดทั้งพัฒนาระบบการให้ข้อมูลข่าวสารแก่นักลงทุนโดยตรง และผ่านตัวแทนขาย เพื่อตอบรับกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้นวัตกรรมใหม่ทางการเงิน และเพื่อบรรลุเป้าหมายที่จะเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนประเภท Non bank ที่ดีที่สุด ทั้งในด้านผลตอบแทน และการให้บริการ” นางลดาวรรณ กล่าว
โดยแนวทางในการดำเนินงานจะให้ความสำคัญกับมิติสัมพันธ์หลักของบริษัททั้ง 3 ด้าน คือ ลูกค้า ตัวแทนขาย และทีมงานในองค์กร เพื่อให้บริษัทฯ มีความพร้อมในการแข่งขันในธุรกิจกองทุนที่มีแนวโน้มจะรุนแรงมากขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ ในปี 2551 บริษัทฯ จะเพิ่มจำนวนผู้จัดการกองทุน เพื่อให้สอดรับกับผลิตภัณฑ์ทางการลงทุนที่จะมีความหลากหลายมากขึ้นโดยมีการแข่งขันในเรื่องผลตอบแทนเป็นสิ่งที่สำคัญ นอกจากนั้น บริษัทฯ จะเน้นการให้ข้อมูลและความรู้ด้านการลงทุนกับตัวแทนขาย รวมทั้งส่วนงานลูกค้าสัมพันธ์ เพื่อให้บริการผู้ลงทุนรายย่อยอย่างสะดวกรวดเร็วและ รวมถึงการพัฒนาพนักงานให้มีความพร้อมในการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“แอสเซทพลัสเป็นบริษัทจัดการขนาดเล็ก ทำให้เรามีความคล่องตัวในการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับภาวะการลงทุนที่เหมาะสมได้ทันสถานการณ์ และผู้ลงทุนสามารถการเข้าถึงทีมงานและได้รับบริการและคำแนะนำจากบริษัทได้อย่างใกล้ชิดรวดเร็ว
นอกจากนี้ ตลอด 3 ปีที่บริษัทฯ ได้เริ่มดำเนินธุรกิจกองทุนรวมอย่างเต็มตัว ทำให้ผู้ลงทุนรู้จักและยอมรับในเรื่องความเชี่ยวชาญในการลงทุนและความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของบริษัทจัดการในด้านการบริหารผลตอบแทนและความเสี่ยงจากการลงทุน การบริหารกองทุนที่ผ่านมาบริษัทให้ความระมัดระวังในการคัดเลือกตราสารหนี้ ทำให้พอร์ตการลงทุนไม่มีตราสารที่มีปัญหาในการผิดนัดชำระหนี้ ในขณะเดียวกันก็สามารถรักษาระดับการแข่งขันเรื่องผลตอบแทนในอุตสาหกรรมที่ให้กับผู้ถือหน่วยได้เป็นอย่างดีด้วย” นางลดาวรรณ กล่าว
สำหรับแนวโน้มธุรกิจปี 2551 คาดว่าบรรยากาศการลงทุนจะยังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวของสหรัฐฯ ทั้งการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐฯ ที่ส่งผลให้ค่าเงินดอลล่าร์หรัฐฯ อ่อนตัวลง ทำให้คนถือครองเงินดอลล่าร์ลดลง ประกอบกับความเสี่ยงด้านอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง และปัญหาปัญหาซับไพร์มที่มีผลกระทบต่อสภาพคล่องในต่างประเทศและความวิตกกังวลของนักลงทุน ทำให้การลงทุนในทองคำ และในสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) มีแนวโน้มเติบโตในระดับสูง
นอกจากนี้ การลงทุนในหุ้นของกลุ่มเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบน้อยจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวของสหรัฐฯ เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ที่มีเศรษฐกิจในประเทศที่แข็งแกร่งจากการประกอบธุรกิจของกลุ่มอุตสาหกรรมภายในประเทศ (Domestic Growth) ซึ่งมีอัตราการเติบโตในระดับสูง โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมสาธารณูปโภคพื้นฐานในแถบภูมิภาคเอเชีย (Asia Infrastructure) เนื่องจากยังเป็นอุตสาหกรรมที่สามารถขยายตัวได้อีกมาก กลุ่มสินค้าเกษตรกรรม (Soft Commodity) ที่ได้รับผลดีจากการบริโภคภายในประเทศที่มากขึ้น กลุ่มเวชภัณฑ์ (Healthcare) ที่มีแนวโน้มจะเติบโตในระยะยาวจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร นอกจากนี้ ความตื่นตัวในเรื่องของภาวะโลกร้อน และการประหยัดพลังงานกัน จะเป็นผลดีต่อการเติบโตของกลุ่มอุตสาหกรรม พลังงานทางเลือก (Alternative Energy) เช่นกัน
ในส่วนของภาวะตลาดตราสารหนี้ การปรับลดดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของไทยมีโอกาสปรับลดลง เนื่องจากกระแสเงินทุนไหลเข้า (Capital Inflow) จากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยไทยและสหรัฐฯ และเงินลงทุนในตลาดหลักทรัพย์จากนักลงทุนต่างชาติ
จากการประเมินสถานการณ์การลงทุนดังกล่าว บริษัทฯ เห็นว่า กองทุนรวมตราสารหนี้จะยังคงเป็นกองทุนหลักที่จะได้รับความสนใจจากผู้ลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังจากที่ พ.ร.บ.สถาบันประกันเงินฝากจะมีผลใช้บังคับในกลางปีนี้ จะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้ากองทุนรวมมากขึ้น ในส่วนของบริษัทฯ จะออกกองทุนตราสารหนี้มารองรับนักลงทุนจากระบบเงินฝาก ทั้งกองทุนตราสารหนี้ทั่วไป และกองทุนตราสารหนี้ที่ใช้อนุพันธ์มาเป็นเครื่องมือในการเพิ่มผลตอบแทน (Index Enhanced)
โดยภายในไตรมาส 1 นี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะออกกองทุนที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ทั้งแบบ Feeder Fund และ Fund of Fund โดยเน้นลงทุนในธุรกิจที่มีแนวโน้มในการเติบโตสูง เช่น สาธารณูปโภคพื้นฐาน (Infrastructure) ธุรกิจพลังงานทางเลือก (Alternative Energy) ธุรกิจโภคภัณฑ์ (Commodity) และกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบน้อยจากการชะลอตัวของเศรษกิจสหรัฐ เช่น กลุ่มลาติน-อเมริกา จีน และอินเดีย โดยการคัดเลือกกองทุนที่บริหารจัดการโดยบริษัทจัดการระดับแนวหน้าของโลก และมีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับ Top Performance ซึ่งทางบริษัทจะติดตามข้อมูลร่วมกับบริษัทจัดการต่างประเทศอย่างสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ ในระหว่างวันที่ 25 กุมภาพันธ์ – 3 มีนาคม 2551 บริษัทจะเสนอขายกองทุนเปิดแอสเซทพลัสพรีเมี่ยม 6M2 เป็นกองทุนรวมผสมที่ไม่ลงทุนในหุ้น ที่มีนโยบายลงทุนในเครดิตลิงค์โน้ต (CLN) ที่ใช้หลักทรัพย์อ้างอิงเป็นพันธบัตรรัฐบาลไทยและเกาหลีใต้ มีรอบระยะเวลาการลงทุนสั้น ๆ ทุกประมาณ 6 เดือน “CLN ถือเป็นตราสารทางการเงินใหม่ ที่ใช้นวัตกรรมทางการเงินมาช่วยบริหารผลตอบแทนและความเสี่ยงจากการลงทุน โดยสถาบันการเงินที่ออกตราสารดังกล่าวจะจ่ายคืนเงินต้นและผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุน ที่หลักทรัพย์อ้างอิงเป็นพันธบัตรรัฐบาล จึงถือได้ว่าระดับความเสี่ยงของการที่จะผิดนัดชำระหนี้ไม่มีเลย (Risk-free) รวมถึง การปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (Fully hedged) ทำให้กองทุนไม่มีความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน จึงถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่เน้นการลงทุนเฉพาะในตราสารหนี้
นอกจากนั้น บริษัทฯ จะออกกองทุนตราสารหนี้ ที่ใช้อนุพันธ์มาเพิ่มผลตอบแทนตามการปรับขึ้นของดัชนี SET 50 ซึ่งทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นจากแนวโน้มการปรับตัวของ ดัชนี SET 50 ที่อยู่ในขาขึ้น” นางลดาวรรณ กล่าว
ติดต่อส่วนประชาสัมพันธ์ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ
นิตยา เลิศแสงเพชร โทร. 02-672-1000 ต่อ 3314 อีเมล์: [email protected]
มุกพิม จุลพงศธร โทร. 02-672-1000 ต่อ 3308 อีเมล์: [email protected]
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit