คุมอง ... ต้นแบบของการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ฉลองครบรอบ 10 ปีในประเทศไทย สร้างเด็กไทยให้มีรอยยิ้มแห่งความมั่นใจ มุ่งสู่ความเป็นผู้นำในเอเชียและโอเชียเนีย

30 Jan 2008

กรุงเทพฯ--30 ม.ค.--เบรนเอเซีย

สถาบันพัฒนาทักษะคณิตศาสตร์และภาษา คุมอง (KUMON) เครือข่ายสถาบันการศึกษาคณิตศาสตร์และภาษาที่ใหญ่ที่สุดของโลกใน 45 ประเทศ ฉลองวาระครบรอบ 50 ปีระบบการเรียนแบบคุมอง และ 10 ปี คุมองในประเทศไทย ตั้งเป้าหมายคุมองประเทศไทยปี 2551 เป็นผู้นำด้วยจำนวนนักเรียนมากเป็นอันดับที่ 1 ของคุมองในเอเชียและโอเชียเนีย พร้อมขยายศูนย์แฟรนไชส์คุมองอีก 36 แห่ง ภายใต้แนวคิด 10 ปี แห่งการสร้างกำลังในการเรียนรู้แก่เด็กไทยด้วยระบบคุมอง เพื่อพัฒนาศักยภาพและทักษะชีวิต (Life Skills) ให้เด็กเติบโตเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ เน้นย้ำถึงสิ่งที่คุมองให้ความสำคัญสูงสุด คือ เด็ก คุณครู พนักงาน และสังคม วางกลยุทธเสริมสร้างแบรนด์ด้วยกิจกรรมเสริมหลักสูตร กิจกรรมเพื่อสังคม (ซีเอสอาร์) และการประชาสัมพันธ์

มร.ชิเกโอะ ฮิยามะ (Mr.Shigeo Hiyama) ประธานบริษัท คุมอง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “ในวาระครบรอบ 50 ปี นับแต่ มร.โทรุ คุมอง ครูสอนวิชาคณิตศาสตร์ได้คิดค้นระบบคุมองขึ้นเป็นครั้งแรกมาจนถึงปัจจุบัน คุมองเป็นสถาบันการศึกษาที่มีเครือข่ายมากเป็นอันดับ 1 ของโลก พัฒนาแพร่หลายใน 45 ประเทศ และมีจำนวนนักเรียนทั่วโลกมากกว่า 4 ล้านคน นับเป็นระบบการเรียนรู้ที่ได้รับการยกย่องว่ามีประสิทธิภาพสูงสุดและเป็นต้นแบบของการศึกษาสำหรับศตวรรษที่ 21 ปัจจัยที่ทำให้แบรนด์คุมองประสบความสำเร็จ คือ การพัฒนาศักยภาพของเด็ก ๆ ให้ได้มากที่สุด ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงการสร้างความสามารถทางการเรียนเท่านั้น แต่ยังมุ่งให้เด็กมีความมั่นใจในตัวเองว่า ถ้าได้ลงมือทำแล้ว ต้องทำได้แน่นอน ตัวเราต้องกล้าที่จะลองทำ รวมทั้งยังสร้างนิสัยการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อที่เด็กเหล่านี้จะเติบโตขึ้นพร้อมที่จะทำประโยชน์ให้กับสังคมต่อไป การที่จะเป็นเช่นนั้นได้ จำเป็นต้องมีบุคคลที่สามารถสร้างความกระตือรือร้นในการเรียนรู้เหล่านั้นให้เกิดขึ้นในตัวเด็ก ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมามีบุคคลที่ยอดเยี่ยมมากมายเข้าร่วมงานกับเรา บุคคลเหล่านั้น คือ คุณครูคุมอง (Instructor) ผู้ที่มีความสนใจและมุ่งมั่นตั้งใจด้านการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งยังต้องการที่จะพัฒนาตนเองอยู่เสมอ อันเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คุมองเติบโตมาได้จนถึงปัจจุบันนี้

สำหรับผลการดำเนินงานของคุมองในประเทศไทยในปี 2550 ที่ผ่านมา มีศูนย์แฟรนไชส์คุมองทั่วประเทศจำนวน 380 แห่ง มีจำนวนนักเรียน 74,127 คน คิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับปี 2549 เพราะความสำเร็จของคุมองในประเทศไทยตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพของศูนย์คุมองทั่วประเทศ ตลอดจนการปรับปรุงแบบฝึกหัดวิชาต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะแก่การพัฒนาเด็กเป็นรายบุคคลแล้ว ยังมีการจัดกิจกรรมทดลองเรียนฟรี (Free Trial) เป็นประจำทุกปี ปีละ 2 ครั้ง ในเดือนมีนาคมและตุลาคม เพื่อเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ในชุมชนสามารถมาสัมผัสระบบการเรียนแบบคุมองโดยในปี 2550 ที่ผ่านมา คุมองประสบความสำเร็จในการจัดกิจกรรมนี้อย่างสูง ที่ผ่านมามีเยาวชนมาทดลองเรียนฟรีมากกว่า 10,000 คน นอกจากนี้คุมองยังได้จัดกิจกรรมเสริมหลักสูตร เช่น การจัดงานมอบรางวัลนักเรียนคุมองดีเด่นประจำปี หรือ ASHR Ceremony การจัดกิจกรรมแคมป์สำหรับนักเรียนที่เรียนวิชาคณิตศาสตร์ (L-CAMP) และนักเรียนที่เรียนวิชาภาษาอังกฤษ (KECC) ทุนการศึกษาโทรุ คุมอง (TORU KUMON SCHOLARSHIP) เปิดโอกาสให้นักเรียนคุมองที่ผ่านการคัดเลือกได้เสริมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้และการดำเนินชีวิตที่ประเทศญี่ปุ่น กิจกรรมทัศนศึกษานอกสถานที่ 1 วัน (One-Day Trip) เพื่อเปิดโลกทัศน์การเรียนรู้ใหม่ ๆ ให้แก่นักเรียนคุมอง การจัดเสวนา Public Talk เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่บุคคลทั่วไปและถ่ายทอดประสบการณ์ของผู้ปกครองคุมองในการดูแลและพัฒนาบุตรหลาน Thailand Completers’ Club Conference เป็นการประชุมกันของนักเรียนที่จบระดับสุดท้ายของหลักสูตรคุมองในประเทศไทย กิจกรรมแคมป์นักเรียนคุมอง (Completers’ Camp) เป็นกิจกรรมที่นักเรียนที่เรียนจบระดับสุดท้ายของหลักสูตรคุมองได้ทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อช่วยเหลือรุ่นน้องและรวมพลังสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อสังคมและกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งการจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างกำลังใจและความมุ่งมั่นในการเรียนให้แก่นักเรียนที่เรียนคุมองอยู่ในปัจจุบัน

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2551 นี้ เป็นการครบรอบ 10 ปีแห่งการสร้างกำลังในการเรียนรู้แก่เด็กไทยด้วยระบบคุมองในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยคุมองตั้งเป้าหมายจำนวนนักเรียนในประเทศไทย 90,000 คน หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตจากปีที่แล้ว 23% เป้าหมายจำนวนศูนย์คุมองเพิ่มขึ้นอีก 36 แห่ง หรือ ประมาณ 10% ซึ่งการขยายสาขาแฟรนไชส์จะเน้นที่คุณภาพเป็นสำคัญ และยังได้ตั้งเป้าหมายว่า ประเทศไทยจะมีนักเรียนมากเป็นอันดับที่ 1 ของคุมองในเอเชียและโอเชียเนีย โดยขณะนี้มีนักเรียนมากเป็นอันดับ 3 รองจากเกาหลีและญี่ปุ่น และคาดว่า ในปี 2554 ประเทศไทยจะมีศูนย์คุมองทั่วประเทศจำนวน 1,000 แห่ง และมีนักเรียนคุมองมากถึง 2 แสนคน นอกจากนี้บริษัทฯ จะจัดทำหนังสือ KUMON MAKES ALL THE DIFFERENCE เพื่อบอกเล่าประวัติความเป็นมาและวิสัยทัศน์ของระบบการเรียนแบบคุมองในประเทศไทย รวมถึงเรื่องราวประทับใจที่ผู้ปกครองและนักเรียนมีต่อระบบการเรียนแบบคุมอง สำหรับการฉลองครบรอบ 50 ปี ของการสถาปนาระบบการเรียนแบบคุมองนั้น จะมีขึ้นพร้อมกับการประชุมใหญ่ของคุมองทั่วโลก ในวันที่ 6 และ 7 ธันวาคม 2551 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความคิดเห็น และเรียนรู้ร่วมกันของพนักงานและครูคุมองทั่วโลก รวมทั้งเป็นการเฉลิมฉลองที่ระบบคุมองมีส่วนช่วยให้เด็กจำนวนมากทั่วโลกได้มีโอกาสพัฒนาศักยภาพของตนเองและประสบความสำเร็จในชีวิตได้

แม้ว่าคุมองจะมีการขยายตัวค่อนข้างเด่นชัดทั้งด้านจำนวนศูนย์คุมองและจำนวนนักเรียน แต่สิ่งที่เรายังคงให้ความสำคัญตลอดมาก็คือ คุณภาพของศูนย์คุมอง เริ่มตั้งแต่การคัดเลือกผู้ที่สนใจเปิดศูนย์ โดยจะต้องเป็นผู้ที่สามารถดูแลและบริหารศูนย์คุมองเต็มเวลาได้ด้วยตนเอง และมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเด็กเป็นรายบุคคล ทั้งนี้เมื่อผ่านการคัดเลือกแล้ว ผู้เปิดศูนย์จะต้องเข้ารับการอบรมจากบริษัทฯ เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในระบบการเรียนแบบคุมอง และหลังจากเปิดศูนย์แล้ว บริษัทฯ จะมีการจัดอบรมสัมมนาเพื่อเพิ่มพูนความรู้ในด้านต่าง ๆ ให้แก่ผู้เปิดศูนย์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษากับศูนย์ทุกศูนย์ตลอดระยะเวลาของการเปิดศูนย์คุมอง

หลักสูตรคุมองประกอบด้วยวิชาคณิตศาสตร์ (Kumon Math) มี 23 ระดับ ภาษาอังกฤษ EFL (English As A Foreign Language) มี 21 ระดับ และวิชาภาษาไทย ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาตัวแบบฝึกหัดและระบบการสอน สำหรับจุดเด่นของระบบการเรียนแบบคุมอง มีบทบาทช่วยพัฒนาศักยภาพของเด็ก โดย 1.การเรียนที่พอเหมาะพอดีเฉพาะตัวของแต่ละคนและไม่ยึดติดกับอายุหรือระดับชั้นเรียน 2.การที่สามารถเรียนเนื้อหาที่เกินชั้นเรียนในโรงเรียนด้วยการเรียนรู้ด้วยตนเอง 3. การเรียนโดยเริ่มจากเนื้อหาที่ง่ายเพื่อสร้างพื้นฐานความสามารถในการเรียนที่มั่นคง ส่วนขั้นตอนการเรียนที่ศูนย์คุมอง มีดังนี้ 1.เรียนที่ศูนย์ Kumon สัปดาห์ละ 2 ครั้ง นักเรียนจะได้รับแบบฝึกหัดสำหรับทำที่ศูนย์ในวันที่มาเรียนและได้รับการบ้านสำหรับวันอื่น ๆ ที่ไม่ได้มาเรียนที่ศูนย์ 2.เรียนอย่างมีสมาธิในช่วงระยะเวลาอันสั้น ระยะเวลาที่ใช้ในการเรียนต่อหนึ่งวิชาสำหรับนักเรียนประถมจะอยู่ระหว่าง 10 -20 นาที และสำหรับนักเรียนมัธยม 20 -30 นาที 3.แก้ไขข้อผิดพลาดด้วยตนเอง เมื่อผู้สอนพบข้อผิดพลาดจากแบบฝึกหัดที่นักเรียนนำมาส่ง ผู้สอนจะระบุข้อที่ผิดแล้วส่งกลับให้นักเรียนแก้ไขให้ถูกต้องด้วยตนเอง 4.จดบันทึกการเรียนหลังเสร็จสิ้นการเรียน การเรียนแต่ละวันจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ เมื่อนักเรียนทำแบบฝึกหัดได้ถูกต้อง 100 % และมีความเข้าใจในแบบฝึกหัดทั้งหมดที่ทำในวันนั้น คะแนนและเวลาที่ใช้ในการทำแบบฝึกหัดในวันนั้นจะถูกบันทึกลงในสมุดบันทึกผลการเรียน (Record Book) 5.ทำแบบฝึกหัดที่บ้าน ก่อนนักเรียนออกจากศูนย์คุมอง นักเรียนจะได้รับการบ้านสำหรับทำในวันอื่น ๆ ที่ไม่ได้มาเรียนที่ศูนย์ ถ้านักเรียนสามารถทำแบบฝึกหัดได้ทุกวันอย่างสม่ำเสมอ ก็จะทำให้มีวินัยในการเรียนที่ดีขึ้น

มร.ชิเกโอะ ฮิยามะ กล่าวว่า “วิสัยทัศน์ของคุมอง (Vision) เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้คนในทุกประเทศ ทุกภูมิภาคทั่วโลก จะมีโอกาสได้เรียนรู้ด้วยระบบคุมอง และทุกคนจะมีความมุ่งมั่นในการเรียนรู้ด้วยตนเอง รวมทั้งพยายามที่จะก้าวไปสู่การทำความฝันและเป้าหมายของตนเองให้เป็นจริง ซึ่งจะนำประโยชน์มาสู่สังคมต่อไป โดยมีพันธกิจ (Mission) คือ เรามุ่งมั่นที่จะอุทิศตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมโลก ด้วยการสร้างบุคลากรที่มีความสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ พร้อมทั้งความรู้ความสามารถ โดยพยายามค้นหาศักยภาพในการเรียนรู้ของแต่ละบุคคล และพัฒนาความสามารถของพวกเขาเหล่านั้นให้ไปยังจุดสูงสุด ในวาระครบรอบ 10 ปี ในประเทศไทย สิ่งที่ระบบคุมองให้ความสำคัญสูงสุด มี 4 ประการ คือ 1.เด็ก เพื่อให้เด็กแต่ละคนได้มีโอกาสเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของตนเองให้มากที่สุด 2. ผู้ร่วมอุดมการณ์ (Associates) อาทิ คุณครูคุมอง คุณครูผู้ช่วย หรือบุคคลที่มีอุดมการณ์ในการทำงานที่เป็นประโยชน์แก่สังคมผ่านการศึกษา 3.พนักงานคุมอง ซึ่งคุมองพยายามที่จะสร้างสภาพแวดล้อมและบรรยากาศในการทำงานเพื่อให้พนักงานมีหลักประกันในการดำรงชีวิตที่มั่นคงและปลอดภัย พร้อม ๆ กับการมีความรู้สึกร่วมกันในเป้าหมายและคุณค่าของงาน 4.สังคม เน้นการสร้างสังคมให้ดีขึ้นด้วยการพัฒนาคุณภาพทางการศึกษาเพื่อสร้างคนที่มีคุณภาพแก่สังคม”

บริษัทฯ ยังได้มีกิจกรรมเพื่อสังคม หรือ Corporate Social Responsibility (CSR) เป็นอีกความตั้งใจหนึ่งของคุมอง ที่ต้องการสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมและประเทศผ่านการดำเนินกิจกรรมต่างๆ โดยคุมองได้ริเริ่ม โครงการ Kumon for All ขึ้นในปี 2548 โดยร่วมมือกับองค์กรต่างๆ เพื่อวางแนวทางการพัฒนาศักยภาพทางการเรียนของเด็กด้อยโอกาสด้วยระบบการเรียนแบบคุมอง โครงการนี้มีเป้าหมายอยู่ที่การสร้างกำลังในการเรียนรู้ให้แก่เด็ก เพื่อเป็นพื้นฐานที่จะนำพาเด็กเหล่านี้ไปสู่ความสำเร็จในด้านต่างๆ ดังที่พวกเขาตั้งใจ และเติบโตขึ้นเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ ใช้ความสามารถที่มีสร้างประโยชน์ให้แก่ชุมชนและประเทศชาติต่อไป โครงการแรกของ Kumon for All เป็นการร่วมมือกับโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์เชียงใหม่ ในการพัฒนาศักยภาพนักเรียนชาวเขาและเด็กด้อยโอกาส Kumon for All โครงการที่ 2 เป็นการร่วมมือกันกับโรงเรียนยานุส คอซัค ซึ่งเป็นโรงเรียนที่อยู่ในความดูแลของมูลนิธิส่งเสริมการพัฒนาบุคคล เขตคลองเตย ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนสาธารณกุศลไม่แสวงผลกำไร ที่คอยช่วยเหลือผู้ยากไร้ ฟื้นฟูสุขภาพผู้ติดเชื้อ HIV ดูแลเด็กเร่ร่อนหรือเป็นกำพร้าในชุมชนแออัดในเขตกรุงเทพฯ และเมื่อเร็ว ๆ นี้ คุมองได้บริจาคเงินช่วยครูในภาคใต้อีกด้วย

นอกจากนี้ คุมองยังได้จัดตั้ง Kumon Thailand Completers’ Club (KTCC) หรือชมรมนักเรียนที่เรียนจบระดับสุดท้ายของคุมองแห่งประเทศไทยขึ้น เพื่อให้เกิดการรวมกลุ่มสร้างสายสัมพันธ์ แลกเปลี่ยนความรู้ความสามารถ และทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมร่วมกันของนักเรียนที่เรียนจบระดับสุดท้ายของคุมองในวิชาต่าง ๆ โดยในปี 2550 ที่ผ่านมา KTCC ได้ทำกิจกรรมเพื่อสังคมมากมาย เช่น การทำกิจกรรมเสริมสร้างกำลังใจให้แก่คนชราที่สถานสงเคราะห์คนชราบ้านบางแค 2 การปลูกป่าชายเลนเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นต้น และในปี 2551 นี้ KTCC ได้เตรียมจัดกิจกรรมอื่น ๆ อาทิ กิจกรรมปลูกป่าชายเลน การจัดสัมมนาสร้างแรงจูงใจในการเรียนให้นักเรียนคุมอง กิจกรรมแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในการเรียนรู้กับนักเรียนคุมองที่อยู่ในต่างจังหวัด (Provincial Visit Project) อีกด้วย

www.kumonthailand.co.th

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท เบรนเอเซีย จำกัด

โทร. 02-655-3131, โทรสาร. 02-655-3124

อภิสรา โทร. 081-422-2178

รัตติยา โทร. 086-973-9863