“สลัมเบอร์แลนด์”ทุ่ม 100 ล้านสร้างโรงงานใหม่รับการเติบโตระยะยาว เปิดวิสัยทัศน์ 3 ปีขึ้นแท่นผู้นำตลาดที่นอนไทยทุกเซ็กเมนต์

03 Apr 2008

กรุงเทพฯ--3 เม.ย.--สลัมเบอร์แลนด์ (ประเทศไทย)

“ฮิลดิ้ง แอนเดอร์ส” บริษัทแม่ Slumberland เชื่อมั่นภาวะเศรษฐกิจไทยยังไปได้สวย ชี้ตลาดที่นอนไทยมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น มั่นใจศักยภาพความแข็งแกร่งของสลัมเบอร์แลนด์ไทย ครองความเป็นหนึ่งในใจผู้บริโภคในอนาคตอันใกล้ ด้านสลัมเบอร์แลนด์ (ประเทศไทย) ขานรับวิสัยทัศน์บริษัทแม่ที่จะเป็นผู้นำยอดขายอันดับ 1 ของโลก ทุ่ม 100 ล้านสร้างโรงงานใหม่ขยายกำลังการผลิตเพิ่ม 20 % รับการเติบโตระยะยาว คาดผลักดันยอดขายปีนี้พุ่ง 600 ล้านบาท วางแผนอัดฉีดงบการตลาด 85 ล้านลุยทุกช่องทางจัดจำหน่ายเร่งยอดขายผ่านสื่อครบวงจร ตั้งเป้าเป็นผู้นำตลาดที่นอนทุกเซ็กเมนต์ใน 3 ปี

นายจอห์น อาร์นีย์ ประธานกลุ่มบริษัท ฮิลดิ้ง แอนเดอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้กำหนดวิสัยทัศน์ในการพัฒนาธุรกิจที่มียอดขายของตลาดที่นอนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลกในอนาคตอันใกล้นี้ สำหรับการดำเนินงานของบริษัท สลัมเบอร์แลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นอีกสาขาหนึ่งที่น่าจับตามองและมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมากในอนาคต เนื่องจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันได้รับความนิยมจากผู้บริโภคคนไทยอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด

นายแอนเดอร์ส พาลส์สัน ประธานบริษัทและประธานบริหารบริษัท ฮิลดิ้ง แอนเดอร์ส กล่าวในพิธีเปิดโรงงานใหม่ของบริษัท สลัมเบอร์แลนด์ (ประเทศไทย) จำกัดว่า ฮิลดิ้ง แอนเดอร์ส เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่มีวัฒนธรรมอันยาวนานในการผลิตเตียงและที่นอน โดยเริ่มต้นในปี 2482 ที่เมือง Bjarnum ทางตอนใต้ของสวีเดน ปัจจุบันมีเงินทุนหมุนเวียน 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยบริษัทฯ เป็นผู้ผลิตเตียงและที่นอนรายใหญ่ที่สุดในยุโรปและเอเชีย ปัจจุบันมีตลาดอยู่ 30 แห่งในยุโรป ตั้งแต่สหราชอาณาจักรทางตะวันตกไปจนถึงรัสเซียทางตะวันออก รวมถึงฟินแลนด์ทางตอนเหนือและสเปนทางตอนใต้ของยุโรป และได้ขยายตลาดไปยังประเทศจีนและทางตะวันออกเฉียงใต้

ธุรกิจของบริษัทฯ แบ่งออกตามแบรนด์ต่างๆ ได้แก่ Jensen, Renault, Pullman, Bico จาก สวิสเซอร์แลนด์ และ Slumberland รวมทั้งมีแบรนด์ชั้นนำสำหรับลูกค้าด้วยอย่าง IKEA

สำหรับประเทศไทย บริษัทฯ มีความสนใจในการขยายธุรกิจเข้ามายังประเทศไทย รวมถึงร่วมเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาในเอเชีย และปี 2551 นับเป็นปีที่เหมาะอย่างยิ่งในการสร้างโรงงานใหม่ขึ้นในตลาดแห่งนี้ โดยโรงงานใหม่นี้จะสนับสนุน กำลังการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการในตลาดที่นอนของประเทศไทยที่มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น โดยเฉพาะในเซ็กเมนต์พรีเมียมที่เน้นที่นอนเพื่อสุขภาพ รวมถึงการขยายตลาดในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามและกัมพูชาในอนาคตอันใกล้

นายพาลส์สันกล่าวว่า ปัจจุบันฯ บริษัทมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน โดยต้องการให้พนักงานมีสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงาน รวมถึงต้องการให้ลูกค้ามีคุณภาพชีวิตผ่านสินค้าและบริการชั้นเยี่ยม อีกทั้งเชื่อมั่นว่า Slumberland และ ฮิลดิ้ง แอนเดอร์ส เป็นคู่พาร์ทเนอร์ที่มีประสบการณ์มากที่สุดในอุตสาหกรรมสำหรับนวัตกรรมเพื่อสร้างสรรค์ในการนอน นอกจากนี้ยังเชื่อมั่นว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยจะยังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และเหมาะแก่การขยายการลงทุน

นางนภาพร เสวกวรรณ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สลัมเบอร์แลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แม้ว่าตลาดที่นอนในประเทศไทยที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันจะมีภาวการณ์แข่งขันที่รุนแรง แต่ผลิตภัณฑ์ที่นอนของบริษัทฯ ยังคงได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ด้วยความเชื่อมั่นในคุณภาพและความประทับใจด้านบริการหลังการขาย โดยปีที่แล้วบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2549 ประมาณ 10-15% สามารถทำยอดขายได้ทั้งสิ้นประมาณ 500 ล้านบาทจากมูลค่าของตลาดรวมที่นอนที่มีอยู่ในปัจจุบันทั้งสิ้นประมาณ 6,000 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นตลาดกลาง-บน ประมาณ 2,500 ล้านบาท และ ตลาดล่างประมาณ 3,500 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ใน 3 ของตลาดกลาง-บน ในทุกช่องทางการจัดจำหน่าย

สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯ ใช้งบลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท สร้างโรงงานแห่งใหม่ขึ้นบนพื้นที่กว่า 10 ไร่ ที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เพื่อรองรับการขยายตัวและการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตสูงขึ้นประมาณ 20 % ขึ้นไป และจะผลักดันยอดขายในปีนี้ได้ทั้งสิ้นประมาณ 600 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 10-20% ในแต่ละช่องทางการจัดจำหน่าย ซึ่งบริษัทฯ จะสานต่อวิสัยทัศน์ของบริษัทแม่ที่จะก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในตลาดที่นอนระดับโลก โดยบริษัท สลัมเบอร์แลนด์ (ประเทศไทย) ตั้งเป้าจะเป็นผู้นำตลาดที่นอนในเกือบทุกเซ็กเมนต์ในประเทศไทยภายใน 3 ปี

ปัจจุบันบริษัท สลัมเบอร์แลนด์ (ประเทศไทย) ผลิตและจำหน่ายเครื่องนอนครอบคลุมตลาดกลาง-บน โดยสัดส่วนของรายได้ประมาณ 70% มาจากแบรนด์ Slumberland ที่เจาะตลาดระดับบน อีก 20% มาจากแบรนด์ Sleepmate ซึ่งเป็นแบรนด์ในกลุ่ม เจาะตลาดระดับกลาง ส่วนอีก 10% ที่เหลือมาจากแบรนด์ Starry Nite สินค้าที่เน้นดีไซน์ เจาะกลุ่ม Trendy และแบรนด์ Vono เจาะตลาดระดับกลางเช่นกัน แต่เน้นร้านค้าเป็นหลัก โดยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ จะมุ่งเน้นเรื่องคุณภาพ เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย และเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ Slumberland ทั้งยังเหนือกว่าคู่แข่งด้วยการบริการหลังการขาย โดยมีทีม Technical Service ที่พร้อมให้คำแนะนำและการบริการตลอดอายุการใช้งานของที่นอน นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นพัฒนาแบรนด์สินค้าเพื่อขยายตลาดและฐานลูกค้าให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยมีแผนจะนำแบรนด์ใหม่จากบริษัทแม่ 2-3 แบรนด์เข้ามาทำตลาดในไทย รวมทั้งจะร่วมมือกับบริษัท สลัมเบอร์แลนด์ เอเชียแปซิฟิก ประสานงานกับโรงงานผลิตที่นอน Slumberland อีก 4 แห่งใน 3 ประเทศ เพื่อขยายตลาดส่งออกในประเทศใกล้เคียงให้ครอบคลุม 22 ประเทศในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ที่บริษัทฯได้สิทธิ์ในการผลิตและจัดจำหน่าย

นางนภาพรกล่าวว่า บริษัทฯ จะใช้งบประมาณด้านการตลาดประมาณ 85 ล้านบาทในการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยวางสินค้าผ่านห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์สโตร์ ตัวแทนจำหน่าย ร้านค้าเฟอร์นิเจอร์ และกลุ่มโรงแรม รวมถึงการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมการขายผ่านสื่อต่างๆ ทั้งสื่อโทรทัศน์ วิทยุ สิ่งพิมพ์ บิลบอร์ด เป็นต้น เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทุกระดับได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และทั่วถึง

รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

ภัทรา วิฑิตพงษ์วนิช โทร. 081-736-8985

เอมิกา รพีรัตนกุล โทร. 081-830-5620 หรือโทร. 0-2513-2677

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net