นีลเส็นเผยนักช้อปออนไลน์เพิ่ม 27% ในสองปีสินค้ายอดนิยม-เกมส์ และดีวีดี

25 Mar 2008

กรุงเทพฯ--25 มี.ค.--เอซีนีลเส็น

รายงานผลการสำรวจออนไลน์ของผู้บริโภคจาก 48 ประเทศจากนีลเส็น ผู้นำด้านการวิจัย ทางการตลาดและข้อมูลชั้นนำของโลกเกี่ยวกับการชอปปิ้งออนไลน์พบจำนวนนักช้อบออนไลน์ในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตเพิ่มมากขึ้นประมาณยี่สิบเจ็ดเปอร์เซ็นต์ภายในสองปีนี้ โดยพบดีวีดี และเกมส์เป็นสินค้ายอดนิยมที่ผู้บริโภคซื้อออนไลน์มากที่สุด

หากเปรียบเทียบตัวเลขของนักช้อปออนไลน์ในประเทศไทยที่นีลเส็นจัดทำการสำรวจเกี่ยวกับการช้อปปิ้งออนไลน์ป็นครั้งแรกประมาณเดือนตุลาคมในปี 2548 กับการสำรวจล่าสุดเมื่อปลายปีที่แล้วนั้น จะเห็นได้ว่าจำนวนของนักชอปปิ้งออนไลน์ได้เพิ่มขึ้นจากสี่สิบแปดเปอร์เซ็นต์ เป็นหกสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอัตราการเติบโตของผู้ซื้อสินค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ตมากถึงยี่สิบเจ็ดเปอร์เซ็นต์ภายในสองปีนี้

นางสาวอุษณา จันทร์กล่ำ ผู้อำนวยการ ด้านบริการลูกค้า Customized research บริษัท นีลเส็น (ประเทศไทย) กล่าวว่า“การซื้อสินค้าออนไลน์ในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะสองปีที่ผ่านมานั้น อาจจะเกิดขึ้นเนื่องจากการขยายตัวของอินเตอร์เน็ต การพัฒนาของเว็บไซด์ขายสินค้าที่มีสินค้าหลากหลายให้เลือกสรรมากขึ้น รวมถึงระบบความปลอดภัยในการชำระเงินและระบบจัดการการขนส่งที่พัฒนาขึ้นนั้น ส่งผลให้การซื้อสินค้าออนไลน์สะดวกกว่าในอดีตที่ผ่านมา กลุ่มผู้ค้าปลีกจึงไม่ควรประเมินค่าของเว็บไซด์ขายสินค้าต่างๆต่ำเกินไป เนื่องจากเว็บไซด์เหล่านี้อาจจะเป็นคู่แข่งขันที่สำคัญในอนาคตได้”

ในบรรดากลุ่มผู้ใช้อินเตอร์เน็ตนั้น ชาวเกาหลีเป็นชาติที่มีผู้บริโภคมากถึงเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ที่ซื้อสินค้าทางอินเตอร์เน็ตลำดับรองลงมาคือผู้ใช้อินเทอร์เน็ตใน อังกฤษ (97%) เยอรมัน (97%) ญี่ปุ่น (97%) และอเมริกา (94%) นอกจากนี้ยังพบว่า ชาวเกาหลีจำนวนมากถึงเจ็ดสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ซื้อสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ตในเดือนที่แล้ว อันดับรองลงมาคือ อังกฤษ (76%) สวิตเซอร์แลนด์ (67%)และอเมริกา(57%)

สินค้าที่นักช้อปทั่วโลกนิยมซื้อมากที่สุดในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาคือคือ หนังสือ (41%) เสื้อผ้า/เครื่องประดับ/รองเท้า (36%) ดีวีดี/เกมส์ (24%) ตั๋วเครื่องบิน (24%) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (23%) ตามลำดับ

ในประเทศแถบเอเชียแปซิฟิค พบนักช้อปออนไลน์ชาวไทยมากที่สุด (35%) ซื้อดีวีดี และเกมส์ ซึ่งสินค้ากลุ่มนี้ถือเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุดในกลุ่มนักช้อปออนไลน์ชาวไทย สินค้าที่ขายได้รองลงมาคือ หนังสือ (30%) อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (27%) การจองตั๋วเครื่องบิน (24%) เครื่องสำอางและอาหารเสริม (24%) เสื้อผ้า/เครื่องประดับ/รองเท้า (23%) ในสามเดือนที่ผ่านมา

หากดูจากผลการสำรวจทั่วโลกพบว่า จำนวนของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทั่วโลกซื้อหนังสือผ่านทางอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเจ็ดเปอร์เซ็นต์ในสองปีที่ผ่านมา แต่กลุ่มสินค้าที่มีการซื้อขายผ่านทางอินเทอร์เน็ตที่เติบโตมากที่สุดคือ กลุ่มเสื้อผ้า/เครื่องประดับ/รองเท้า ซึ่งขึ้นจากยี่สิบเปอร์เซ็นเป็นสามสิบหกเปอร์เซ็นต์ “ กลุ่มผู้ซื้อหนังสือมากที่สุดทางอินเตอร์เน็ตมาจากกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา เช่น ประเทศจีน บราซิล เวียดนาม และอียิปต์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงที่กลุ่มผู้ค้าปลีกออนไลน์สามารถจะเน้นไปยังกลุ่มเป้าหมายที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วกลุ่มนี้ได้ แต่ในประเทศไทยดีวีดีและเกมส์ขายดีที่สุดกว่าสินค้าอื่นๆ” นางสาวอุษณากล่าว

วิธีการชำระสินค้าออนไลน์

การชำระเงินผ่านบัตรเครดิตเป็นวิธีที่นิยมมากที่สุดสำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์ ในขณะที่ผู้บริโภคทั่วโลก (60%) และผู้บริโภคในเอเชียแปซิฟิค (59%) ใช้บัตรเครดิตในการชำระค่าสินค้า ผู้บริโภคชาวไทยดูเสมือนว่าจะเลือก “การโอนเงินทางบัญชีธนาคาร” มากที่สุด เป็นอันดับหนึ่ง (57%) รองลงมาคือ บัตรเครดิต และการโอนเงินผ่านสถาบันทางการเงิน (35% เท่ากัน)

ส่วนในจำนวนที่ชำระเงินทางบัตรเครดิตนั้น ชาวไทยติดอยู่ในลำดับสูงสุดในเอเชียแปซิฟิคที่ใช้วีซ่า (84%) ส่วนการชำระเงินออนไลน์อื่นๆได้แก่ มาสเตอร์การ์ด (9%) และ Amex (4%)

การเลือกเว็บไซด์ในการซื้อของ

นักช้อปออนไลน์ทั่วโลกรวมทั้งชาวไทย นิยมเลือกเว็บไซด์ในการซื้อของที่ตนคุ้นเคย โดยพบผู้บริโภคจำนวนห้าสิบสองเปอร์เซ็นต์ เปิดเผยว่าตนเลือกซื้อสินค้าจากเว็บไซด์เดิมเป็นส่วนใหญ่ “จากผลการสำรวจแสดงให้เห็นถึงความสำคัญในการดึงดูดนักช้อปออนไลน์ให้ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาซื้อสินค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ต ถ้าเว็บไซด์ที่ขายสินค้าสามารถดึงดูดใจผู้บริโภคได้ตั้งแต่แรกและให้ประสบการณ์ที่ดีในการช้อปปิ้งออนไลน์ได้นั้น สิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อความจงรักภักดีของลูกค้าที่มีต่อเว็บไซด์และนั่นก็หมายถึงการขายสินค้าต่อพวกเขาได้นั่นเอง” นางสาวอุษณากล่าว

ปัจจัยอื่นๆที่นักช้อปออนไลน์ใช้พิจารณาในการเลือกเว็บไซด์ซื้อของ ก็คือ เว็บไซด์ที่ให้ราคาพิเศษ (35%) การใช้เสริชเอ็นจิ้น (32%) การเสริชหาเว็บไซด์โดยทั่วไป (30% ) และการเปรียบเทียบราคาสินค้าจากเว็บไซด์ต่างๆ (26%)

การใช้อินเตอร์เน็ต

ในประเทศไทยผู้บริโภคส่วนใหญ่ใช้อินเตอร์เน็ตในการเช็คอีเมล์ (81%) การส่งข้อความด่วน (37%) การแชตเป็นกลุ่ม (31%) การค้นหาข้อมูลของสินค้าที่ต้องการซื้อ (27%) และการเข้าไปยังเครือข่ายเพื่อทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ (26%)

เกี่ยวกับการสำรวจ

ผลลการสำรวจนี้ถูกจัดทำขึ้นในช่วงเดือนตุลาคม ถึงเดือนพฤศจิกายนปี2550 จากผู้ใช้อินเตอร์เน็ตประมาณ 26,312 คน ใน 48ประเทศ จากทวีปยุโรป เอเชียแปซิฟิค อเมริกาเหนือ และ ประเทศในแถบตะวันออกกลาง โดยมีจุดมุ่งหมายในการสำรวจเกี่ยวกับการซื้อสินค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ต