ท่องแดนอาทิตย์อุทัย “เซ็นได-ฟุคุชิมะ-ยะมะงะตะ” ชิม อาหารขึ้นชื่อ ชม “เกอิชา” วัฒนธรรมเก่าแก่ก่อนเลือนหาย

30 Oct 2007

กรุงเทพฯ--30 ต.ค.--โปรคอมมิวนิเคชั่นส์ แอนด์ คอนซัลแตนท์

ท่ามกลางความร้อนระอุของโลก จะเหลียวซ้ายแลขวามองไปทางไหนก็มีแต่ความวุ่นวาย แต่หัวใจของคนที่ชอบเดินทางก็ไม่หยุดนิ่ง ออกไปสูดอากาศที่เย็นสบายในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของโทโฮะขุ (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ของญี่ปุ่น มองหมู่มวลธรรมชาติที่เย็นตา ใบไม้กลายเป็ สีเหลืองทอง ทำให้ความเย็นสบายของอากาศดับความร้อนต่างๆ ลงไปได้ เมื่อเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม

ครบรอบความสัมพันธ์ครบ 120 ปี ไทย-ญี่ปุ่น ปีนี้ หน่วยงานหรือองค์กรที่เกี่ยวข้อง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง การท่องเที่ยว ต่างร่วมเฉลิมฉลองความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกันถ้วนทั่ว คนไทยมักจะรู้จักญี่ปุ่น จาก วัฒนธรรมในเรื่องของอาหารการกิน และวัฒนธรรมประเพณีการแต่งกาย ซึ่งวัฒนธรรมดังกล่าวได้เข้ามาแพร่หลายในกลุ่มคนไทย จนเกิดมีกลุ่มคนไทยที่หลงใหลวัฒนธรรมของญี่ปุ่น กลายเป็นแฟชั่นเจป็อปในวัยรุ่น ส่วนกลุ่มผู้สูงวัยก็จะสนใจในเรื่องของอาหารการกิน เพราะอาหารญี่ปุ่นจะขึ้นชื่อในเรื่องของคุณประโยชน์ต่อร่างกายในด้านการบำรุงรักษาสุขภาพ

เข้าช่วงเทศกาลท่องเที่ยวปีนี้ กลุ่มคนไทยที่หลงใหลและชื่นชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่น ต่างจองกรุ๊ปทัวร์เดินสายสู่แดนดินถิ่นซากุระ เพื่อจะชิมอาหารและชมวัฒนธรรมเก่าแก่ เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงว่าเป็นที่รวบรวมวัฒนธรรมและของดีของญี่ปุ่น คือ เซ็นได ฟุคุชิมะ ยะมะงะตะ 3 เมืองสำคัญทางตอนล่างของภูมิภาคโทโฮะขุหรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือของแดนอาทิตย์อุทัยที่เต็มไปด้วยทิวทัศน์ที่งดงามให้ท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี

ทั้ง 3 เมืองนี้ เป็นเมืองที่พร้อมพรั่งด้วยแหล่งทรัพยากรทางการท่องเที่ยว มีธรรมชาติที่แสนงดงาม ทั้งป่าเขา เกาะกลางน้ำ บ่อน้ำพุร้อน และทิวทัศน์ชายทะเลมหาสมุทรแปซิฟิค สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ นักท่องเที่ยวสามารถไปเยี่ยมเยือนได้ทุกฤดู และยังเป็นสถานที่แห่งเดียวในโลก ที่นักท่องเที่ยวจะได้เล่นสกีพร้อมกับชมดอกไม้นานาชนิดได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งถือเป็นมนต์เสน่ห์ที่สำคัญของทั้ง 3 เมืองนี้

เมืองเซ็นได ตั้งอยู่ที่จังหวัดมิยะกิ เมืองนี้เป็นเมืองที่เป็นประตูสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น หรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “โทโฮะคุ” เป็นเมืองที่มีความสมัยใหม่ท่ามกลางธรรมชาติที่เขียวขจีจนได้รับขนานนามว่า “เมืองแห่งต้นไม้” มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญคือ “มัตสุชิมา” (Matsushima) เกาะกลางน้ำที่ติดอันดับ 1 ใน 3 สถานที่ที่มีทัศนียภาพสวยที่สุดของญี่ปุ่น ในช่วงฤดูหนาวนักท่องเที่ยวจะได้เห็นต้นสนรูปร่างต่างๆ ที่ปกคลุมด้วยหิมะ หรือที่เรียกว่า “Snow Monster” สร้างความอัศจรรย์ให้กับผู้ที่มาเยือนได้เป็นอย่างดี เมืองเซ็นได เป็นเมืองที่มีผลผลิตนานาชนิด ทั้งจากทะเลและบนแผ่นดิน โดยพื้นที่ทางตอนเหนือและตอนใต้เป็นแหล่งปลูกข้าวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น มีอาหารทะเลสด โดยเฉพาะปลามากุโระ (Yellow Fin), ซูชิ และหอยนางรมมิยะกิ ที่สด สะอาด เนื้อนุ่มตึงแน่นและตัวใหญ่น่ารับประทาน และอาหารอร่อยขึ้นชื่อของเมืองเซ็นไดอีกอย่าง คือ “ลิ้นวัวย่าง” ที่ต้องรับประทานกับ “Jizake” เหล้าสาเกพื้นเมืองซึ่งกลั่นจากข้าวชั้นเลิศ สร้างความรื่นรมย์ให้กับผู้ที่ชื่นชอบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้เป็นอย่างดี

ทางด้านศิลปวัฒนธรรมของเมืองเซ็นได ได้แก่ เทศกาลทานะบาตะ ที่สืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้ การแสดงระบำนกกระจอก ที่มีประวัติยาวนานกว่า 400 ปี นอกจากนี้ เมืองเซ็นได ยังมีศิลปหัตถกรรมที่สวยงาม ทั้งเครื่องเคลือบไม้หรือเครื่องเขิน Tamamushi-Nuri และ Sendai Tsuishu ซึ่งเป็นเครื่องเคลือบที่ทำจ้าไม้แกะสลักเป็นลวดลายต่างๆ เครื่องปั้นดินเผา Tsutsumiyaki ผ้าไหมทอมือ Sendai Hira ที่ทอได้เนื้อแน่นนุ่มละเอียด

เมืองฟุคุชิมะ ตั้งอยู่ที่จังหวัดฟุคุชิมะ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางใต้ของโทโฮะขุ เป็นเมืองที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มาก เพราะมีบ่อน้ำพุร้อนและสกีรีสอร์ท รวมถึงมีกิจกรรมสันทนาการต่างๆ หลากหลายรูปแบบ ทั้งกอล์ฟ, พายเรือ, แล่นเรือใบ และกีฬาทางน้ำต่างๆ ในทั้งบริเวณทะเลสาบ Inawashiro และชายฝั่งทะเลแปซิฟิก, เครื่องร่อน และออกแค้มปิ้งตามภูเขาในแถบ Aizu และทั้งยังมีสถานที่หลายแห่งที่สามารถรองรับความต้องการสำหรับคนทุกวัย ที่ธรรมชาติผสมผสานอย่างลงตัวกับกิจกรรมกีฬาประเภทต่างๆ

เมืองฟุคุชิมะ ได้ชื่อว่าเป็น “อาณาจักรผลไม้” อุดมไปด้วยผลไม้หลากหลายชนิด ทั้งลูกสตรอเบอรี่ ลูกพีช ลูกพลับ แอปเปิ้ล เชอรี่ องุ่น และลูกแพร ซึ่งจะผลัดกันออกผลตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนพฤศจิกายนให้ผู้ที่มาเยือนได้ชมและชิมผลไม้ตามฤดูกาล อีกทั้งยังเป็นแหล่งปลูกผักนานาชนิดที่สำคัญของญี่ปุ่นอีกด้วย นอกจากนี้ อาหารคาวก็ไม่น้อยหน้า ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารทะเล ทั้ง กุ้ง หอย ปู ปลาแซลมอน และสาหร่าย เรียกได้ว่า ครบครันเลยทีเดียว

เมืองยะมะงะตะ ตั้งอยู่ในจังหวัดยะมะงะตะ มีชื่อเสียงในเรื่องของสกี รีสอร์ทที่สวยงาม ทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟโอกาม่า ที่น้ำในทะเลสาบนี้จะเปลี่ยนเป็นสีต่างๆ ตามสภาพอากาศซึ่งแปลกและสวยงามมาก ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ Dewa Sanzan และวัน Yamadera ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของที่นี่อีกเช่นกัน เมืองยะมะงะตะ เป็นแหล่งเพาะปลูกเชอรี่และสาลี่ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และยังปลูกผลไม้ต่างๆ จำนวนมากอีกด้วย อาทิ องุ่น แอปเปิ้ล พีช แตง และแตงโม

อิ่มเอมเปรมใจกันแล้วทั้งอาหารตาและอาหารใจ งานนี้หากใครไม่ได้ไปที่ญี่ปุ่น ห้างสรรพสินค้า อิเซตัน ได้นำวัฒนธรรมของแท้ส่งตรงจากญี่ปุ่น มาให้ท่านได้สัมผัส ในงานเทศกาลผลิตภัณฑ์อาหารและแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว “เซ็นได โทโฮะขุ เจแปน แฟร์” โดยในงานจะมีทั้งอาหารและกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย เช่น การแสดงนาฏศิลป์จาก “ไมโกะ” แห่งเมืองยามากาตะ หรือหญิงสาววัย 18–25 ปี ที่ฝึกหัดเพื่อเตรียมตัวเป็น “เกกิ” คือสตรีผู้มีความสามารถในศิลปะแขนงต่างๆ ทั้งขับร้อง ฟ้อนรำ เล่นดนตรีพื้นเมืองอย่างซามิเซ็น, ขลุ่ย ฯลฯ ตลอดจนจัดดอกไม้อิเคบานะ ทำพิธีชงชาตามแบบฉบับประเพณีดั้งเดิม เป็นต้น ปัจจุบันในยามากาตะมีไมโกะเพียง 5 คนเท่านั้น โดย 2 คนจะบินตรงมาแสดงนาฏศิลป์ที่งดงามให้ชมในงานรวม 6 รอบ วันที่ 1, 3 และ 4 พ.ย. วันละ 2 รอบ เวลา 15.00 น. และ 18.00 น. ที่ชั้น 6 ตุ๊กตาไม้โคเคชิ ตุ๊กตาไม้ญี่ปุ่นในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วญี่ปุ่นมากว่า 130 ปี มีจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวน้ำพุร้อนในแถบนี้ตั้งแต่ปี คศ. 1800 โดยมีลักษณะเรียบง่าย ศีรษะกลมและลำตัวเป็นแท่งเสา สำหรับในงานนี้ ท่านจะได้ชมการสาธิตการทำตุ๊กตาไม้ พร้อมจำหน่ายโดย คุณคุนิโตชิ อาเบะ เป็นช่างศิลปินประดิษฐ์ตุ๊กตาไม้รุ่นที่ 6 และได้รับรางวัลชนะเลิศในงานเทศกาลตุ๊กตาไม้ครั้งที่ 53 ที่เมืองนารุโก เดือนกันยายนปีนี้

การแสดงการเขียนตัวอักษรญี่ปุ่น พร้อมร่วมฝึกเขียน คุณอิเคตะ เซอุน เป็นผู้มีชื่อเสียงในด้านการเขียนตัวอักษรญี่ปุ่นท่านหนึ่งของเมืองเซนได และจะมาสาธิตการเขียนตัวอักษรญี่ปุ่นที่เป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ของญี่ปุ่น ให้ได้ชม พร้อมเชิญชวนท่านผู้สนใจเข้าร่วมการฝึกเขียนตัวอักษรด้วยเวลาการแสดง วันศุกร์ที่ 2 และวันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา 12.30 – 14.30 น. ชั้น 6 บริเวณลานพักผ่อน

เสื้อเกราะจำลองนักรบญี่ปุ่นของเจ้าเมือง มาซามูเนะ ดาเต ได้จัดแสดงที่หน้าบันไดเลื่อน ชั้น 1 ในปี คศ. 1600 ท่านมาซามูเนะ ดาเต เป็นเจ้าเมืองท่านหนึ่งที่มีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้นำการต่อสู้เพื่อประเทศชาติ และได้เข้ารวบรวมการปกครองหลายพื้นที่ในบริเวณนี้ โดยใช้เมืองเซนได เป็นศูนย์รวมการปกครอง มีบางท่านเล่าว่า จอร์ส ลูคัส ผู้กำกับเรื่องสตาร์วอส์ ก็ได้ความคิดการออกแบบชุดเสื้อผ้าของตัวละคร Darth Vader โดยเลียนแบบจากชุดเกราะนี้

ส่วนอาหารที่ขึ้นชื่อคือ ‘ราเมน’ ซึ่งงานนี้พิเศษกว่าที่อื่นๆ เพราะนำมาจากร้านอาซาฮิ รูโยรุ ที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งจาก 120 กว่าร้านของเมืองคิตาคาตะในฟูกูชิม่า สำหรับผู้ที่ชื่นชอบของหวาน งานนี้มีขนมรสอร่อยทั้งแบบต้นตำรับและแบบใหม่ๆ มากมายหลายชนิดจากแต่ละเมือง เช่น ขนมเค้กไส้คัสตาร์ด “ฮากิโนะซูกิ” วุ้นชิโระมัทซิกะ โยคัง ขนม ซุนดะโมจิ หน้าถั่วแระ ขนมคิขุฟุขุหลากรส ทั้งชาเขียว, ครีมสด, ถั่วแระ ขนมมันจูสอดไส้ต่างๆ บัตเตอร์ โดรายากิ ชีสเค้ก “ฟุร็อมซะโอ้” เป็นของฝากขึ้นชื่อจากโทโฮะขุ

ชมและชิมกันได้ที่ ห้างสรรพสินค้า อิเซตัน ถนนราชประสงค์ ที่ชั้น 5 และ ชั้น 6 ในงานเทศกาลผลิตภัณฑ์อาหารและแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว “เซ็นได โทโฮะขุ เจแปน แฟร์” ขึ้นระหว่างวันที่ 1-11 พฤศจิกายน นี้ เวลา 10.00-21.00 น. ซึ่งภายในงานจะประดับประดาบรรยากาศให้เหมือนกับทั้ง 3 เมือง คือ เมืองเซ็นได, เมืองฟุคุชิมะ และเมืองยะมะงะตะ ดินแดนแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นเลยทีเดียว

วัฒนธรรมเก่าแก่ของญี่ปุ่นที่น่าสนใจและกำลังจะเลือนหายไปอย่างน่าเสียดายคือ “เกอิชา“ หรือ “เกกิ” สตรีผู้มีความสามารถในศิลปะแขนงต่างๆ ทั้งขับร้อง ฟ้อนรำ เล่นดนตรีพื้นเมืองอย่าง ซามิเซ็น, ขลุ่ย ฯลฯ ตลอดจนจัดดอกไม้ อิเคบานะ ทำพิธีชงชาตามแบบฉบับประเพณีดั้งเดิม วัฒนธรรมเกอิชามีมาแต่ครั้งศตวรรษที่ 17 โดยเฉพาะที่เมืองเกียวโต ที่เคยเป็นนครหลวงเดิมมานานกว่าพันปี การจะเป็นเกกิได้ นั้นจะต้องเรียนรู้ศิลปะทั้งปวง ซึ่งศิลปกรรมนี้จะต้องฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก และมักเป็นอาชีพที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนในตระกูล คนไทยจะรู้จักในชื่อ เกอิชา แต่ในญี่ปุ่นจะเรียกกันว่า เกกิ, มาอิโกะ, เกอิโกะ ในอดีตเคยแพร่หลายมาก เมื่อ คศ. 1920 มีจำนวนเกกิ ถึง 80,000 คน ส่วนปัจจุบัน แม้ว่าจะยังมีอาชีพเกกิ แต่จำนวนค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง และกำลังจะเลือนหายไป จนปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 5 คน ปัจจุบันเกอิชายังอาศัยอยู่ในสำนักเกอิชา ในบริเวณพื้นที่เรียกว่า ฮะนะมะชิ (เมืองดอกไม้) หรือ คะเรียวได (โลกของดอกไม้และต้นหลิว)

รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ

บริษัท โปรคอมมิวนิเคชั่นส์ แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด

โทรศัพท์ 0 2691 6302-4, 0 2274 4961-2

(รัชฎา บุลนิม, อุมา พลอยบุตร์, ชามานันท์ สุจริตกุล)

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit