คาแรคเตอร์การ์ตูนบูมวงการแฟชั่น “วาย บี” ชู “พิงค์ แพนเตอร์” นำทัพสู้ศึก

20 Apr 2007

กรุงเทพฯ--20 เม.ย.--อินโฟเควสท์

คาแรคเตอร์การ์ตูนระดับโลกบุกเมืองไทย วายบี มาร์เก็ตติ้ง เปิดตัว “เดอะ พิงค์แพนเตอร์เสือชมพูแสนเจ้าเล่ห์ วาดลวดลายบนชุดนอนและชุดชั้นใน ประเดิมขึ้นห้างหรูทั่วประเทศ จับกลุ่มสาววัยทีน มั่นใจชื่อเสียงแบรนด์กว่า 40 ปี ส่งสินค้ารุ่งเหมือนต่างประเทศ เตรียมกิจกรรมโรดโชว์ตลอดทั้งปี หวังครองใจวัยสดใส ส่งยอดขายรวมโตอีก 40% ซุ่มแนะนำชุดนอนเด็ก-เครื่องประดับผม พร้อมส่งออก YBSissi แบรนด์ไทยขึ้นสมรภูมิเอเชีย

ประเทศไทยเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่า เป็นศูนย์กลางของการผลิตอุตสาหกรรมสิ่งทอและแฟชั่นที่สำคัญของโลก หลายปีที่ผ่านมา มีพัฒนาการทางด้านอุตสาหกรรมเหล่านี้อย่างไม่หยุดยั้ง ในขณะที่แบรนด์ต่างประเทศก็มุ่งหน้าเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทยเป็นอย่างมาก เนื่องจากตลาดแฟชั่นของประเทศไทย อยู่ในยุคที่กำลังเติบโต และมีแนวโน้มที่สดใส

เสือเจ้าเล่ห์บุกวัยรุ่นไทย

เดอะพิงค์แพนเตอร์ เป็นแบรนด์เสื้อผ้าวัยรุ่นที่ได้รับความนิยมจากประเทศสหรัฐอเมริกา และมีการจัดจำหน่ายจนได้รับความสำเร็จในอีกหลายประเทศ ทั้งในยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และประเทศในเอเชียต่าง ล่าสุดได้เริ่มจัดจำหน่ายประเทศไทย เมื่อปลายปี 2549 เป็นต้นมา

“พิงค์แพนเตอร์” เป็นแบรนด์ที่มีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจน ที่กำเนิดจากการ์ตูนแอนนิเมชั่นตั้งแต่ ปี 2507 จากเจ้าเสือเจ้าเล่ห์ จากภาพยนตร์ค่าย Metro-Goldwyn-Mayer Studio Inc ประเทศสหรัฐอเมริกา และ เป็นการ์ตูนแอนนิเมชั่นที่ได้รับรางวัล ออสการ์ จากทีมงานของ David DePatie and Friz Freleng, Producer Director Blake Edward and producers The Mirisch Company โดยเรื่องราวของเจ้าเสือเจ้าเล่ห์ท่าทางซุกซนที่มาพร้อมกับรอยเท้ากับการย่องเบานำหน้านักสืบ เพื่อค้นหาเพชรอันล้ำค่า ถูกถ่ายทอดลงบนแอนิเมชั่นทางจอทีวีภาพยนตร์เป็นเวลากว่า 40 ปี

เศรษฐกิจชะลอ-แบรนด์ดีจริงถึงอยู่รอด

นางสาวสุวรรณี มีอัศวเป็นมงคล (กรรมการผู้จัดการ บริษัท วายบี มาร์เก็ตติ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด) ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุดนอนและชุดชั้นในแบรนด์ “เดอะพิงค์แพนเตอร์” (The Pink Panther) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปีนี้ ส่งผลให้ภาวะการแข่งขันของสินค้าและบริการต่างๆสูงขึ้น โดยเฉพาะการแข่งขันทางด้านราคาและโปรโมชั่นต่างๆ แต่ในขณะเดียวกันผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร อีกทั้งมีแบรนด์และคุณภาพเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค จะเป็นแบรนด์ที่มีความสามารถในการแข่งขันและฝ่าฟันเศรษฐกิจในสถานการณ์เช่นนี้ได้ ดังนั้นบริษัทฯ จึงได้เปิดตัวชุดนอนและชุดชั้นในแบรนด์ “พิงค์แพนเตอร์” ขึ้นในประเทศไทย โดยบริษัท วายบี มาร์เก็ตติ้ง เป็นผู้แทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว โดยคาดว่าจะช่วยเสริมการเติบโตต่อรายได้รวมของบริษัทฯ ประมาณ 40 % ภายในปีนี้ “บริษัท วายบี มาร์เกตติ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการถ่ายทอดเรื่องราวเจ้าเสือ เดอะพิงค์แพนเตอร์ ผ่านลงบน ชุดนอน และชุดชั้นใน ที่มีสีเป็นเอกลักษณ์ เรื่องราวสนุกสนาน เก๋ไก๋ สดุดตา บนเนื้อผ้าคุณภาพสูง ทำให้ทุกท่านที่สวมใส่รู้สึกถึงความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ไม่เหมือนใคร ใส่สบาย เหมาะสำหรับทุกท่านที่ชื่นชอบเสือเจ้าเล่ห์ ซุกซน ท่าทางกวน ๆ ตัวนี้”

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ชุดชั้นในและชุดนอน “พิงค์แพนเตอร์” มีวางจำหน่ายที่ ห้างสรรพสินค้าทั่วไป อาทิ สยามพารากอน, ดิเอ็มโพเรียม, เซ็นทรัล, เดอะมอลล์, โรบินสัน, โตคิว, อิเซตัน, เดอะแพลททินัม และห้างสรรพสินค้าชั้นนำในแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงต่างๆทั่วประเทศ

วายบีฯชูแบรนด์ดังจับวัยรุ่นหญิง

การทำตลาดของพิงค์แพนเตอร์ จะอาศัยคาแรคเตอร์ที่ชัดเจน ประกอบกับชื่อเสียงและความสำเร็จจากทั่วโลกมานาน 40 ปีมาเป็นจุดเด่นของแบรนด์ ทั้งนี้จุดขายของสินค้ามาจากความโดดเด่นของรูปแบบที่ทันสมัย มีสีสันสะดุดตา รวมทั้งเรื่องราวบนเสื้อผ้าจากเนื้อหาของภาพยนตร์ จะเป็นปัจจัยการเลือกซื้อที่สำคัญต่อลูกค้าที่ชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมทั้งลูกค้าใหม่ที่ชื่นชอบความสดใสของผลิตภัณฑ์ โดยการทำตลาดในครั้งนี้ มีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นวัยรุ่นผู้หญิง อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นรวมทั้งนักสะสมเสื้อผ้าและของที่ระลึกจากภาพยนตร์ โดยพิงค์แพนเตอร์ จะมีคอลเล็คชั่นใหม่ ภายใต้เรื่องราวต่างๆ ตามคาแรคเตอร์ที่มีน่าสนใจตลอดทั้งปี

กิจกรรมการตลาดของพิงค์แพนเตอร์ในปีนี้ จะเน้นไปที่การกิจกรรม ณ จุดขาย รวมทั้งการทำกิจกรรมในพื้นที่ๆมีกลุ่มเป้าหมาย ทั้งในส่วนของห้างสรรพสินค้าและแหล่งท่องเที่ยวหรือสถาบันการศึกษา ซึ่งจะเป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมเพื่อรับรู้ถึงแบรนด์ และมีโอกาสสำหรับกับแบรนด์โดยตรง ในขณะเดียวกัน การเปิดตัวสินค้าอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ ถือเป็นการประกาศตัวให้กับแฟนคลับของพิงค์แพนเตอร์ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ นอกจากนั้นจะมีการเดินสายทำกิจกรรมอีเว้นต์ตลอดทั้งปี

“การทำตลาดในปีนี้ จะมุ่งเน้นในส่วนของแบรนด์พิงค์แพนเตอร์เป็นหลัก โดยเฉพาะชุดนอนซึ่งเป็นลักษณะเด่นและเป็นจุดแข็งของเรา ส่วนของงบประมาณการตลาดเราตั้งไว้ประมาณ 10 %ของยอดขาย โดยจะแบ่งเป็นในส่วนของ Below the Line 80% และ Above the Line 20%

สำหรับแนวทางการสร้างแบรนด์ เราจะยึดจุดแข็งของแบรนด์เป็นกลยุทธ์หลักนั่นคือบุคคลิกของเสือเจ้าเล่ห์พิงค์แพนเตอร์ที่เป็นที่รู้จักอยู่แล้ว ประกอบด้วยตัวสินค้าที่มีคุณภาพและราคาสมเหตุผล”

ประเทศไทย สมรภูมิท้าทายวงการแฟชั่น

นางสาวสุวรรณี กล่าวต่อว่า ประเทศไทยเป็นเป้าหมายที่สำคัญของการขยายตัวของธุรกิจแขนงต่างๆ เนื่องจากเป็นประเทศที่มีบรรยากาศที่เหมาะกับการทำธุรกิจ และคนไทยมีวิสัยทัศน์ในการเปิดรับสิ่งต่างๆได้กว้างขวาง โดยเฉพาะในเรื่องของแฟชั่น ที่กำลังเป็นก้าวสำคัญของประเทศ เนื่องจากการพัฒนาทางด้านแฟชั่น ถือเป็นการสานต่อการเติบโตของธุรกิจอื่น อาทิ อุตสาหกรรมสิ่งทอ ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจท่องเที่ยว วงการดีไซเนอร์ ฯลฯ ทั้งนี้การที่แบรนด์ต่างประเทศให้ความสนใจประเทศไทย จึงถือเป็นเรื่องที่ดี ที่จะช่วยสนับสนุนความพร้อมของการก้าวขึ้นสู่ “กรุงเทพเมืองแฟชั่น” ได้อย่างเต็มรูปแบบ นอกจากนั้น ยังเปิดโอกาสให้ผู้สนใจงานดีไซเนอร์สามารถสร้างสมประสบการณ์ เรียนรู้พฤติกรรมผู้บริโภคที่หลากหลาย รวมทั้งการศึกษางานในระดับสากล เพื่อผลิตแฟชั่นแบรนด์ไทยขึ้นมาเองได้อีกมาก

“ในประเทศไทยมีนักออกแบบที่มีความสามารถอยู่มาก ข้อมูลข่าวสารทางอินเตอร์เน็ท เป็นข้อมูลที่นักออกแบบยุคใหม่สามารถเรียนรู้แนวโน้มใหม่ ๆ จากประเทศต่าง ๆ ได้ง่าย ในฐานะที่ทำงานกับนักออกแบบในทั้งและต่างประเทศในสินค้าเครื่องประดับผมและเสื้อผ้า มาเป็นเวลานาน ทำให้รู้สึกว่า นักออกแบบไทยมีความเป็นตัวเองสูง มีความเป็นเอกลักษณ์ หากนักออกแบบสามารถนำเอาความเป็นตัวของตัวเอง บวกกับแนวโน้มแฟชั่นเทรนด์ในต่างประเทศได้ลงตัว ก็จะได้งานที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ซึ่งชาวต่างชาติจะชื่นชอบและรู้สีกถึงความแปลกใหม่ที่ได้รับจากสินค้าที่ผลิตจากประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ทางภาครัฐบาลก็ได้สนับสนุนผู้ส่งออกและนักออกแบบไว้อยู่หลายโครงการ ซึ่งคิดว่า ดีสำหรับอนาคตของสินค้าจากประเทศไทย” เตรียมแนะนำชุดนอนเด็กลุยส่งออก

นางสาวสุวรรณี กล่าวในตอนท้ายว่า หลังจากที่ได้เริ่มวางจำหน่ายสินค้าไปเมื่อปีที่ผ่านมา ได้ผลตอบรับที่ดีมาก เนื่องจากผลิตภัณฑ์ “พิงค์แพนเตอร์” มีความโดดเด่นสะดุดตาและเป็นสินค้าที่ผลิตด้วยวัถุดิบคุณภาพสูง และในปีนี้เมื่อมีการรุกตลาดอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น คาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายที่เติบโตขึ้นอีก 40 %

โดยปัจจุบันสินค้าที่แนะนำในตลาดแล้วคือ ชุดนอนและชุดชั้นใน และจะมีการแนะนำสินค้าประเภทชุดนอนเด็กภายในปลายปีนี้ นอกจากนั้น ยังมีสินค้าแบรนด์ใหม่ที่บริษัทฯ เตรียมนำออกตลาดในปีนี้ คือ ผลิตภัณฑ์เครื่องประดับผม แบรนด์ “YBSissi” โดยเลือกร้าน Boots เป็นช่องทางการจำหน่ายเพียงรายเดียว และผลิตภัณฑ์ เครื่องประดับผมแบรนด์ Hello Kitty ที่จะวางจำหน่ายผ่านช่องทางห้างสรรพสินค้

นอกจากนั้น บริษัทฯยังมีแผนการบุกตลาดต่างประเทศ ภายใต้แบรนด์ YBSissi และ Bikyซี่งเป็นแบรนด์จากประเทศไทย ขณะนี้ ผลิตภัณท์ชุดชั่นใน YBSissi มีวางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไปในประเทศไทย รวมทั้งตลาดในเอเชีย คือ ประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และฮ่องกง ทั้งนี้บริษัทฯ มีแผนการจัดจำหน่ายในภาคพื้นเอเชียก่อนนำออกสู่ประเทศอื่น

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net