รายงานความคืบหน้าและภาวะการดำเนินธุรกิจเอทานอลของกลุ่มมิตรผล

15 Aug 2007

กรุงเทพฯ--15 ส.ค.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์

จากการที่ธุรกิจเอทานอลเป็นหนึ่งในธุรกิจที่กลุ่มมิตรผลดำเนินงาน และเป็นธุรกิจพลังงานทางเลือกที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ประกอบกับมีสื่อมวลชนและ ผู้สนใจสอบถามความคืบหน้าการดำเนินงานของธุรกิจดังกล่าวของกลุ่มมิตรผลเป็นจำนวนมากนั้น กลุ่มมิตรผลขอรายงานการดำเนินงานดังนี้

กลุ่มมิตรผลยังคงให้ความสนใจและให้ความสำคัญต่อการผลิตและการจำหน่ายเอทานอล ในฐานะที่เป็นพลังงานทางเลือกที่สะอาดและมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยลดการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากการใช้ทดแทนน้ำมันเบนซิน ซึ่งก๊าซ ดังกล่าวเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อน รวมถึงลดมลพิษในอากาศ เนื่องจากการสันดาป ในเครื่องยนต์ดีขึ้นไปพร้อมกัน และยังเป็นการนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อันจะส่งผลดีต่อเกษตรกรไทยให้มีรายได้เพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย

ปัจจุบัน กลุ่มมิตรผลมีโรงงานผลิตเอทานอลอันทันสมัย โดยใช้เทคโนโลยีระดับโลก อยู่ที่อำเภอ ภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ และอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลิตเอทานอลแห่งที่สอง ณ อำเภอ กุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและเดินเครื่องผลิตเอทานอลได้ราวเดือนธันวาคม 2550 โดยวัตถุดิบจะมาจากแหล่งวัตถุดิบภายในประเทศ 100 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณ การผลิตโรงงานละ 200,000 ลิตรต่อวัน รวม 400,000 ลิตรต่อวัน โดยสัดส่วนการจัดจำหน่าย เอทานอลของโรงงานภูเขียวระหว่างตลาดในประเทศและต่างประเทศอยู่ที่ร้อยละ 70:30 ส่วน โรงงานกาฬสินธุ์อยู่ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน แต่อาจแตกต่างกันเล็กน้อย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับ ความต้องการของตลาดในช่วงนั้น

สำหรับสถานการณ์ตลาดในปัจจุบันนั้น เนื่องด้วยประเทศไทยมีศักยภาพและมีวัตถุดิบในการผลิต เอทานอลสูง ประกอบกับนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐในการยกเว้นภาษีให้แก่ธุรกิจเอทานอล ทำให้มีการผลิตเอทานอลออกมาในปริมาณมากเกินความต้องการของตลาดภายในประเทศ

ดังนั้นในระยะสั้นของการทำตลาดภายในประเทศ กลุ่มมิตรผลจึงมีนโยบายในเรื่องการปรับนโยบายด้านการตลาดให้สอดคล้องกับภาวะตลาดที่เกิดขึ้น อันเป็นลักษณะการดำเนินงานปกติของธุรกิจโดยทั่วไป เช่นเดียวกับวงจรปกติของตลาดสินค้าที่อาจมีการปรับตัวขึ้นลงตามความต้องการใช้สินค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้ ทางกลุ่มมิตรผลคาดว่า นโยบายดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโดยรวมของกลุ่มมิตรผลและภาวะดังกล่าวจะเป็นสภาพการตลาดที่เกิดขึ้นชั่วคราว กลุ่มมิตรผล มีนโยบายที่จะปรับตัวให้ได้สมดุลกับความต้องการของผู้บริโภคอย่างลงตัว โดยให้สอดรับกับสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป