กรุงเทพฯ--15 ธ.ค.--เวเบอร์ แชนด์วิค
เทเลคอม มาเลเซีย เผยฐานลูกค้ามือถือในภูมิภาคเพิ่มขึ้นกว่า 63% ดันยอดลูกค้าพุ่งถึง 26.5 ล้านคนแล้ว ทีเอ็มในฐานะผู้นำการสื่อสารแห่งเอเชียยังเติบโตอย่างแข็งแกร่งในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง
เทเลคอม มาเลเซีย เบอร์ฮัด หรือ ทีเอ็ม (TM) ผู้นำตลาดการสื่อสารของเอเชียที่มีการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคเอเชียถึง 9 ประเทศ เผยถึงการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ใช้บริการมือถือในภูมิภาคถึง 63 เปอร์เซ็นต์ สำหรับผลประกอบการในช่วงไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดเดือนกันยายน 2549 โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการกว่า 26.5 ล้านคน จาก 16.3 ล้านคนเมื่อปีที่ผ่านมา
ทีเอ็มมุ่งเน้นและใช้กลยุทธ์ที่วางไว้ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของบริษัทในฐานะพันธมิตรร่วมทุนในตลาดภูมิภาค เช่น อินโดนีเซีย อินเดีย สิงคโปร์ กัมพูชา ประเทศไทย บังคลาเทศ ศรีลังกา และปากีสถาน เพราะประเทศในเอเชียถือว่าเป็นตลาดที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในโลก และในขณะเดียวกัน ทีเอ็มยังเดินหน้าสร้างแบรนด์ของบริษัทในประเทศในประเทศต่างๆ ให้แข็งแกร่ง เพื่อให้ทีเอ็มได้รับการปันผลกำไรอย่างต่อเนื่อง
การดำเนินธุรกิจของทีเอ็ม ผ่าน ทีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล เอสดีเอ็น เบอร์ฮัด (ทีเอ็มไอ) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนในการลงทุนในต่างประเทศที่ปัจจุบันถือหุ้นอยู่ในบริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ Samart ประมาณ 19.24 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้น เมื่อไม่นานที่ผ่านมา ทีเอ็มไอยังได้วางตำแหน่งการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจครั้งใหม่กับกลุ่มสามารถโดยถือหุ้น 24.4 เปอร์เซ็นต์ ในบริษัท สามารถ ไอโมบาย จำกัด (มหาชน)
มร. ราดซิ แมนเซอร์ ประธานกลุ่มทีเอ็มและประธานกรรมการทีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล ในฐานะบริษัทร่วมทุนในการลงทุนในต่างประเทศของทีเอ็ม กล่าวในงานไอทียู เทเลคอม เวิร์ล (ITU’s Telekom World) ณ ประเทศ ฮ่องกงว่า “การดำเนินการในต่างประเทศของเราเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอินโดนีเซีย อินเดีย บังคลาเทศ และปากีสถานที่ทีเอ็มได้วางตำแหน่งในตลาดในฐานะองค์กรที่มอบทรัพยากรจำนวนมหาศาลในการผลักดันการขยายตัวในประเทศเหล่านั้นซึ่งได้รับการพิจารณาแล้วว่าเป็นหนึ่งในตลาดโทรศัพท์มือถือที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชีย”
สำนักงานใหญ่ของทีเอ็มที่ตั้งอยู่ ณ กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ให้เหตุผลของการเติบโตในอุตสาหกรรมการสื่อสารโทรคมนาคมอันเป็นก้าวย่างที่สำคัญของทีเอ็มนี้ว่ามาจากความต้องการด้านการสื่อสารที่อยู่ภายใต้การควบคุมของหลายประเทศในภูมิภาคนี้ รวมทั้งการเริ่มต้นของการเปิดเสรีด้านโทรคมนาคม และการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นตัวผลักดันกำลังการซื้อของประชากรในเอเชีย
มร. ราดซิ กล่าวว่า ความมุ่งมั่นของบริษัทลูกของทีเอ็มในการเพิ่มเงินทุนสำหรับกิจกรรมทางการตลาดและการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตลอดจนการบริการในตลาดที่มีการเติบโตสูงมากยิ่งขึ้น อันได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย บังคลาเทศ ศรีลังกา และกัมพูชา จะช่วยทำให้เกิดผลตอบแทนที่ดีให้แก่ทีเอ็มได้
“ในความเป็นจริงแล้ว เราได้เพิ่มงบประมาณสำหรับการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศและมีการการใช้เงินลงทุนไปแล้วมากกว่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ทั้งนี้ การเติบโตของจำนวนผู้ใช้บริการและการขยายตัวของโครงข่ายอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งที่ผลักดันให้เพิ่มงบประมาณการลงทุนในปี 2549” เขากล่าวเพิ่มเติม
งบประมาณการลงทุนของทีเอ็มจำนวนมหาศาลในปีนี้ได้จัดสรรเพื่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่กำลังเติบโตในประเทศศรีลังกา อินโดนีเซีย บังคลาเทศ ปากีสถาน และกัมพูชา
ทีเอ็มมีบริษัทลูกในภูมิภาคเอเชียที่บริษัทมีอำนาจควบคุมผ่านการถือหุ้นในผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายสำคัญ ได้แก่ บริษัท ไดอาล็อก เทเลคอม จำกัด ในประเทศศรีลังกา โดยทีเอ็มถือหุ้น 87.7 เปอร์เซ็นต์, บริษัท เอ็กเซลโคมินโด ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือภายใต้ชื่อ XL โดยทีเอ็มถือหุ้นจำนวน 59.7 เปอร์เซ็นต์, ทีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล บังคลาเทศ ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือภายใต้ชื่อ AKTEL ที่ทีเอ็มถือหุ้นจำนวน 70 เปอร์เซ็นต์ และ บริษัท
ทีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล กัมพูชา จำกัด หรือ TMIC ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือภายใต้ชื่อ HELLO 015&016 โดยทีเอ็มถือหุ้นจำนวน 100 เปอร์เซ็นต์
ในปีนี้ทีเอ็มยังได้ซื้อหุ้นเพิ่มเติมอีก 49 เปอร์เซ็นต์ในบริษัท สไปซ์ คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศอินเดียเพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทจะสามารถเจาะตลาดโทรศัพท์มือถือที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกได้ ซึ่งประเทศอินเดียก็เป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตเร็วเพราะมีจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือเพิ่มขึ้นประมาณ 5 ล้านคนต่อเดือน ด้านการลงทุนอื่นๆ ในช่วงปี 2549 ยังรวมถึงการซื้อหุ้นเพิ่มเติมในประเทศกัมพูชาอีก 29 ล้านเหรียญสหรัฐจนทำให้สามารถถือหุ้นใน TMIC ได้จำนวน 100 เปอร์เซ็นต์ และลงทุนจำนวน 32.8 ล้านเหรียญสหรัฐในการซื้อหุ้นบริษัท สามารถ ไอโมบาย จำกัด (มหาชน) จำนวน 24.4 เปอร์เซ็นต์ ทีเอ็มในฐานะผู้นำในตลาดการสื่อสารประจำภูมิภาคเอเชียพอใจการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศที่เติบโตนี้ โดยการดำเนินธุรกิจผ่านบริษัทลูกของทีเอ็มอยู่ในตำแหน่งผู้นำตลาดในตลาดสำคัญๆที่บริษัทเข้าไปดำเนินกิจการ ซึ่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทลูกในประเทศศรีลังกา คือ ไดอะล็อก เทเลคอม เป็นผู้นำอันดับ 1 ในการให้บริการโทรศัพท์มือถือ ขณะที่บริษัทลูกในประเทศบังคลาเทศ คือ TMIB อยู่ในตำแหน่งที่ 2 ของผู้ครองตลาดในประเทศ บังคลาเทศ ด้านบริษัทลูกในประเทศอินโดนีเซียและกัมพูชาขณะนี้อยู่ในตำแหน่งที่ 3
มร. ยูซอฟ อันนัวร์ ยาคอป ประธานกรรมการบริหารของทีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า การลงทุนในต่างประเทศของทีเอ็มจะมีทิศทางที่ดีและเติบโตอย่างเห็นได้ชัดและต่อเนื่อง การดำเนินงานในต่างประเทศของทีเอ็มได้ทำให้เกิด PATAMI แก่กลุ่มบริษัทถึง 30 เปอร์เซ็นต์ และคิดเป็นรายได้ประมาณ 24 เปอร์เซ็นต์ สำหรับ 9 เดือนแรกของปีนี้ที่สิ้นสุด ณ เดือนกันยายน 2549 เพิ่มขึ้นจากจำนวน 23 เปอร์เซ็นต์สำหรับ PATAMI และ 9 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
“เราจะมุ่งมั่นที่จะสร้างชื่อในตลาดภูมิภาคเอเชียซึ่งเรามีการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งผ่านการใช้กลยุทธ์ และการผนึกกำลังดำเนินธุรกิจแบบไร้พรมแดนภายใต้การลงทุนของทีเอ็มต่อไป โดยทีเอ็มจะคำนึงถึงการโอกาสในการรุกธุรกิจและการเป็นผู้นำในการขยายธุรกิจในระดับนานาชาติ” มร. ยูซอฟ กล่าวเพิ่มเติม
ทีเอ็มมั่นใจว่าจะสามารถสร้างครองตลาดในตลาด 9 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย อันมีประชากรเกือบ 2 ล้านคนที่ทีเอ็มเข้าไปให้บริการและลงทุนได้ ด้วยการลงทุนผ่านทีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล ทำให้ปัจจุบันทีเอ็มมีการลงทุนในธุรกิจสื่อสารทั่วภูมิภาคเอเชียเป็นมูลค่า 1.44 พันล้านเหรียญสหรัฐ และบริษัทกำลังมุ่งมั่นที่จะดำเนินกิจการอย่างมีประสิทธิภาพและคล่องตัวโดยยึดตามกลยุทธ์ที่วางแผนอย่างเฉพาะเจาะจงสำหรับประเทศต่างๆ เพื่อจะได้เพิ่มมูลค่าของการลงทุนตลอดจนทำให้ผลตอบแทนสูงขึ้นต่อไป
เกี่ยวกับเทเลคอม มาเลเซีย เบอร์ฮัท (ทีเอ็ม: TM)
ทีเอ็มซึ่งเป็นผู้นำในตลาดการสื่อสารโทรคมนาคมในทวีปเอเชีย ได้นำเสนอบริการด้านการสื่อสารและโซลูชั่นต่างๆเกี่ยวกับโทรศัพท์พื้นฐาน โทรศัพท์มือถือ ข้อมูลและอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงหรือบรอดแบนด์อย่างครอบคลุม ทั้งนี้ ในฐานะหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศมาเลเซียด้วยมูลค่าหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ประมาณ 8,380 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งให้มูลค่าหุ้นแก่ผู้ถือหุ้นในปริมาณสูงเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดในประเทศ
กลุ่มทีเอ็มให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพการบริการแก่ลูกค้ารวมทั้งนวัตกรรมเสมอมา ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้ลงทุนและให้บริการใน 13 ประเทศ ในเอเชียและทั่วโลก โดยทีเอ็มมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศมาเลเซียและตลาดต่างประเทศ
ทีเอ็มได้เข้ามาลงทุนในตลาดสำคัญ 9 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเชีย สิงคโปร์ กัมพูชา ประเทศไทย บังคลาเทศ ปากีสถาน อินเดีย ศรีลังกา และ อิหร่าน ซึ่งทีเอ็มได้เพิ่มค่าให้กับการลงทุนอย่างสมบูรณ์และไม่มีข้อบกพร่อง อีกทั้งยังทำงานอย่างใกล้ชิดกับกับบริษัทลูกเพื่อบรรลุถึงตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งและความสามารถด้านการทำกำไร
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทีเอ็ม กรุณาเยี่ยมชมได้ทางเว็บไซต์ www.tm.com.my
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
กมลวรรณ ทันศรี/ รุ่งนภา ชาญวิเศษ
เวเบอร์ แชนด์วิค ประเทศไทย
โทร: 0 2287 1000 ต่อ 304, 279
โทรสาร: 0 2287 3436
อีเมลล์: [email protected] ,
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit