กรุงเทพฯ--12 ธ.ค.--เจเอสแอล
"สุริวิภา" พุธที่ 13 ธันวาคม นี้ พบกับ จักษ์ทอง นาวาศุภพานิช นักธุรกิจเดินเรือรายใหญ่ของประเทศ ผู้พลิกชีวิตจากเด็กเสเพลติดการพนันสารเสพติดและเกือบหลวมตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวธุรกิจด้านมืด หันมาช่วยกู้วิกฤตหนี้ 70 ล้านบาทของครอบครัว จนขยายใหญ่โตสู่ธุรกิจต่างประเทศ และเริ่มขยายสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นำเข้าสินค้าจากเยอรมัน และอีกนับกว่า 10 บริษัท แต่สิ่งที่สร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักกลับเป็นงานอดิเรกที่เขารักยิ่ง ในฐานะนักแข่งรถระดับแชมป์มือหนึ่งของไทย
จักษ์ทอง นาวาศุภพานิช เผยเรื่องราวกับ "สุริวิภา" ว่า "ตอนวัยรุ่น 15-16 ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ผมมีเพื่อนเยอะ และยอมรับว่าเป็นเพื่อนซึ่งหากเทียบในสังคมก็ถือว่าต่ำมากๆ เพราะบางคนก็ทำอาชีพผิดกฎหมาย ผมก็เลยเสเพลเกเรเป็นหัวโจกในทุกเรื่อง เรียกว่าเป็นผู้นำในเรื่องผิดระเบียบ โดดเรียนจนต้องย้ายโรงเรียนบ่อยๆ กินเหล้าแอบเอาเหล้าใส่กระเป๋าเด็กอนุบาลใส่ขวดนมไปโรงเรียน เที่ยวพาเลซทุกวัน ยังจำคุณหนูแหม่มได้เลยว่ายืนสวยที่บันไดด้านซ้าย แล้วก็เริ่มแข่งรถบนถนนวิภาวดีฯ และยังติดยากล่อมประสาท สมัยนั้นยังไม่มียาอียาไอซ์ ซ้ำร้ายติดการพนัน เพราะไปเล่นได้ง่าย ก็แม่เพื่อนเปิดบ่อน พ่อแม่ผมท่านไม่รู้เลยไม่เคยห้าม ปล่อยให้ผมใช้ชีวิตตามใจ ท่านทำงานหนักมาก จนไม่มีเวลามาอบรบสั่งสอนผม ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ผมขอให้ภรรยาออกจากงานมาเลี้ยงดูแลลูกๆ
ตอนนั้นติดการพนันมากจนเป็นหนี้ 5-6 แสน หนีออกจากบ้านเลยไปอยู่กับเพื่อน นั่นคือ วัยรุ่น คือวัยที่คิดไม่เป็น มองอะไรไม่รู้ถูกผิด กะว่าจะไปอยู่ญี่ปุ่นกับเพื่อนที่ทำงานส่งผู้หญิงไปทำงาน โชคดีว่าพ่อไม่ยอมเซ็นขอวีซ่าให้ แล้วตอนนั้นยังมีเพื่อนที่วางแผนจะปล้นมาชวน เพื่อนก็กะเอาทีเดียวรวย โชคดีมากที่เราตัดสินใจไม่ไป สุดท้ายแม่เพื่อนที่เราเป็นหนี้ตามมาทวงที่บ้าน พ่อแม่ก็เลยผ่อนส่งใช้หนี้ให้เป็นปี กว่าจะหมด ทั้งที่ตอนนั้นที่บ้านเองก็เป็นหนี้ธนาคารอยู่ 70 ล้านบาท ซึ่งผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย จนตอนที่กลับมาอยู่บ้านก็เห็นมีผู้ชายแต่งตัวดีๆ ใส่สูทผูกเนคไทบางครั้งมา 3-4 คน จนตอนหลังมากัน 3 คันรถตู้ ถามพี่สาวๆ บอกว่า คนของธนาคารมาดูแลควบคุมกิจการของเรา ณ เวลานั้นถึงพ่อไม่ได้เรียกให้ผมมาช่วย แต่ผมก็รู้สึกว่า พ่อทำกิจการท่าเรือและเดินเรือนี้มาอย่างทุ่มเท ขยายกิจการซื้อที่ดินเพิ่ม ผมไม่อยากให้สิ่งนี้หายไปเฉยๆ ผมตัดสินใจออกจากมหาวิทยาลัยเลย กลับมาช่วยที่บ้าน พี่สาวก็เริ่มให้ไปเก็บเงิน และผมเริ่มทำทุกอย่างทุกหน้าที่ ทั้งเดินทางไปกับเรือ เช็ดของ ขับรถขนของ เพื่อให้รู้ทุกอย่างของกิจการเรา ทำอย่างนั้นอยู่ 5-6 ปี จึงเริ่มมาทำงานแบบนั่งโต๊ะ แต่แรกๆ ก็ไม่มีตำแหน่ง เหมือนพ่อผมท่านเงียบๆ ไม่อวด สมถะ เป็นคนจีนสมัยก่อนที่บอกว่าคนที่ไม่มีตำแหน่งคือเจ้าของกิจการ
ในที่สุดผมใช้เวลา 7 ปี ปลดหนี้ให้บริษัทได้ ด้วยการเปลี่ยนระบบใหม่ทั้งหมด แต่ก็ต้อง ขัดแย้งกับคุณพ่อบ่อยมาก เริ่มจากเรื่องคนก่อนเลย ผมเป็นคนดุแข็ง คุยกันด้วยเหตุผล แบบตรงไปตรงมาว่าผมเพิ่มเงินให้ ก็ต้องเพิ่มงานให้ทำตามศักยภาพอย่างเต็มที่ บริษัทผมใช้คนน้อยแต่ได้งานมีประสิทธิภาพ ทำโกดังใหม่ เทพื้นท่าเรือใหม่ จากการธุรกิจเชิงรับ ผมปรับมารุกบุกสู้ตลอด ซึ่งก็ต้องสร้างผลงานให้พี่สาวผมเชื่อมั่นก่อน ซึ่งก็ต้องขอบคุณพี่สาวผมที่ให้โอกาส แรกๆก็มีขาดทุนแต่ผมวางแผนงานระยะยาวอย่างน้อยขอเวลาผมพิสูจน์ 6 เดือน ผมก็ทำกำไรให้ได้จริงๆ เลยขยายงานจนบริษัทเราทำได้ครบวงจร และความตั้งใจของคุณพ่อที่อยากขยายงานไปต่างประเทศ ผมก็ฟื้นงานส่วนนั้นขึ้นมาใหม่ โดยแอบซื้อเรือเดินทะเลลำใหญ่ ไม่ให้คุณพ่อรู้ ต้องแอบเอาผ้าใบปิดชื่อเรืออยู่ถึง 6 เดือน จนซื้อลำที่ 2 ที่ 3 คุณพ่อถึงได้รู้ โชคดีว่าช่วงนั้นเป็นช่วงเงินบาทลอยตัว ผมซึ่งมีเงินเก็บสะสมอยู่จึงสามารถซื้อเรือได้ในราคาเพียง 25 ล้านจาก 50 ล้านได้ 3 ลำในเวลาปีครึ่ง และข้อดีของธุรกิจนี้คือเป็นธุรกิจที่ไม่มีวันตาย ยังไงก็ต้องมีการนำเข้าและส่งออก คุณพ่อท่านมองการณ์ไกลในจุดนี้"
จักษ์ทอง ยังเปิดโอกาสให้ สุริวิภา บุกไปที่ท่าเรือ และที่บ้าน เพื่อชมความยิ่งใหญ่ของ ท่าเทียบเรือ เรือเดินทะเล ซึ่งอยู่ใกล้กับสะพานวงแหวนอุตสาหกรรมฯที่สวยงาม และชมอู่ซ่อมรถที่เขาต้องมีไว้เองเพื่อรองรับงานอดิเรกที่เขายังคงรักมาก คือการขับรถแข่ง ซึ่งเขากวาดมาแล้วหลายร้อยรางวัล หนึ่งในนั้นคือ ถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา และถ้วยจาก มาเก๊า สนามที่ขึ้นชื่อว่าโหดและยากที่สุดในโลก สุริวิภา ยังสัมผัสได้ถึงความสุขความอบอุ่นในครอบครัวที่เขามีให้กับลูกๆและภรรยา โดยเฉพาะวิธีคิดในการเลี้ยงดูลูกของเขาที่เปิดกว้างเปิดโอกาสแต่เอาใจใส่ใกล้ชิด รวมทั้งการปรนเปรอความสุขให้ตนเองแบบสะใจ!!! และการเล่าถึงแผนการในอนาคตที่วางแผยขยายกิจการอีกอย่างน้อย 4-5 บริษัทในปีหน้า
... ติดตามชม ได้ใน "สุริวิภา" วันพุธที่ 13 ธันวาคมนี้ เวลาดีสี่ทุ่ม ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit