ไทยยูเนี่ยน รุกพัฒนาและผลิตพันธุ์ลูกกุ้งคุณภาพสูง ทุ่ม 400 ล้านบาท ตั้งบริษัท ไฮ เฮลท์ (ไทยแลนด์) จำกัด

08 Mar 2007

กรุงเทพฯ--8 มี.ค.--ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์

บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (Thai Union Feedmill Co.,Ltd.: TFM) ผู้ผลิต และจำหน่ายอาหารสัตว์ ประเภทอาหารกุ้งและอาหารปลารายใหญ่ของไทย ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ทียูเอฟ ได้ร่วมลงทุนกับ บริษัท ไฮเฮลท์ อะควาคัลเชอร์ อินคอร์ปอเรเต็ด (High Health Aquaculture Incorporated: HHA) ผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาสายพันธุ์กุ้งจากประเทศสหรัฐอเมริกา ร่วมลงทุนในบริษัทย่อยแห่งใหม่ ภายใต้ชื่อ “ บริษัท ไฮ เฮลท์ (ไทยแลนด์) จำกัด (High Health (Thailand) Co.,Ltd หรือ HHT)” โดยใช้เงินลงทุนกว่า 400 ล้านบาท หรือ 11 ล้านเหรียญดอลลาร์ เพื่อดำเนินธุรกิจการพัฒนาพ่อแม่พันธุ์ และลูกกุ้งที่มีคุณภาพสูง เพื่อผลิตและจำหน่ายให้กับเกษตรกร ทั้งนี้เป็นการสนับสนุนต่อการขยายโครงสร้างพื้นฐานทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการส่งออกสินค้าประมงแปรรูป โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์กุ้ง ตั้งแต่ระดับการคัดเลือกสายพันธุ์ การเพาะเลี้ยง การแปรรูป รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายแบบครบวงจร

นายฤทธิรงค์ บุญมีโชติ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด หรือ ทีเอฟเอ็ม และบริษัท ไฮ เฮลท์ (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ เอชเอชที เปิดเผยว่า “เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจในกลุ่มผลิตภัณฑ์กุ้ง มีความต้องการของตลาดทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ดังจะเห็นได้ว่าแนวโน้มในการขยายกำลังการผลิตและการส่งออกกุ้งจากการเพาะเลี้ยงยังมีศักยภาพมาก ด้วยเหตุนี้ความต้องการลูกกุ้งที่มีคุณภาพสูงจึงมีความต้องการในปริมาณที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย แม้ว่าทิศทางการเติบโตของธุรกิจมีการพัฒนาในเชิงบวก แต่มาตรการการควบคุมอาหารปลอดภัย (Food safety) และข้อกำหนดในด้านมาตรฐานของสินค้าก็มีความเข้มงวดมากขึ้นตามไปด้วย ดังเห็นได้จากการมีข้อกำหนดในการควบคุมคุณภาพสินค้าส่งออกในกลุ่มผลิตภัณฑ์กุ้ง ต้องสามารถผ่านการตรวจสอบผลิตภัณฑ์แบบย้อนกลับ หรือ traceability ซึ่งต้องสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในมือผู้บริโภคได้ตลอดขบวนการผลิต ตั้งแต่การผลิตตัวอ่อน (Hatchery), อาหารเพื่อการเพาะเลี้ยง (Feed mill), ผู้ส่งออกและผู้นำเข้าสินค้า จนถึงผู้บริโภค ด้วยเหตุดังกล่าวทางบริษัทฯ จึงเล็งเห็นว่าเทคโนโลยีการพัฒนาสายพันธุ์ และการผลิตลูกกุ้งให้มีคุณภาพสูงนั้นมีความจำเป็นมาก ตลอดจนเป็นจุดเริ่มต้นของสายการผลิตที่ต่อเนื่องของกลุ่มบริษัทฯโดยเน้นคุณภาพของขบวนการเพื่อให้มั่นใจได้ว่าสินค้าของบริษัทฯ มีความปลอดภัยและคุณภาพสูง โดยใส่ใจตั้งแต่ลำดับมาตรฐานวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ทั้งนี้ทางบริษัทจึงลงทุนในบริษัท ไฮ เฮลท์ (ไทยแลนด์) จำกัด โดยคาดว่าจะสามารถรองรับต่อการเติบโตของธุรกิจควบคู่ไปกับการสนับสนุนเกษตรกรของประเทศไทยในเรื่องของการทำ “Contract Farming” ให้ครบวงจรมากขึ้น ทั้งนี้กำลังการผลิตของ เอชเอชที สามารถผลิตลูกกุ้งได้กว่า 3,600 ล้านตัวต่อปี และสามารถเพิ่มกำลังการผลิตลูกกุ้งคุณภาพสูงได้ถึง 5,000 ล้านตัวภายในเดือนมิถุนายนปีนี้ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของเกษตรกรผู้เลี้ยงภายในประเทศ”

และยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับทีมบริหารที่เราคัดเลือกมาเพื่อดูแลบริษัทฯ ใหม่แห่งนี้ จะมุ่งเน้นในการพัฒนาเทคโนโลยี และการบริการที่ดีให้กับเกษตรกรเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อฟาร์มเพาะเลี้ยงภายในประเทศไทย ผู้ให้บริการด้านอาหาร และผู้ร่วมธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง นำโดย ดร. เจมส์ อัลเลน วายแบน (Dr. James Allen Wyban) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและผลิตพ่อแม่พันธุ์กุ้งคุณภาพสูงจากฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการของ เอชเอชที ตลอดจนทีมผู้บริหารระดับสูงจาก ทีเอฟเอ็ม และ ทียูเอฟ ซึ่งปัจจุบันโรงงานและศูนย์ทดลอง พร้อมดำเนินการผลิต ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของภูเก็ต บนพื้นที่กว่า 96 ไร่ หรือ 15 เฮกตาร์ ณ เขาปิหลาย จังหวัดพังงา”

ดร. เจมส์ อัลเลน วายแบน (Dr. James Allen Wyban) กรรมการผู้จัดการบริษัท ไฮ เฮลท์ (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ เอชเอชที กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทางบริษัท ไฮเฮลท์ อะควาคัลเชอร์ อินคอร์ปอเรเต็ด (High Health Aquaculture Incorporated: HHA) ได้ตกลงร่วมทุนกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด หรือ ทีเอฟเอ็ม เพื่อจัดตั้งบริษัท เพื่อพัฒนาและผลิตลูกกุ้งคุณภาพสูง ที่มีลักษณะปราศจากเชื้อโรค (Specific Pathogen Free: SPF) สามารถต้านทานเชื้อไวรัสและเติบโตได้เร็ว (Fast growth and Taura virus resistance: GxTVR) ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมเฉพาะสำหรับเอชเอชที ตลอดจนเป็นลูกกุ้งที่ไม่มีสารเคมีตกค้าง จึงทำให้ได้ผลผลิตลูกกุ้งที่มีความแข็งแรงและมีอัตรารอดจากการเพาะเลี้ยงได้สูงมาก จึงทำให้เกษตรกรมีต้นทุนในการเลี้ยงต่ำ และนำมาซึ่งโอกาสในการทำกำไรได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ในปี 2006 เอชเอชที จึงถูกก่อสร้างขึ้นในทำเลที่มีคุณภาพของน้ำที่ดี ตลอดจนทางบริษัทฯ ได้มีการนำนวัตกรรมในการควบคุมมาตรฐานการเพาะเลี้ยงอย่างปลอดภัยทั้งระบบ และคำนึงถึงระบบการควบคุมดูแลคุณภาพของสิ่งแวดล้อมอย่างครบถ้วน โดยในปี 2007 นี้ บริษัทฯ ได้เริ่มการดำเนินการโดยมีความมั่นใจว่าด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีของเอชเอชที จะสามารถยกระดับมาตรฐานการเพาะเลี้ยงกุ้งของไทย อีกทั้งยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล ตลอดจนการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน เพื่อให้ประเทศไทยสามารถรักษาระดับความเป็นผู้นำในการผลิตและส่งออกกุ้งในระดับสากล”

ข้อมูลเพิ่มเติม: ฝ่ายสื่อสารองค์กร

บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน)

นายลภัส ขวัญมงคล

อีเมล์: [email protected]

[email protected]

โทรศัพท์: (662) 298-0024 ต่อ 675 - 678

โทรสาร: (662) 298-0024 ต่อ 679

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net