กรุงเทพฯ--5 ก.ย.--สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์
จากประสบการณ์การสรรค์สร้างนวัตกรรมคุณภาพกว่า 50 ปี เอ็นเอ็กซ์พีเปิดตัวอย่างแข็งแกร่งด้วยการเป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของยุโรป
ฟิลิปส์ เซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของฟิลิปส์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์มากว่า 50 ปี ได้เปลี่ยนเป็น “เอ็นเอ็กซ์พี” (NXP) เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2549 ซึ่งนับเป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของยุโรป
มร. ฟรานส์ แวน เฮาเท่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยระหว่างร่วมในงานมหกรรมสินค้าอิเล็คทรอนิกส์ Internationale Funkausstellung (IFA) ที่กรุงเบอร์ลิน ว่า “ฟิลิปส์ เซมิคอนดักเตอร์ จะสานต่อธุรกิจภายใต้ชื่อบริษัทใหม่ ‘เอ็นเอ็กซ์พี’ และแยกการบริหารงานเป็นอิสระจากกลุ่ม รอยัล ฟิลิปส์”
“ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นผลมาจากการบรรลุข้อตกลงระหว่างกลุ่มบริษัท รอยัล ฟิลิปส์ กับกลุ่มเคเคอาร์ (Kohlberg Kravis Roberts & Co. - KKR)
เบน แคปิตอล (Bain Capital)
ซิลเวอร์ เลค พาร์ทเนอร์ส (Silver Lake Partners) เอแพ็กซ์ (Apax) และ แอลป์อินเวสต์ พาร์ทเนอร์ เอ็นวี (AlpInvest Partners NV) ซึ่งถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 80.1 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ฟิลิปส์ถือหุ้น 19.9 เปอร์เซ็นต์
โดยเอ็นเอ็กซ์พีเป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของยุโรป และติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก”
มร. แวน เฮาเท่น กล่าวเพิ่มเติมว่า “ด้วยคุณภาพและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ ทำให้เทคโนโลยีสื่ออีเล็กทรอนิกส์ของเราก้าวเป็นผู้นำตลาด ทั้งยังช่วยให้ผู้ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นทั้งภาพและเสียง ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพที่เหนือกว่าในแง่ภาพและเสียงจากเครื่องรับโทรทัศน์ระบบดิจิตอล โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงอื่นๆ”
“นับแต่นี้ไปเป็นโอกาสที่เราจะได้กำหนดทิศทางและอนาคตทางธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ของเราเอง เทคโนโลยีการผลิตสื่ออีเล็กทรอนิกส์ที่ล้ำหน้าของเรามีส่วนช่วยให้ลูกค้าสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้มีคุณภาพดีขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับชื่อ NXP ที่สื่อความหมายถึง Next Experience หรือประสบการณ์แห่งอนาคต นั่นคือ เราช่วยทำให้เกิดผลิตภัณฑ์เพื่อความบันเทิงแห่งอนาคตที่ล้ำสมัย พร้อมทั้งสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค และเพื่อเน้นย้ำว่าเอ็นเอ็กซ์พีเป็นองค์กรที่เกิดขึ้นจากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนานตลอด 53 ปี ในฐานะส่วนหนึ่งของของรอยัล ฟิลิปส์ ชื่อ NXP จึงต่อท้ายด้วย “founded by Philips”
ด้าน มร. เดเร็ค ลิโดว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของไอซัพพลาย (iSuppli) กล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นครั้งใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมผลิตเซมิคอนดักเตอร์ครั้งนี้เป็นผลให้เกิดบริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่อันดับ 2 ของยุโรป เมื่อผนวกขีดความสามารถของคณะผู้บริหารที่เป็นอิสระและเข้มแข็งแล้ว องค์กรใหม่นี้จะสามารถสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับอุตสาหกรรมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์โดยรวมได้อย่างแน่นอน”
ยืนยันความมุ่งมั่นใน Business Renewal Strategy
มร. แวน เฮาเท่น ยืนยันว่า เอ็นเอ็กซ์พีจะสานต่อนโยบายธุรกิจที่เรียกว่า Business Renewal Strategy ซึ่งเริ่มดำเนินการมาแล้วเป็นเวลา 18 เดือน และมีส่วนสร้างผลกำไรที่ยั่งยืนให้กับบริษัท รวมทั้งช่วยลดค่าใช้จ่าย ซึ่งจะเป็นรากฐานที่ดีสำหรับการเติบโตในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่เอ็นเอ็กซ์พีเป็นผู้นำอยู่ ได้แก่ ยานยนต์ (Automotive) ระบบระบุเอกลักษณ์ตัวตน (Identification) เครื่องใช้ภายในบ้าน (Home) อุปกรณ์สื่อสารไร้สายและเทคโนโลยีเพื่อความบันเทิงส่วนบุคคล (Mobile & Personal) รวมถึงตลาดเซมิคอนดักเตอร์สำหรับหลากหลายอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ (Multimarket Semiconductors) ทั้งนี้ จะบรรลุผลสำเร็จใน 5 ตลาดหลักดังกล่าวข้างต้นได้ต้องอาศัยเงินลงทุนทางด้านการวิจัยและพัฒนาสูงถึง 1 พันล้านยูโร ผนวกกับกลยุทธ์การผลิตที่มีประสิทธิภาพ ความใส่ใจต่อความต้องการของผู้บริโภค และความสามารถของพนักงาน ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ราว 37,000 คน ส่วนด้านสถานะทางการเงิน ขณะนี้เอ็นเอ็กซ์พีมีทุนสำรองทั้งที่เป็นเงินสดและเครดิตรวมกว่า 1.2 พันล้านยูโร นับว่ามีความเข้มแข็งและเอื้อต่อการขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต
นาย โยฮานเนส ฮูธ ผู้บริหารของกลุ่มเคเคอาร์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในกลุ่มผู้ร่วมลงทุนครั้งนี้ กล่าวเสริมว่า “เราสนใจลงทุนในอุตสาหกรรมผลิตเซมิคอนดักเตอร์เพราะเป็นอุตสาหกรรมระดับโลก ส่วนที่เลือกลงทุนกับเอ็นเอ็กซ์พีเพราะเป็นผู้นำตลาดและมีแนวโน้มเติบโตอย่างมั่นคง ทั้งในตลาดเทคโนโลยี NFC (Near Field Communication) และดิจิตอลทีวี เป็นต้น นอกจากนี้ยังเล็งเห็นว่า Business Renewal Strategy เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเติบโตในอนาคต และเราก็จะให้การสนับสนุนคณะผู้บริหารชุดปัจจุบันทำงานเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจต่อไปอย่างเต็มที่”
นอกจากนี้ เอ็นเอ็กซ์พียังมีการก่อตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาที่มีนักวิทยาศาสตร์จากศูนย์ Philips Research and Applied Technologies มาร่วมด้วยถึงเกือบ 600 คน ทำให้ปัจจุบันเอ็นเอ็กซ์พีมีทีมวิศวกรฝ่ายวิจัยและพัฒนารวมกว่า 6,700 คน จึงมั่นใจได้ว่าจะมีนวัตกรรมใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยสำนักงานใหญ่ของเอ็นเอ็กซ์พีจะยังคงตั้งอยู่ที่เมืองไอนด์โฮเวน ประเทศเนเธอร์แลนด์
“เรามุ่งจะเป็นผู้นำในทุกตลาดที่เราดำเนินงานอยู่ ทั้งนี้ เรามีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับหนึ่งในด้านชิปสำหรับโทรทัศน์ ระบบระบุเอกลักษณ์ตัวตนแบบไร้สัมผัส (contactless identification) สำหรับ e-passport เทคโนโลยีการระบุเอกลักษณ์ด้วยคลื่นวิทยุ (RFID) สำหรับระบบการออกตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ในระบบขนส่งมวลชน Digital Signal Processor สำหรับวิทยุติดรถยนต์ และซิสเต็มส์โซลูชั่นสำหรับระบบโทรศัพท์ เคลื่อนที่” มร. แวน เฮาเท่น กล่าวสรุป
เกี่ยวกับเอ็นเอ็กซ์พี:
เอ็นเอ็กซ์พี เป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ก่อนหน้านี้เป็นหน่วยงานหนึ่งของฟิลิปส์และดำเนินงานมากว่า 50 ปี ปัจจุบันมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเมืองไอนด์โฮเวน ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีพนักงานราว 37,000 คน กระจายอยู่ใน 20 ประเทศทั่วโลก ผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์ ซิสเต็มส์โซลูชั่นและซอฟต์แวร์สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับระบบภาพและเสียงในโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์เพื่อความบันเทิงส่วนบุคคล ทีวี (รวมถึง set-top box) ระบบระบุเอกลักษณ์ตัวตน (identification) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกที่ใช้ในรถยนต์และอุปกรณ์อื่นๆ อีกมากมาย
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.nxp.com
จากภาพ
มร. ดักกลาส จี แซมสัน รองประธาน,และผู้จัดการประจำประเทศไทย (กลาง), มร.วิลเลียม ซิม ผู้จัดการทั่วไป ภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิกใต้ (ซ้าย)และคุณพงศ์ธร เทพอัครพงศ์ ผู้จัดการทั่วไป (ขวา) ประกาศความร่วมมือร่วมผลักดันองค์กรใหม่ เพื่อสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับอุตสาหกรรมการผลิต เซมิคอนดักเตอร์
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit