กรุงเทพฯ--29 ก.ย.--พีเพิลมีเดีย
ซันกรุ๊ป ตั้งเป้าโตในประเทศ แตกไลน์ขยายแฟรนไชส์โกซันข้าวมันไก่ ชูคอนเซ็ปต์ อิ่มอร่อย ทำง่าย ขายง่าย กำไรดี คาด 5 ปี กว่า 3,000 สาขา รายได้ธุรกิจกว่า1,500 ล้านบาท
ซันกรุ๊ป ธุรกิจไก่ครบวงจร ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าไก่สดแช่แข็ง และผลิตภัณฑ์ไก่สุกแปรรูปครบวงจรรุกตลาดในประเทศ ขยายแฟรนไชส์ “โกซันข้าวมันไก่” เพื่อสร้างงาน และสร้างอาชีพในยุคเศรษฐกิจพอเพียง ปัจจุบัน 100 สาขา ตั้งเป้าเพิ่มยอด 5 ปี 3,000 สาขา คาดรายได้ธุรกิจกว่า 1,500 ล้าน
คุณสมเกียรติ ตั้งใจอาวรณ์ ประธานกรรมการบริษัท ซันกรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า
“บริษัท ซันกรุ๊ป
ประกอบธุรกิจไก่ครบวงจร อาทิ ผลิตอาหารสัตว์ , ฟาร์ม , โรงฟัก , เนื้อไก่สด แช่แข็ง และแปรรูปส่งออกไก่แช่แข็งไปยังต่างประเทศ ซึ่งเดิมเน้นการส่งออก แต่จากวิกฤติไข้หวัดนกส่งผลกระทบบริษัทปรับตัวลด การส่งออก
กอปรกับศักยภาพตลาดในประเทศสามารถสร้างธุรกิจที่มั่นคงได้อีกทางหนึ่ง จึงเริ่มทำตลาดในประเทศอย่างจริงจัง ปี 2547 จากจุดแข็งภาคการผลิตที่มีพันธุ์ไก่เนื้อขนาดใหญ่ น้ำหนักประมาณ 3-4 กิโลกรัม จึงส่งผลให้ร้านขายข้าวมันไก่นิยมซื้อไก่จากบริษัท จำนวนมาก เนื่องจากปริมาณของเนื้อไก่ค่อนข้างเยอะ ซึ่งหมาะกับการทำธุรกิจขายข้าวมันไก่ บริษัทจึงเริ่มจำหน่ายไก่ เพื่อทำการศึกษาตลาด ตามร้านข้าวมันไก่ทั่วไปที่มีอยู่ในตลาด ทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยใช้ชื่อสินค้าว่า “ไก่อนามัยซันฟู้ด” ซึ่งผลตอบรับดีมาก จึงรุกตลาดต่อ ด้วยการวิจัย และพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง”
จากผลการตอบรับอย่างดีให้ร้านขายข้าวมันไก่ บริษัทจึงวางแผนเปิดตลาดขายแฟรนไชส์ข้าวมันไก่ เริ่มทดลองตลาดโดยการลงทุนเปิดร้านขายข้าวมันไก่ กว่า 1 ปี พบว่าการทำตลาด แฟรนไชส์ข้าวมันไก่ในรูปของ “รถเข็น” น่าจะเป็นธุรกิจที่เหมาะที่สุดที่จะกระจายสินค้าได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงสามารถสร้างงานเพื่อคนระดับรากหญ้าที่ต้องการทำธุรกิจเป็นของตนเอง
คุณสมเกียรติ กล่าวต่อว่า บริษัทได้วางกลยุทธ์ซึ่งถือเป็นจุดขายที่โดดเด่นในเรื่องของราคาที่ถูกกว่าตามท้องตลาด ที่ขายข้าวมันไก่เพียงจานละ 15 บาทเท่านั้น แตกต่างจากร้านทั่วไปซึ่งขายอยู่ที่ราคาประมาณ 20 – 30 บาท ที่สามารถทำอย่างนี้ได้ เนื่องจากทางบริษัทเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้บริหารในเรื่องต้นทุนเอง จึงสามารถส่งสินค้าตรงจากโรงงานสู่ไปสู่ลูกค้า ทั้งนี้กลยุทธ์ดังกล่าวก็เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้บริโภคทางตรง ในการช่วยลดค่าครองชีพที่กำลังสูงขึ้นในปัจจุบัน
สำหรับจุดแข็งของแฟรนไชส์ข้าวมันไก่โกซัน อยู่ที่คอนเซ็ปต์สะอาด ปลอดภัย เน้นการบริหารเพียง 1 คน ต่อรถเข็น 1 คัน จากที่ทั่วไปต้องใช้จำนวนคนมากถึง 2-3 คน สาเหตุที่เราสามารถทำได้ก็เพราะเรามีระบบบริหารจัดการที่ดี เนื่องจากเรามีเทคนิค เอาไก่ทั้งตัวมาชำแหละเป็นชิ้นๆ ลูกค้ามีหน้าที่นึ่งโดยใช้เวลาแค่ 8 นาที ช่วยลดเวลาและลดต้นทุนค่าแก๊ส จากเดิมใช้วิธีต้มไก่ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ถือเป็นโนว์ฮาวที่ทางบริษัทวิจัย และพัฒนาด้วยความภาคภูมิใจ และกลายมาเป็นจุดเด่นของร้านข้าวมันไก่โกซัน ที่ผลิตแบบ Ready to eat, to cook และ to go ผู้ประกอบการจึงสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างคุ้มค่า และประหยัดเรายังเตรียมผงปรุงข้าว ผงปรุงซุป และน้ำจิ้มระบบ Sterilize ให้เสร็จสรรพ
โดยธุรกิจแฟรนไชส์ข้าวมันไก่โกซัน มี 2 รูปแบบให้ผู้ประกอบการได้เลือก ได้แก่ รูปแบบรถเข็น หรือจะเป็นแบบร้านนั่ง ทำเลเหมาะๆ แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มหอพัก ตลาดโต้รุ่ง โรงงานอุตสาหกรรม และจุดพักรถ เช่น ร้านอาหารในปั้มน้ำมัน
เรื่องการลงทุนทำธุรกิจแฟรนไชส์นั้นก็ถือได้ว่าเป็นธุรกิจที่ใช้เม็ดเงินลงทุนในอัตราที่ต่ำมาก เพียงลงทุนเริ่มต้นที่ 30,000 บาท พร้อมการอบรมแบบฝึกปฏิบัติจริงทุกขั้นตอนอย่างเข้มข้นในร้านค้าต้นแบบ โดยมีผู้สอนที่ชำนาญการเป็นครูฝึกให้ก่อนเปิดร้านจริง นอกจากนี้ ระบบการดูแลหลังการขายทางบริษัทก็ได้มีการจัดเตรียมทีมงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และมีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจเยี่ยมเป็นประจำเดือนละ 1-2 วัน เพื่อช่วยผู้ประกอบการพ่อค้าแม่ค้าตรวจสอบความเรียบร้อย และความสะอาดว่าได้ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้หรือไม่ ผู้ประกอบการจึงวางใจได้ว่าซื้อแฟรนไชส์แล้ว ไม่โดนทอดทิ้งอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าหากผู้ค้ามีทำเลที่ดีก็สามารถคืนทุนได้ภายใน 3 เดือน ถ้ามียอดขายตกวันละ 100 จาน เป็นจำนวนเงิน 1,500 บาท โดยต้นทุนต่อจานอยู่ที่ 9 บาท หลังจากหักลบค่าใช้จ่ายเรียบร้อย ทั้งค่าเนื้อไก่ ค่าข้าว ค่าบรรจุภัณฑ์ ค่าแก๊ส ไม่รวมค่าแรงงานและค่าเช่าที่
นอกจากเมนูข้าวมันไก่แล้ว ทางบริษัทได้คิดสินค้าใหม่เพื่อสินค้าไลน์ใหม่ๆ เช่น ข้าวมันไก่ทอด ข้าวมันไก่ตุ๋น มีก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋น ให้เลือกรับประทานอย่างหลากหลาย ซึ่งทุกเมนูผู้ประกอบการสามารถทำจบที่คนๆ เดียวได้ และในอนาคตยังมีการพัฒนาและคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่าง สแน็คไก่, หนังไก่ทอดโลว์แฟต ไฮแคลเซียม หรือไก่ปิ้ง เพิ่มเติมด้วย
คุณสมเกียรติ กล่าวในตอนท้ายว่า “ อย่างไรก็ตามเป้าหมายปี ภายในอีก 5 ปี ขยายสาขาทั่วประเทศ 3,000 สาขา นอกจากนี้ทางบริษัทยังตั้งใจจะขยายธุรกิจในรูปของ “จุดจำหน่าย” หรือ Depot ซึ่งตอนนี้มีจุดจำหน่ายอยู่ที่รังสิตเพียงแห่งเดียว ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมายจังหวัดใกล้ๆ ได้แก่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ปทุมธานี อยุธยา และสระบุรี และจะเพิ่มจุดจำหน่ายอีก 3 แห่งด้วยกัน คือ บางแค, ศรีราชา และสุดท้ายซึ่งจะเปิดปลายปีนี้คือ นครราชสีมา ตั้งเป้าว่าในระยะยาวจะตั้งจุดจำหน่ายทั้งสิ้น 12 แห่งทั่วทุกภูมิภาค เพื่อแก้ปัญหาโลจิสติกส์หรือการขนส่งสินค้าให้กับผู้ประกอบการในต่างจังหวัดอย่างทันท่วงที ”
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท พีเพิลมีเดีย จำกัด
คุณปิยะนันท์ (หญิง) โทร. 0-2704-7958 ต่อ 201 / 0-1714-6700
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit