กรุงเทพฯ--2 ต.ค.--ฟิทช์ เรทติ้ง
ฟิทช์ ได้ให้ความเห็นว่าธนาคารไทยขนาดใหญ่ต่างๆน่าจะสามารถต้านรับผลกระทบที่เป็นลบในระยะสั้นของวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่มีต่อความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจที่ได้ลดลงมาแล้ว ฟิทช์ได้ให้ความเห็นนี้หลังจากการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีเฉพาะการณ์ของประเทศ ซึ่งฟิทช์ได้กล่าวว่าเป็นขั้นตอนแรกที่ส่งผลบวกในการสร้างเสถียรภาพให้แก่สถานการณ์ทางการเมือง
“ถ้าวิกฤตการณ์ทางการเมืองสามารถคลี่คลายได้เร็วและความเชื่อมั่นได้รับการฟื้นฟูภายหลังความวุ่นวายทางการเมืองในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาแล้ว ผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและธนาคารต่างๆก็น่าจะมีนัยเป็นบวก” Vincent Milton กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิทช์ เรทติ้ง (ประเทศไทย) กล่าว “แต่ถ้าวิกฤตการณ์ดังกล่าวยังคงยืดเยื้อ ผลกระทบที่เป็นลบต่อเศรษฐกิจและในที่สุด ต่อธนาคารต่างๆ น่าจะมีนัยสำคัญ” Mr. Vincent Milton ได้กล่าวเตือนไว้ ฟิทช์ได้ประกาศให้เครดิตพินิจ แนวโน้มเป็นลบ แก่อันดับเครดิตของประเทศไทยและอันดับเครดิตของธนาคารไทยขนาดใหญ่ 7 ธนาคาร หลังจากการปฏิวัติโดยทหารในวันที่ 19 กันยายน
“เมื่อทำการอ้างอิงจากการประเมินแนวโน้มต่างๆในการประกาศผลประกอบการในงวดครึ่งปีแรก ธนาคารไทยขนาดใหญ่ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารกสิกรไทย ยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ถึงแม้ว่าผลการดำเนินงานอาจอ่อนแอลงในงวดครึ่งปีหลังของปี 2549 เนื่องมาจากการเจริญเติบโตของสินเชื่อในระดับต่ำ” Mr. Milton ได้กล่าวไว้ในรายงานหัวข้อ “Major Thai Banks Weathering the Storm into 2007” ซึ่งได้ประกาศเมื่อไม่นานมานี้ การเจริญเติบโตของสินเชื่อเฉลี่ยเมื่อทำการนับจากต้นปี ได้ลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างมีนัยสำคัญ โดยการเจริญเติบโตของสินเชื่อดังกล่าวได้รับผลกระทบจากความต้องการสินเชื่อของภาคลูกค้ารายย่อยและภาคธุรกิจที่อ่อนแอลงเนื่องจากยอดขายของภาคค้าปลีกที่ลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคยานยนต์และอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย รวมทั้งแผนการลงทุนในภาคธุรกิจที่ถูกเลื่อนออกไป ฟิทช์ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่าการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นของคุณภาพสินทรัพย์สำหรับธนาคารไทยต่างๆ โดยส่วนใหญ่แล้วได้ชะงักลง โดยเริ่มมีสัญญาณของการถดถอยอันเนื่องมาจากสินเชื่อที่ผ่านการปรับโครงสร้างแล้วได้กลับมาเป็นสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อีก ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยังคงดำเนินต่อไปอาจส่งผลกระทบต่อความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและนำไปสู่ความกดดันต่อคุณภาพสินทรัพย์ในปี 2550 ในทางตรงกันข้าม หากมีการฟื้นฟูความเชื่อมั่นอย่างรวดเร็ว การฟื้นตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนอาจส่งผลให้อัตราความเจริญเติบโตสูงขึ้นในปี 2550 ธนาคารไทยโดยส่วนใหญ่ยังคงคาดการณ์ว่าหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จะลดลงสู่ระดับประมาณ 5% ณ สิ้นปี 2550
ผลกระทบที่เกิดตามมาจากการที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำที่เพิ่มขึ้นก่อนหน้า และอัตราการเจริญเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอตัวลง มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรส่วนต่างดอกเบี้ยในครึ่งปีหลังของปี 2549 โดยเฉพาะต่ออัตรากำไรส่วนต่างดอกเบี้ยของธนาคารขนาดเล็กซึ่งมุ่งเน้นการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อผู้บริโภครายย่อย ฟิทช์ ได้กล่าวเตือนว่าการยืดเยื้อของความวุ่นวายของสถานการณ์ทางการเมืองและสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอาจส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งได้ซบเซาลงตั้งแต่ปี 2548 หลังจากการเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งของราคาอสังหาริมทรัพย์ในระยะเวลา 2 ปีก่อนหน้า และผู้ปล่อยสินเชื่ออาจจะต้องเผชิญกับปัญหาการผิดนัดชำระหนี้จากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และผู้กู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัยรายย่อย คุณภาพสินทรัพย์ของผู้ปล่อยกู้สินเช่ารถยนต์และสินเชื่อผู้บริโภครายย่อยอาจถดถอยลงด้วยอันเนื่องมาจากกลยุทธ์อัตราการเจริญเติบโตสินเชื่อที่สูงของผู้ปล่อยกู้สินเชื่อรถยนต์และสินเชื่อผู้บริโภครายย่อยซึ่งได้ดำเนินมาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฟิทช์ยังเห็นถึงตัวเลขอ้างอิงถึงการผิดนัดชำระหนี้บัตรเครดิตที่สูงขึ้น แต่ระดับการผิดนัดชำระหนี้ยังอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานสากล ซึ่งฟิทช์ได้ตั้งข้อสังเกตว่าแนวโน้มของการผิดนัดชำระหนี้ในกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้ต่ำจะอยู่ในระดับที่น่ากังวล
ถึงแม้ว่าการซื้อหุ้นสามัญของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ในสัดส่วนที่มีนัยสำคัญ โดย GE Capital (“GE”) จะถูกเลื่อนออกไปถึงเดือนมกราคม 2550 ฟิทช์ยังคาดว่าธุรกรรมนี้ยังคงจะดำเนินต่อไป ถ้าสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มเข้าสู่ภาวะที่มีเสถียรภาพมากขึ้น “ความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินของ GE และความเชี่ยวชาญของ GE ในด้านการบริหารธุรกรรมระดับสากลในกลุ่มลูกค้ารายย่อย น่าจะช่วยสนับสนุนฐานะทางการเงินและเครือข่ายทางธุรกิจของธนาคารกรุงศรีอยุธยา รวมถึงจะส่งผลกระทบในเชิงบวกต่อการพัฒนาภาคธุรกิจสินเชื่อรายย่อยโดยรวมและการบริหารความเสี่ยงของธนาคารในประเทศไทยในระยะปานกลาง” Mr. Milton กล่าว “การซื้อหุ้นสามัญของธนาคารกรุงศรีอยุธยาโดย GE อาจนำไปสู่การพิจารณาของธนาคารขนาดใหญ่รายอื่นถึงการผนึกสัมพันธภาพทางธุรกิจกับองค์กรระดับสากลรายอื่น ซึ่งน่าจะสร้างแรงกดดันที่มากขึ้นต่อธนาคารขนาดเล็กในการที่จะควบรวมกันในอนาคต” Mr. Milton กล่าวเสริม
รายงาน “Major Thai Banks-Weathering the Strom into 2007” ฉบับเต็ม สำหรับสมาชิก สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com
ติดต่อ
ชัยพัฒน์ ไพฑูรย์,
Vincent Milton, กรุงเทพฯ
+662 655 4762/4759
การเปิดเผยข้อมูล: บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม กสิกรไทย จำกัด ซึ่งถือหุ้น 99.99% โดยธนาคารกสิกรไทย ถือหุ้นจำนวน 10% ของบริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ไม่มีผู้ถือหุ้นใดนอกเหนือจากบริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ จำกัดแห่งประเทศอังกฤษที่มีส่วนในการดำเนินงานและการจัดอันดับเครดิตที่จัดโดยบริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด
คำจำกัดความของอันดับเครดิตและการใช้อันดับเครดิตดังกล่าวของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต ได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวตลอดเวลา หลักจรรยาบรรณ การรักษาข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น แนวทางการเปิดเผยข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือ กฏข้อบังคับรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆของฟิทช์ ได้แสดงไว้ในส่วน ‘หลักจรรยาบรรณ’ ในเว็บไซต์ดังกล่าวเช่นกัน
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit