กรุงเทพฯ--20 เม.ย.--ธนาคารยูไนเต็ด โอเวอร์ซีส์
ธนาคารยูไนเต็ด โอเวอร์ซีส์ (ไทย) หรือธนาคารยูโอบี ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของกลุ่มธนาคารยูโอบี ประเทศสิงคโปร์ เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2549 นี้ ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 375 ล้านบาท
กำไรสุทธิของธนาคารจำนวน 375 ล้านบาทในไตรมาสที่ 1 ปี 2549 เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 38.9 จากกำไรสุทธิ 270 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันปี 2548 โดยการเพิ่มขึ้นในกำไรสุทธิในไตรมาสนี้ เป็นผลจากการควบรวมกิจการกับธนาคารยูโอบี รัตนสิน ซึ่งเสร็จสมบูรณ์ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2548
หากพิจารณางบเสมือนของการรวมกิจการทั้งปีในปี 2548 (ซึ่งเป็นงบการเงินที่รวมผลการดำเนินงานของธนาคารเอเชีย และธนาคารยูโอบี รัตนสิน ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2548) กำไรสุทธิจำนวน 375 ล้านบาทในไตรมาส 1ปี 2549 นี้ คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 7.5 จากงวดเดียวกันปี 2548 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 349 ล้านบาท
จากงบเสมือนรวมกิจการ ธนาคารยูโอบี มีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.1 จากไตรมาส 1 ปี 2548 เป็น 737 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 2549 ทั้งนี้เนื่องจากธนาคารมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 และมีค่าใช้จ่ายดำเนินงานลดลงจากงวดเดียวกันปี 2548
อีกทั้งจากการที่ธนาคารได้รวมกิจการเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการรวมกิจการเกิดขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม ธนาคารได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นเป็น 360 ล้านบาท จากงวดเดียวกันปี 2548 ที่มีจำนวน 277 ล้านบาท ตามนโยบายการตั้งสำรองที่เข้มงวดของธนาคาร
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้น 158.8 พันล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.5 จากสิ้นปี 2548 โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพยังทรงตัวในระดับเดิมที่ร้อยละ 10.6 ของเงินให้สินเชื่อ เทียบกับสิ้นปี 2548 ร้อยละ 10.5 เงินฝากเติบโตขึ้นร้อยละ 2.7 เป็น 156.7 พันล้านบาท โดยมีอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ร้อยละ 16.62
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: ฝ่ายนิเทศสัมพันธ์
ธนาคารยูไนเต็ด โอเวอร์ซีส์ (ไทย) จำกัด (มหาชน)
คุณจิรา ศุภชยานนท์, คุณบุญชัย อัศวอรุโณทัย, คุณพรศิลป์ ชิโนเรสโยธิน
โทรศัพท์ 02-343-4963 ถึง 64 โทรสาร 02-285-1372