กรุงเทพฯ--20 มิ.ย.--อินคริสซ์ เน็ทเวิร์ค เอเจนซี แอนด์ คอนซัลแทนส์
เตรียมอัดงบกว่า 30 ล้านบาทโปรโมท-คาดยอดขายปี 49 โตกว่า 25 %
นายประภากร วีระพงษ์ ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท อุตสาหกรรมไทยปรีดา จำกัด ผู้ผลิตน้ำปลาและซอสปรุงรส..ตราราชา.... ซึ่งเปิดดำเนินการมานานกว่า 60 ปี เปิดเผยว่า
ภายใต้ความเป็นผู้เชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจมานานกว่า 60 ปี บริษัทจึงมีความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภค ทำให้มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทได้นำเสนอ...ผลิตภัณฑ์ซอสหอยนางรม ตราราชา สูตรฮ่องกง....ออกสู่ตลาด โดยมีจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์ซอสหอยนางรมทั่วไป ซึ่งผู้บริโภคจะสามารถสัมผัสได้ทันทีเมื่อได้นำ..ผลิตภัณฑ์ซอสหอยนางรม ตราราชา สูตรฮ่องกง...ไปใช้ประกอบอาหาร ซึ่งบริษัทมั่นใจว่า..ผลิตภัณฑ์ซอสหอยนางรม ตราราชา สูตรฮ่องกง...จะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ชื่นชอบอาหารสไตล์ฮ่องกงได้เป็นอย่างดี และจะส่งผลให้บริษัทมียอดขายเติบโตตามแผนที่วางไว้โดยมีอัตราเติบโตจากปี 2548 ประมาณ 25 %
นายประภากร กล่าวว่า บริษัท อุตสาหกรรมไทยปรีดา จำกัด ก่อตั้งก่อนปี 2490 ที่จังหวัดชลบุรี เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตน้ำปลาแท้ และเป็นบริษัทกลุ่มแรก ๆ ที่เป็นผู้ผลิตน้ำปลาของประเทศไทย และด้วยนโยบายการดำเนินธุรกิจที่ซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและมีรสชาติแบบที่ผู้บริโภคต้องการ พร้อมทั้งเน้นย้ำเรื่องบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยมจึงทำให้ บริษัทเป็นที่ไว้วางใจจากลูกค้ามาโดยตลอด
จึงทำให้บริษัทขยายการดำเนินธุรกิจรับจ้างผลิต(แบบ OEM ) ให้กับผู้ค้ารายอื่นๆ ควบคู่ไปกับการผลิตน้ำปลาและซอสปรุงรส ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทเอง คือ เครื่องหมายการค้าตรา...ราชา...โดยสัดส่วนการรับจ้างผลิตจะมีสูงถึง 60 % เมื่อเปรียบเทียบกับการผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทเองซึ่งมีเพียง 40 % ซึ่งสัดส่วนการดำเนินธุรกิจจะเปลี่ยนแปลงไปโดยในปี 2550 บริษัทคาดว่าการผลิตแบบ OEM จะลดลงเหลือ 40 % และการผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทเองจะเพิ่มขึ้นเป็น 60 % ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ภายใต้ชื่อ.....ราชา.....สามารถแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มคือ ผลิตภัณฑ์น้ำปลา ผลิตภัณฑ์ซอสหอยนางรม ผลิตภัณฑ์ซอสพริก และผลิตภัณฑ์น้ำจิ้มไก่ โดยมีกำลังการผลิตประมาณ 9 ล้านลิตรต่อปี
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2549 นายประภากร กล่าวว่า บริษัทจะให้ความสำคัญของการดำเนินธุรกิจ 3 แนวทางคือ
แนวทางแรกคือเน้นการรักษามาตราฐานผลิตภัณฑ์ แม้ว่าในปัจจุบันบริษัทจะได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP และมาตรฐานผลิตภัณฑ์อาหาร HALAL แล้ว บริษัทยังขอรับรองมาตรฐาน HACCP เพิ่มอีก เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังมีการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ทุกผลิตภัณฑ์ที่บริษัทผลิตขึ้น พร้อมการวิเคราะห์ผลผลิตภัณฑ์อย่างสม่ำเสมอ สำหรับแนวทางที่สองคือการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด โดยทำการศึกษาความต้องการของตลาดก่อน เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นสามารถตอบสนองความต้องการ ของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง
เช่น การแนะนำผลิตภัณฑ์ซอสหอยนางรม สูตรฮ่องกง ซึ่งเน้นความแปลกของ รสชาติ สไตล์ฮ่องกงแท้
ส่วนแนวทางที่สาม คือการขยายจุดจำหน่ายเพิ่มขึ้น โดยในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีการจัดจำหน่าย 2 รูปแบบ คือจำหน่ายตรงกับผู้ผลิตอาหาร หรือภัตราคารชั้นนำ
และจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป เช่น ท็อป ซุปเปอร์มาร์เก็ต เดอะ มอลล์ ฟู้ดแลนด์ และจัสโก้ ฯลฯ
โดยคาดว่าภายใต้แนวทางการดำเนินธุรกิจทั้ง 3 ประการนี้บริษัทจะมียอดขายเติบโตกว่า 25 % และมีผลประกอบการในสิ้นปี 2549 ประมาณ 150 ล้านบาท
นายวีระพงษ์ เหล่าวานิช รองประธานกรรมการ บริษัท อุตสาหกรรมไทยปรีดา จำกัด กล่าวในฐานะผู้ดูแลการตลาดว่า ผลิตภัณฑ์ซอสหอยนางรมตราราชา สูตรฮ่องกง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่บริษัททำการแนะนำสู่ตลาด บริษัทเน้นจุดเด่น 3 ประการคือ เป็นผลิตภัณฑ์แรกของตลาดซอสหอยนางรมไทย ที่มีรสชาติแปลกใหม่ หรือแตกต่างจากรสชาติเดิมที่มีอยู่โดยสิ้นเชิง ประการที่สองคือรสชาติฮ่องกงแท้ ซึ่งผู้บริโภคสามารถนำไปปรุงเป็นอาหารรับประทานได้ทันที โดยไม่ต้องผสมกับเครื่องปรุงรสชนิดอื่น ๆ และประการที่สาม คือ เน้นการปรุงที่ง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ปรุงอาหารไม่เก่งแต่ต้องการรับประทานอาหารอร่อย หรือต้องการรับประทานอาหารอร่อยโดยไม่มีขั้นตอนยุ่งยาก เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับวิถีชีวิตของคนเมืองในปัจจุบันที่ต้องการคุณภาพชีวิตในเวลาที่ค่อนข้างจำกัด โดยบริษัท มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ซอสหอยนางรม สูตรฮ่องกงนี้จะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี
สำหรับแผนการตลาดของผลิตภัณฑ์ซอสหอยนางรม สูตรฮ่องกง นายวีระพงษ์ กล่าวว่า เนื่องจากความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ว่ามีรสชาติที่แตกต่างจนผู้บริโภคสัมผัสได้ บริษัทจึงเตรียมจัดโปรโมชั่นแบบ 1 แถม 1
สำหรับการแนะนำตลาดในช่วงแรก นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะจัดกิจกรรมแจกชิม ณ จุดจำหน่ายด้วย โดยจะทำควบคู่ไปกับเคมเปญโฆษณาต่าง ๆ ซึ่งจะครอบคลุมทั้งสื่อทีวี วิทยุ และสิ่งพิมพ์
สำหรับงบประมาณด้านการตลาดที่จะใช้ประมาณ 30 ล้านบาท สำหรับครึ่งปีหลังของปีนี้ ส่วนงบประมาณในปี 2550 จะมีการพิจารณาอีกครั้งในช่วงปลายปี โดยผลิตภัณฑ์ที่จะวางจำหน่ายจะมี 2 ขนาดคือขนาด 700 กรัม จำหน่ายราคาขวดละ 40 บาท เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก หรือ ผู้บริโภคทั่วไป และขนาด 5,000 กรัม จำหน่ายในราคาแกลลอนละ 190 บาท เหมาะสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหาร ภัตตาคาร ผู้ประกอบธุรกิจผลิตอาหาร หรือห้องครัวของบริษัทที่ต้องปรุงอาหารสำหรับพนักงานจำนวนมาก
รายละเอียดข่าวเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
บริษัท อินคริสซ์ เน็ทเวิร์ค เอเจนซี แอนด์ คอนซัลแทนส์ จำกัด
ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ โทร.029861135 และ 029861854
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit