บิ๊กซีปรับกลยุทธ์ลอจิสติกส์ ลดต้นทุนพลังงาน 5%

09 Jan 2006

กรุงเทพฯ--9 ม.ค.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์

บิ๊กซี ปรับกลยุทธ์ลอจิสติกส์ พร้อมศึกษาการใช้ก๊าซเอ็นจีวีร่วมกับปตท.. เพิ่มประสิทธิภาพระบบการขนส่ง และสามารถประหยัดพลังงานได้อย่างน้อย 5% ในภาวะน้ำมันแพง

นายอเลกซ์ ฮิดาลโก้ รองประธานฝ่าย Supply Chain Management บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บิ๊กซีได้ร่วมกับบริษัท เอ็กเซล ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการบริหารศูนย์กระจายสินค้าของบิ๊กซีที่อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ดำเนินการปรับปรุงระบบการขนส่งสินค้าไปยังสาขาของบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ทั้ง 45 สาขาทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในภารขนส่งมากขึ้น

“การปรับระบบการขนส่งและการบริหารลอจิสติกส์อย่างมีประสิทธิภาพนี้ นับเป็นวิน-วินเกมส์ ที่ช่วยให้ บิ๊กซีและซัพพลายเออร์สามารถลดต้นทุนการขนส่งสินค้าลง ขณะเดียวกันประเทศก็ยังลดการนำเข้าพลังงานได้อีกด้วย ทั้งนี้ น้ำมันเป็นต้นทุนประมาณ 40% ของการขนส่ง ขณะที่การขนส่งสินค้าเป็นต้นทุนประมาณ 55% ของต้นทุนด้านลอจิสติกส์ทั้งหมดเราตั้งเป้าว่า ในการดำเนินงานทั้งหมดนี้จะช่วยให้บิ๊กซีสามารถประหยัดพลังงานได้อย่างน้อย 5% หรือ 0.5 ล้านลิตร หรือ 1.2 ล้านกิโลเมตรภายในสิ้นปีนี้”

นายอเลกซ์ กล่าวต่อไปว่า โครงการปรับระบบการขนส่งที่บิ๊กซีร่วมกับเอ็กเซลดำเนินการประกอบด้วย

1. กลยุทธ์ Backhaul โดยจะให้รถขนส่งสินค้าที่วิ่งไปส่งสินค้าที่สาขาแล้ว ในเส้นทางขากลับสู่ ศูนย์กระจายสินค้าก็ให้รับสินค้าของผู้ผลิตสินค้าหรือซัพพลายเออร์ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกันกลับมาด้วยแทนที่จะกลับรถเปล่า ส่วนซัพพลายเออร์ก็ไม่จำเป็นต้องดำเนินการขนส่งสินค้ามาที่ศูนย์กระจายสินค้า ทำให้ลดจำนวนเที่ยววิ่งบนท้องถนน ซึ่งโครงการนี้ได้ดำเนินมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2548 ที่ผ่านมา มีการขนส่งไปสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ใช้วิธี Backhaul ประมาณ 30 เที่ยวต่อวัน จากทั้งหมด 120 เที่ยวต่อวัน

“ขณะนี้มีซัพพลายเออร์หลายบริษัท เช่น เนสท์เล่ แดรี่พลัส เข้าร่วมแล้ว ซึ่งบิ๊กซีตั้งเป้าจะทำให้ได้ประมาณ 60 เที่ยวต่อวันหรือ 50% ของเที่ยววิ่งทั้งหมดต่อวันภายในปีนี้ ซึ่งจะทำให้สามารถประหยัดพลังงานประมาณ 4 แสนกิโลเมตร”

2. การใช้รถขนส่งที่มีขนาดใหญ่ขึ้น คือ รถบรรทุก 18 ล้อ ซึ่งสามารถบรรจุสินค้าได้มากกว่ารถบรรทุก 10 ล้อ ทำให้ลดจำนวนเที่ยววิ่งของการขนส่ง โดยขณะนี้บิ๊กซี สาขาฉะเชิงเทราและสาขาสุราษฎร์ธานี ได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

3. การเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งของตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งเดิมจะบรรทุกสินค้าในตู้คอนเทนเนอร์ตามปริมาณการสั่งซื้อสินค้า แต่ปัจจุบันได้ดำเนินการให้มีการขนส่งสินค้าให้เต็มตู้คอนเทนเนอร์ โดยในกรณีที่ยังมีพื้นที่ว่างจะมีการประสานงานให้บิ๊กซีสั่งซื้อสินค้าที่มีการจำหน่ายเร็วเพิ่มขึ้นให้เต็มตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งบิ๊กซีได้เริ่มตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม 2548 ที่ผ่านมาทุกสาขาทั่วประเทศ ทำให้สามารถลดจำนวนเที่ยววิ่งในการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ได้ในระดับหนึ่งในขณะนี้

และ 4. การฝึกอบรมการขับรถแก่ผู้ขับรถขนส่ง เพื่อให้ความรู้แก่บุคลากรของบิ๊กซีและเอ็กเซล ซึ่งการอบรมจะมุ่งเน้นหลักสูตรในด้านการประหยัดพลังงาน อาทิ การขับรถเพื่อการประหยัดน้ำมัน การดูแลรักษารถ การใช้อุปกรณ์ภายในรถ เป็นต้น โดยได้เริ่มฝึกอบรมเฟสแรกที่มีผู้ขับรถเข้าร่วมจำนวน 100 คนในเดือนกันยายน 2548 ที่ผ่านมาซึ่งจะสิ้นสุดการฝึกอบรมในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ สำหรับเฟสสองจะเริ่มอีกครั้งในช่วงต้นปีนี้ เพื่อให้สามารถฝึกอบรมผู้ขับรถของบิ๊กซีและเอ็กเซลได้ครบทุกคน

นายอเลกซ์ กล่าวว่า ในเดือนมกราคม 2549 บิ๊กซีจะดำเนินโครงการ “การใช้รถพ่วงบรรทุกอาหารสดกับรถตู้บรรทุกอาหารแห้งที่ขนส่งไปยังบิ๊กซี สาขาต่างจังหวัด” เพื่อลดจำนวนเที่ยววิ่งของการขนส่งและ การประหยัดพลังงานสนองนโยบายของรัฐอีกด้วย ซึ่งการดำเนินการปรับระบบการขนส่งสินค้าที่บิ๊กซีได้ร่วมกับเอ็กเซลนี้ มุ่งหวังให้ประเทศสามารถลดการใช้พลังงานตลอดจนการนำเข้าน้ำมัน และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัทฯ

นอกเหนือจากโครงการต่างๆ แล้ว บิ๊กซีและเอ็กเซลยังได้ศึกษาร่วมกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับการใช้ “ก๊าซเอ็นจีวี” ในรถขนส่งทั้งหมดของบริษัท เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการใช้เอ็นจีวีตามยุทธศาสตร์แก้ปัญหาพลังงานของประเทศ

“ถ้าเราสามารถใช้เอ็นจีวีได้ก็จะช่วยประหยัดพลังงานได้อย่างมาก โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาความพร้อมต่างๆ ซึ่งการดำเนินงานจะช้าเร็วขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของภาครัฐและปตท. โดยเฉพาะการขยายสถานีบริการก๊าซเอ็นจีวีทั่วประเทศ” นายอเลกซ์ กล่าวทิ้งท้าย

รายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อ:

สาธิดา หรือ วราพร

อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์

โทร. 0 2252 9871--จบ--