วิลตัน,คอนเนกติกัน--16 มี.ค.--พีอาร์นิวสไวร์-เอเชียเน็ท/อินโฟเควสท์
โครงการต้นแบบแห่งแรก ซึ่งจะกลายเป็นโรงงานมูลค่า 84 ล้านเหรียญของบริษัทฟิวเจอร์ ฟิวเอลส์ เพื่อการผลิตเอทานอลจากยางรถยนต์ ในเมืองทอมส์ริเวอร์ มลรัฐนิวเจอร์ซีย์
เมืองวิลตัน มลรัฐคอนเนตทิคัต 15 มีนาคม/PRNewswire-FirstCall/ -- บริษัท สตาร์เทค เอนไวรอนเมนทัล คอร์ปอเรชัน (Startech Environmental Corporation) (กระดานข่าว OTC: STHK) ซึ่งเป็นบริษัทที่รายงานโดยสมบูรณ์ ได้ประกาศในวันนี้ว่า สตาร์เทค และฟิวเจอร์ฟิวเอลส์ (Future Fuels, Inc., หรือ FFI) อันเป็นบริษัทสาขาของบริษัทนิวเคลียร์ โซลูชั่นส์ (Nuclear Solutions, Inc.) (กระดานข่าว OTC: NSOL) แห่งวอชิงตัน ดีซี ได้จัดทำข้อตกลงพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ขึ้น เพื่อร่วมกันทำสัญญารับเหมาสำหรับโรงงานผลิตเอทานอลจากวัสดุเหลือทิ้ง และเพื่อก่อสร้างโรงงานมูลค่า 84 ล้านเหรียญของ FFI ซึ่งจะผลิตเอทานอลจากวัสดุเหลือทิ้งในเมืองทอมส์ริเวอร์ มลรัฐนิวเจอร์ซีย์
บริษัทยังได้รับหนังสือแสดงเจตนารมย์จาก FFI ที่ระบุว่า FFI จะซื้อระบบพลาสมาคอนเวอร์เตอร์ (Plasma Converter System หรือ PCS) ของสตาร์เทค ซึ่งมีกำลังผลิต 100 ตันต่อวัน เพื่อนำไปติดตั้งในโรงงานต้นแบบแห่งแรกที่จะผลิตเอทานอลจากวัสดุเหลือทิ้งในเมืองทอมส์ริเวอร์ โดยมีกำหนดการที่จะเริ่มต้นการผลิตในช่วงปลายปี ค.ศ. 2007 ระบบ PCS จะกำจัดยางรถยนต์ทิ้งอย่างปลอดภัยและโดยสมบูรณ์ ซึ่งทำให้เกิดการสังเคราะห์ผลิตภัณฑ์แก๊สที่สะอาด เรียกว่า แก๊สจากพลาสมาคอนเวอร์เตอร์ (PCG)(TM) ระบบพลาสมาคอนเวอร์เตอร์จะเชื่อมต่อกับส่วนหน้าของระบบ FFI แก๊ส PCG ที่ผลิตขึ้นจะลำเลียงตามท่อไปสู่ระบบของ FFI โดยตรง เพื่อผลิตเอทานอลที่จำหน่ายเป็นเชื้อเพลิงได้ในเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้ ยังมีแผนการที่จะขยายโรงงานในเมืองทอมส์ริเวอร์ให้มีระบบพลาสมาคอนเวอร์เตอร์ของสตาร์เทคเป็นชุดย่อยๆที่มีกำลังผลิต 100 ตันต่อวันเพิ่มเติมอีกด้วย
แจ๊ก ยังก์ (Jack Young) ประธานบริษัทของ FFI กล่าวว่า "เรายินดีในการเป็นหุ้นส่วนกับสตาร์เทค เพื่อผนวกความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านการค้าในเทคโนโลยีการแปรรูปพลาสมาเข้ากับรูปแบบธุรกิจของ FFI ที่ไม่มีใครเหมือน เพื่อแปรรูปวัตถุดิบเหลือทิ้งจำนวนมหาศาลให้เป็นเอทานอล ขณะที่สตาร์เทคเป็นฝ่ายเสนอเทคโนโลยีตอนต้นในการแปลงวัสดุเหลือทิ้งแบบต่างๆให้เป็นแก๊สสังเคราะห์ FFI ก็เป็นฝ่ายเสนอกระบวนการเร่งตอนปลายเพื่อแปรรูปแก๊สสังเคราะห์นั้นให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ประโยชน์ได้ เช่น เอทานอล เชื้อเพลิงอัลกอฮอล์คุณภาพสูงขึ้น และเชื้อเพลิงสังเคราะห์ เช่น ดีเซล เบนซิน และน้ำมันก๊าด (เชื้อเพลิงเจ๊ต) พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระหว่าง FFI และสตาร์เทคจะเปิดโอกาสให้บริษัททั้งสองก้าวเข้าสู่ตลาดเอทานอลในสหรัฐได้มากขึ้น ตลอดจนลูกค้าในยุโรป เอเชีย และอเมริกาใต้ ซึ่งสตาร์เทคมีแนวคิดอยู่แล้วในขณะนี้" แจ๊ก ยังก์ประธานบริษัทของ FFI กล่าวไว้
โจเซฟ เอฟ ลองโก (Joseph F. Longo) ประธานของสตาร์เทคกล่าวว่า "การร่วมงานระหว่างสตาร์เทคกับ FFI เป็นการร่วมมือที่สมบูรณ์แบบและเหมาะสม ซึ่งจะช่วยทำให้สตาร์เทคเจาะตลาดและเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น ทั้งในและนอกประเทศ ผลลัพธ์จากการแถลงข่าวประชาสัมพันธ์ของ FFI เรื่องการก่อตั้งพันธมิตรดังกล่าว ในวันที่ 13 มีนาคม ปี ค.ศ. 2006 ทำให้เราได้รับความสนใจไปทั่วจากตัวแทนฝ่ายขายของเรา ผู้จัดจำหน่าย และว่าที่ลูกค้าต่างๆในสหรัฐ อเมริกากลาง ออสเตรเลีย เอเชีย และสหภาพยุโรป
"เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทราบว่า เราจะเป็นส่วนสำคัญของโรงงานผลิตเอทานอลมูลค่า 84 ล้านเหรียญของ FFI ที่เมืองทอมส์ริเวอร์"
"เอทานอลเป็นเชื้อเพลิงหมุนเวียนที่สำคัญอย่างหนึ่ง ซึ่งเกิดจากวัตถุดิบที่มีอยู่ดาษดื่นและก่อนหน้านี้เคยคิดกันว่าเป็นของเหลือทิ้งไร้ค่า เมื่อผสมเอทานอลเข้าไปในเบนซิน ก็จะช่วยให้ชาวอเมริกันเดินหน้าสู่อิสรภาพในด้านพลังงาน และช่วยลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจกได้อย่างแท้จริง"
"ลูกค้าที่ใช้กระบวนการของสตาร์เทคจะได้รับรายได้จากการรับวัตถุดิบเหลือทิ้งสำหรับระบบตอนต้น และยังได้รับรายได้จากการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจากระบบตอนปลายด้วย แก๊ส PCG สามารถนำไปใช้ผลิตเป็นสินค้าที่มีมูลค่าได้มากมายหลายชนิด ขณะนี้ เอทานอลที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ ซึ่ง FFI ผลิตขึ้นก็อยู่ในบรรดาสินค้าดังกล่าวด้วย เอทานอลที่ใช้เป็นพลังงานได้มีความบริสุทธิ์ประมาณ 199 Proof โดยที่ความบริสุทธิ์ 200 proof คือเอทานอลบริสุทธิ์ 100% โดยปกติแล้ว เอทานอลที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม เพื่อเป็นสารเจือจางสี สารทำละลาย และอื่นๆนั้นมีความบริสุทธิ์ประมาณ 160 Proof
"ข้อเท็จจริงสำคัญที่เรามองผ่านไปในบางครั้งคือ วัสดุเหลือทิ้งเป็นทรัพยากรหมุนเวียนที่เกิดขึ้นตลอดเวลาไม่หมดสิ้น"
เกี่ยวกับฟิวเจอร์ฟิวเอลส์ (Future Fuels หรือ FFI)
บริษัทฟิวเจอร์ฟิวเอลส์ (Future Fuels Inc.) ซึ่งเป็นบริษัทสาขาของบริษัทนิวเคลียร์ โซลูชั่นส์ (Nuclear Solutions Inc.) กำลังอยู่ในระหว่างการนำเทคโนโลยีและกระบวนการที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทเองมาใช้ เพื่อแปรรูปวัสดุเหลือทิ้งที่เป็นคาร์บอนคุณภาพต่ำให้เป็นเอทานอล ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหมุนเวียนที่สะอาด วัสดุเหลือทิ้งดังกล่าวได้แก่ ยางรถยนต์ใช้แล้ว ของเสียจากน้ำมันเชื้อเพลิง ของเสียจากถ่านหิน ของเสียจากไม้ สิ่งโสโครกในท่อน้ำทิ้ง ต้นข้าวโพดหลังการเก็บเกี่ยว ขยะจากบ้านเรือน สิ่งปฏิกูลจากโรงงาน และผลพลอยได้จากเกษตรกรรม
เจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาเศรษฐกิจของมลรัฐนิวเจอร์ซีย์ (New Jersey Economic Development Authority) กล่าวว่า มลรัฐนิวเจอร์ซีย์ได้ลงมติอนุมัติเบื้องต้นและเห็นชอบให้จัดทำพันธบัตรยกเว้นภาษีมูลค่า 84 ล้านเหรียญเพื่อสนับสนุนทางการเงินแก่ FFI แล้ว พันธบัตรยกเว้นภาษีดังกล่าวจะถูกนำไปใช้เพื่อการออกแบบ การก่อสร้าง และการเริ่มงานของโรงงานต้นแบบแห่งแรกในเมืองทอมส์ริเวอร์ มลรัฐนิวเจอร์ซีย์ ที่มีกำลังผลิตเอทานอลจากวัสดุเหลือทิ้ง ในปริมาณ 52 ล้านแกลลอนต่อปี การลงมติอนุมัติอย่างเป็นทางการดังกล่าวทำให้ FFI สามารถดำเนินการจัดอันดับตราสารหนี้ (bond-rating) การจัดจำหน่าย และกระบวนการเสนอขาย เพื่อให้ได้มาซึ่งกองทุนดังกล่าวต่อไป
FFI มีข้อตกลงการเช่าซื้อเพื่อสร้างโรงงานในเมืองทอมส์ริเวอร์เรียบร้อยแล้ว และยังได้รับการอนุมัติขั้นต้นและใบอนุญาตทางด้านสิ่งแวดล้อมส่วนท้องถิ่น เพื่อประกอบการในโรงงานแห่งใหม่ บริษัทมีแหล่งวัตถุดิบในโรงงาน และยังได้รับจากเครือข่ายโรงงานรีไซเคิลยางรถยนต์อีกด้วย ซึ่งทำให้วงจรการผลิตเอทานอลที่สะอาดเป็นไปอย่างสมบูรณ์ครบวงจร
FFI ยังมีสัญญารับเหมาระยะเวลา 10 ปี กับบริษัท Eco-Energy, Inc. ในมลรัฐเทนเนสซี โดยบริษัท Eco-Energy จะซื้อเอทานอลประมาณ 50 ล้านแกลลอน จากปริมาณที่ผลิตได้ในแต่ละปีที่โรงงานแปรรูปวัสดุเหลือทิ้งเป็นเอทานอลแห่งใหม่นี้ บริษัท Eco-Energy เป็นบริษัทการตลาดที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศในด้านอุตสาหกรรมเอทานอล โดยที่เอทานอลเป็นส่วนแบ่งที่ใหญ่ที่สุดในธุรกิจของบริษัทนี้
FFI กำลังมองหาโรงงานผลิตเอทานอลจากวัสดุเหลือทิ้งแห่งอื่นๆทั่วประเทศสหรัฐ
หากต้องการข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมที่ http://www.nuclearsolutions.com หรือติดต่อแพทริค จี เฮอร์ดา (Patrick G. Herda) หรือแจ๊ก ยังก์ (Jack Young) ที่ (202) 536-4653 หรือที่ [email protected]
เกี่ยวกับเอทานอล
แม้ว่าเอทานอลถูกนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงรถยนต์ในสหรัฐมาตั้งแต่ศตวรรษที่แล้ว แต่การใช้ในทางการค้าเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1978 ในเวลานั้น รัฐสภาสหรัฐได้ดำเนินนโยบายสาธารณะ เพื่อสร้างสรรค์อุตสาหกรรมเอทานอลที่มีคุณภาพเป็นเชื้อเพลิงได้ และออกกฎหมายยกเว้นภาษีสรรพสามิต เพื่อจูงใจให้เกิดการผลิตเอทานอลจากวัตถุดิบหมุนเวียน ผลลัพธ์ก็คือ อุตสาหกรรมนั้นเติบโตขึ้นจากการผลิตที่เกือบเท่ากับศูนย์ในปี ค.ศ. 1978 ไปเป็นการผลิตประมาณ 4 พันล้านแกลลอนในปี ค.ศ. 2005 บทบัญญัติว่าด้วยนโยบายพลังงานแห่งปี ค.ศ. 2005 กำหนดตารางเวลาที่เริ่มต้นในปี ค.ศ. 2006 ซึ่งบังคับให้มีการใช้เอทานอลเพิ่มขึ้นในโรงกลั่นน้ำมันในปริมาณ 700 ล้านแกลลอนต่อปีจนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 2012 โดยที่ ณ เวลานั้น การบริโภคจะสูงถึง 7.5 พันล้านแกลลอนต่อปี เหตุผลในการเพิ่มปริมาณการใช้เอทานอลมีหลายประการ ซึ่งรวมถึง การลดปริมาณการใช้อีเทอร์ที่ผสมเมทานอล (methanol-based ether หรือ MTBE) ในโรงกลั่น เพื่อช่วยให้อากาศสะอาดขึ้น MTBE มีศักยภาพที่จะเจือปนสู่แหล่งน้ำในดิน และถูกห้ามใช้ในนิวยอร์กและมลรัฐอื่นๆ รวมทั้งนิวเจอร์ซีย์ โดยเริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008 เป็นต้นไป ดังนั้น จึงทำให้ความต้องการเอทานอลในมลรัฐภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่มสูงขึ้น ในปัจจุบันนี้ มีการผสมเอทานอล 10% ในน้ำมันเบนซิน อุตสาหกรรมยานยนต์มีแนวความคิดที่จะเพิ่มปริมาณการใช้เครื่องยนต์ E-85 ซึ่งใช้น้ำมันเบนซินผสมเอทานอล 85% โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการหมู่ยานพาหนะ (fleet auto program) วิกฤตการณ์พลังงานที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้รัฐสภาสหรัฐเสนอมาตรการที่บังคับให้ผสมเอทานอลในน้ำมันเบนซินทั้งหมดที่จำหน่ายในประเทศ
ในอดีตนั้น เราผลิตเอทานอลจากข้าวโพดที่ปลูกขึ้นเพื่อเป็นพืชผลโดยเฉพาะ แล้วซื้อมาในราคาตลาด FFI จะผลิตเอทานอลที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ จากวัสดุเหลือทิ้งที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งบริษัทจะได้รับโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ในวันนี้ การนำพลาสมาคอนเวอร์เตอร์เข้ามาใช้จะทำให้ FFI คาดการณ์ได้ว่า จะมีผู้จ้างให้บริษัทรับวัตถุดิบเหลือทิ้งเหล่านั้น เพื่อนำมาแปรรูปเป็นเอทานอลต่อไป
ตลาดสำหรับเอทานอลที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ ซึ่งมีอยู่ทั่วโลก เป็นตลาดที่สำคัญและกำลังเติบโต
เกี่ยวกับสตาร์เทค - บริษัทด้านอุตสาหกรรมวัสดุเหลือทิ้งและพลังงาน
สตาร์เทค เอนไวรอนเมนทัล เป็นบริษัทด้านอุตสาหกรรมวัสดุเหลือทิ้งและพลังงาน ที่ดำเนินงานด้านการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ในการแปรรูปพลาสมา ซึ่งเป็นนวัตกรรมอันเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท และเป็นที่ทราบกันในนามระบบพลาสมาคอนเวอร์เตอร์ (Plasma Converter System(TM) ) ระบบพลาสมาคอนเวอร์เตอร์สามารถทำลายวัสดุเหลือทิ้งได้อย่างปลอดภัยและประหยัดพลังงาน ไม่ว่าวัสดุเหลือทิ้งนั้นจะเป็นอันตรายหรือเป็นพิษเพียงใด แล้วแปรรูปวัสดุเหล่านั้นให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์และมีมูลค่า ในการกระทำดังกล่าว ระบบนี้จะช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อม และช่วยปรับปรุงด้านสาธารณสุขและความปลอดภัย ระบบนี้สามารถทำให้เกิดการรีไซเคิลเชิงย่อยแบบวงจรปิด เพื่อกำจัดขยะเทศบาลที่เป็นของแข็ง อินทรีย์และอนินทรีย์ สิ่งปฏิกูลที่เป็นของแข็ง ของเหลว และแก๊ส สิ่งปฏิกูลที่เป็นอันตรายและไม่เป็นอันตราย ผลพลอยได้จากอุตสาหกรรม และสิ่งที่เรียกว่า "e-waste" (ของเสียอิเล็กทรอนิกส์) สิ่งปฏิกูลทางการแพทย์ สิ่งปฏิกูลจากโรงงานเคมี และของเสียแบบพิเศษอื่นๆ โดยเป็นการกำจัดอย่างปลอดภัยและถาวร ขณะเดียวกันก็แปรรูปวัสดุเหลือทิ้งจำนวนมากเหล่านั้นไปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่า ซึ่งอาจรวมถึงโลหะ และแก๊สสังเคราะห์ที่เรียกว่า แก๊สจากพลาสมาคอนเวอร์เตอร์ (Plasma Converted Gas หรือ PCG)(TM)) แก๊ส PCG มีประโยชน์มากมายในทางการค้า เช่น สามารถใช้ในการผลิต "พลังสีเขียว" หรือเชื้อเพลิงเอทานอล และไฮโดรเจน เพื่อการจำหน่าย
โดยเนื้อแท้แล้ว พลาสมาคอนเวอร์เตอร์ของสตาร์เทค คือระบบการผลิต ซึ่งใช้ผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่า จากวัตถุดิบที่เคยคิดกันว่าเป็นสิ่งปฏิกูลเหลือทิ้งมาก่อน สตาร์เทคเห็นว่า วัสดุเหลือทิ้งทุกชนิด ไม่ว่าที่เป็นอันตรายหรือไม่เป็นอันตราย ล้วนแต่เป็นทรัพยากรหมุนเวียนที่มีคุณค่าทั้งสิ้น
หากต้องการข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมที่ http://www.startech.net หรือติดต่อ สตีฟ ลานดา (Steve Landa) ที่หมายเลข (888) 807-9443, (203) 762-2499 x148 หรือ [email protected]
แถลงการณ์ให้ความคุ้มครองข้อมูลสำหรับถ้อยความคาดการณ์
ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยถ้อยความคาดการณ์ ซึ่งครอบคลุมถึงถ้อยความเกี่ยวกับแผนงานและความคาดหมายของบริษัท ในแง่การพัฒนาและการพาณิชย์ของเทคโนโลยีพลาสมาคอนเวอร์เตอร์(TM) ถ้อยความคาดการณ์ทั้งหมดอยู่ในภาวะเสี่ยงและความไม่แน่นอน ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงมีความแตกต่างไปจากผลลัพธ์ที่คาดหมายไว้อย่างเห็นได้ชัดเจน ปัจจัยที่อาจเป็นเหตุให้เกิดความแตกต่างดังกล่าวรวมถึง โดยไม่มีข้อจำกัดที่ ความล้มเหลวที่ลูกค้าจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างเพียงพอต่อโครงการ ความเสี่ยงโดยทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การผลิต การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว และการแข่งขัน ตลอดจนความเสี่ยงอื่นๆที่ระบุไว้ในเอกสารยื่นเรื่องของบริษัทที่ส่งถึงคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ถ้อยความคาดการณ์ที่อยู่ในที่นี้กล่าวถึงเฉพาะ ณ วันที่ที่แถลงข่าวประชาสัมพันธ์นี้ บริษัทขอสละสิทธิอย่างแจ้งชัดต่อพันธะ หรือการดำเนินการใดๆที่จะแถลงให้สาธารณชนทราบถึงข้อมูลใหม่ใดๆ หรือบทแก้ไขของถ้อยความดังกล่าว เพื่อสะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่มีต่อความคาดหมายของบริษัท หรือการเปลี่ยนแปลงใดๆในด้านเหตุการณ์ สภาวะ หรือสถานการณ์ ซึ่งเป็นที่มาของถ้อยความใดๆดังกล่าว
/บุคคลติดต่อ: แพทริค จี เฮอร์ดา (Patrick G. Herda) หรือ แจ๊ก ยังก์ (Jack Young), +1-202-536-4653, [email protected] ; หรือ สตีฟ ลานดา (Steve Landa), 1-888-807-9443, +1-203-762-2499 x148, [email protected]/ติดต่อ FCMN ที่: [email protected]/
/Company News On-Call: http://www.prnewswire.com/comp/113537.html /
/เว็บไซต์: http://www.startech.net
http://www.nuclearsolutions.com /
--เผยแพร่โดย เอเชียเน็ท ( www.asianetnews.net )-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit