กรุงเทพฯ--14 ก.พ.--ซีพี เมจิ
บริษัท ซีพี เมจิ จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดนมพาสเจอร์ไรส์ทุ่มงบกว่า 300 ล้านบาท เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยการนำเข้าเทคโนโลยีการผลิตและบรรจุนมล่าสุดจากเยอรมันรายแรกและรายเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันอออกเฉียงใต้ ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดปีนี้ไม่ต่ำกว่า 55%
นายชุมโชค กานตพิชาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี เมจิ จำกัด กล่าวถึงตลาดนมพร้อมดื่มในปีที่ผ่านมาว่า มีมูลค่าประมาณ 23,000 ล้านบาท โดยเฉพาะนมพาสเจอร์ไรส์มีมูลค่าตลาดโตขึ้น 10% ซึ่งซีพี เมจิ ยังคงความเป็นผู้นำตลาดอยู่ ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 50% ในทุกช่องทางจำหน่าย ทั้งช่องทางโมเดิร์นเทรดและช่องทางเทรดดิชั่นนอลเทรด เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมาบริษัทได้มีการขยายการผลิตมาโดยตลอด และมีผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์ใหม่ๆ เข้าสู่ท้องตลาด ออกมาสร้างสีสันและรสชาติที่หลากหลายให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ถือได้ว่าผลิตภัณฑ์นมสดพาสเจอร์ไรส์ตรา เมจิ เป็นยี่ห้อเดียวที่มีสินค้าให้เลือกบริโภคมากที่สุดในตลาด พร้อมกันนี้ยังส่งออกตลาดต่างประเทศด้วย อาทิ สิงคโปร์ พม่า กัมพูชา ลาว บังคลาเทศ บรูไน
ในปี 2549 นี้ บริษัทได้รีลอนช์แพคเกจของนมพาสเจอร์ไรส์ใหม่ทั้งหมด โดยมีการเปลี่ยนรูปแบบของขวดให้ดูทันสมัย พร้อมเปลี่ยนจากฝาอินเนอร์แค็ปมาเป็น "ฝาเซฟตี้ ซีล (Safety Seal)" ซึ่งเป็นฝาอลูมินั่มฟอยด์ 2 ชั้น พร้อมด้วยฝาเกลียว เพื่อความสะอาด ปลอดภัย ช่วยคงความสด ใหม่ และยืดอายุนม รวมทั้งป้องกันการรั่วซึมของนม นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรอบ 15 ปี ทั้งนี้เพื่อให้สินค้ามีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น พร้อมพัฒนาการผลิตด้วยการนำเข้าเทคโนโลยีบรรจุนมพาสเจอร์ไรส์ใหม่ล่าสุดจากประเทศเยอรมัน มูลค่ารวม 300 ล้านบาท เป็นเทคโนโลยีการบรรจุนมระบบ ESL (Extended Shelf Life) รายแรกและรายเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อตอบรับกระแสการบริโภคของโลกที่มุ่งให้ความสำคัญด้านอาหารปลอดภัย (Food Safety) ด้วยการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูง ส่งมอบให้กับผู้บริโภค โดยเครื่องบรรจุนมนี้ สามารถบรรจุนมขวด ขนาด 450 ซีซี และ 830 ซีซี ได้ถึง 20,000 ขวดต่อชั่วโมง และขนาด 200 ซีซี ได้ถึง 36,000 ขวดต่อชั่วโมง
ด้านนายนพดล เถาทอง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัท ซีพี เมจิ จำกัด กล่าวว่า ระบบ ESL (EXTENDED SHELF LIFE) เป็นระบบการผลิตและบรรจุน้ำนมแบบอัตโนมัติอย่างครบวงจรภายในห้องปลอดเชื้อที่มีการควบคุมสภาพแวดล้อมให้มีความดันอากาศสูงกว่าภายนอก โดยเริ่มตั้งแต่ขบวนการป้อนขวด การฆ่าเชื้อ การบรรจุน้ำนม จนกระทั่งถึงขบวนการปิดผนึกด้วยฝาฟอยด์ 2 ชั้น และฝาเกลียวทันที ในทุกขั้นตอนการผลิตจะมีการควบคุมและตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด ผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ถึงความสะอาดและความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์ของซีพี เมจิ
นายชุมโชค กล่าวว่า ขบวนการผลิตในทุกขั้นตอนจะดำเนินการภายใต้ระบบมาตรฐานสากล อาทิ HACCP ISO 9002 ISO14000 จึงเชื่อมั่นได้ในคุณภาพความสด สะอาด ปลอดภัย และถูกสุขอนามัย เนื่องจากมีการควบคุมตรวจสอบคุณภาพของสินค้าอย่างเคร่งครัด โดยขณะนี้ ทางบริษัท ได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องบรรจุนมขนาด 450 ซีซี และ 830 ซีซี เรียบร้อยแล้ว และมีแผนจะดำเนินการติดตั้งเครื่องบรรจุขนาด 200 ซีซี ในเดือนมิถุนายน ศกนี้ และจากเทคโนโลยีใหม่เหล่านี้ จะทำให้บริษัท ซีพี เมจิ สามารถขยายกำลังผลิตเพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันประมาณ 100,000 ตัน/ปี เป็นไม่ต่ำกว่า 120,000 ตัน/ปี
นายชุมโชค กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันการบริโภคนมของคนไทยยังอยู่ในอัตราที่ต่ำเพียง 12 ลิตรต่อคนต่อปี เมื่อเทียบกับประเทศอื่น อาทิญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย บริโภคนมประมาณ 50 ลิตรต่อคนต่อปี ยุโรป บริโภคนม 70 ลิตรต่อคนต่อปี และอเมริกา บริโภคนม 120 ลิตรต่อคนต่อปี จึงนับว่า ยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะในกระแสการบริโภคที่หันมาให้ความสนใจด้านสุขภาพกันมากขึ้น ซึ่งคาดว่า ในปี 2549 นี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์ของซีพี เมจิจะเติบโตราว 16% และครองส่วนแบ่งการตลาดไม่ต่ำกว่า 55% อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ บริษัทซีพีเมจิ จำกัด ได้นำเทคโนโลยีของคุณภาพ การผลิต และเครื่องจักรที่ทันสมัยที่สุดของบริษัทเมจิแดรี่จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตนมอันดับหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น มาใช้กับการผลิตของสินค้าในโรงงานของบริษัทซีพี เมจิ จำกัดในประเทศไทย และ ได้มีการปรับปรุงพัฒนาอยู่ตลอดเวลา
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่:
จิตรอาภา พิมพ์ใจชน ผู้จัดการแผนกประชาสัมพันธ์และองค์กรสัมพันธ์
บริษัท ซีพี เมจิ จำกัด
โทร. 0-2641-1416, 0-2641-1234 ต่อ 3055 โทรสาร. 0-2664-5291--จบ--
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit