กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้า “วิถีไทยสู่โลก” เปิดประตูสู่ตลาดโลกสร้างรายได้กว่าปีละ 1 พันล้านดอลล่าร์

01 Sep 2005

กรุงเทพฯ--1 ก.ย.--กระทรวงพาณิชย์

ปิดฉากลงอย่างสวยงามท่ามกลางกระแสความชื่นชมในสินค้าโอทอประดับ 5 ดาว และรูปแบบการนำเสนอที่น่าสนใจต่างๆ มากมาย ในงาน “OTOP Premium & Kitchen to the World 2005” ภายใต้ชื่องาน “วิถีไทยสู่โลก” (Living with Thainess Fair) ณ ศูนย์แสดงสินค้ากรมส่งเสริมการส่งออก (รัชดาภิเษก) ในระหว่างวันที่ 19-28 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยงานในครั้งนี้ได้สร้างกระแสการพัฒนา รูปแบบสินค้าโอทอปให้มีผลิตภัณฑ์และหีบห่อตรงใจกับกลุ่มผู้บริโภคชาวต่างประเทศมากขึ้น รวมถึงการสร้างกระแสแห่งความนิยมในการบริโภคและทำอาหารไทยแก่ผู้เข้าร่วมงานชาวต่างประเทศ ซึ่งมีผู้สนใจเข้าร่วมชมงานทั้งสิ้นเกือบ 7 หมื่นราย และมีผู้สนใจเข้าร่วมออกบูธภายในรวมกว่า 200 ราย ซึ่งประสบผลสำเร็จในการเจรจาการค้าภายในงานเกือบ 77 ล้านบาท นอกจากนั้น ผู้ประกอบการที่มาเข้าร่วมออกบูธภายในงานยังได้รับการสั่งซื้อเป็นมูลค่ารวมภายในปี 2549 ถึง 16 ล้านบาท และทางกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการจัดงานครั้งนี้ ประกาศตั้งเป้าการขยายตัวของสินค้าโอทอปสู่ตลาดสากลจะต้องขยายตัวถึง 20% ภายในปี 2548 นี้

จากการที่สำนักงานประสานงานโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ โดยกรมส่งเสริมการ ส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ อาทิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สถาบันอาหาร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมประชาสัมพันธ์ อสมท. สร้างสรรค์งาน “วิถีไทยสู่โลก”ขึ้น ด้วยการนำสินค้าโอทอประดับพรีเมี่ยมที่ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการที่ได้พิจารณาแล้วว่ามีความเป็นสุดยอดแห่งสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ รวมถึงการหยิบยกความเป็น “ครัวไทยสู่ครัวโลก” มานำเสนอในรูปแบบของการสาธิตการทำอาหารในเมนูที่หาชมได้ยาก จากสุดยอดพ่อครัวไทยที่สร้างชื่อเสียงระดับโลกมานำเสนอในงานนี้ได้ ได้รับความสนใจจากทั้งสื่อมวลชนและผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก และก้าวต่อไปของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่จะต้องผลักดันให้เกิดเพื่อสานต่อจากงานในครั้งนี้ต่อไป นั่นคือ การผลักดันให้ตำบลให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวหรือ ที่เรียกว่า “OTOP Village” นั่นเอง

นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพานิชย์และผู้อำนวยการสำนักงานประสานโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (โอทอป) กล่าวว่า “ความสำเร็จของงานในครั้งนี้นั้น ย่อมเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่ได้ความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ซึ่งความสำเร็จของงานเป็นเสมือนกำลังใจและหน้าตาของประเทศ ซึ่งงานในครั้งนี้ ก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า เราทำได้ และทำได้ดี โดยตัวแทนกลุ่มเอกอัครราชฑูตที่เราได้เชิญมาร่วมงานเกือบ 100 ประเทศนั้น ต่างแสดงความชื่นชมและรับปากที่จะช่วยประสานความร่วมมือขั้นต่อไปในการเจรจาด้านการลงทุนระหว่างผู้ส่งออกไทยและผู้แทนการค้าต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีการชยายตัวด้านตลาดสินค้าโอทอปไทย การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมการอาหารไทย ถึง 20% คิดเป็นมูลค่าถึง 1 พันล้านดอลล่าร์

ความสำเร็จในการจัดงานครั้งนี้ เป็นเพราะเราค้นหาความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมสินค้าและบริการของไทย และนำมาจัดแสดงในรูปแบบที่เป็น Interactive ให้ผู้เข้าร่วมงานได้มีการสัมผัสประสบการณ์ใช้สินค้าด้วยตัวเอง ตลอดจนการสาธิตการทำอาหาร ทำให้เราเป็นที่ยอมรับในครั้งนี้ และครั้งต่อไปๆ เราก็คาดหวังว่า จะต้องสร้างโอกาสและมูลค่าการสั่งซื้อมากกว่าในปีนี้ ซึ่งในปีนี้ เราได้รับการสั่งซื้อมีมูลค่าถึง 16 ล้านบาท โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารนั้นเราจะมีการสร้างมาตรฐานร้านอาหารทั่วโลก และตั้งเป้าว่าในปีหน้าจะต้องมีร้านอาหารไทยทั่วโลกกว่า 8000 ร้าน และ 20,000 ร้านในปี 2551 ซึ่งเรากำลังดำเนินการกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อรองรับการขยายตัวดังกล่าว โดยจะมีการกำหนดแผนการจัดทำหลักสูตรอาหารไทยให้เป็นยอมรับในระดับนานาชาติ”

ด้านนางจันทรา บูรณฤกษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออกกล่าวว่า “ทางกรมฯ ตั้งเป้าหมายที่จะผลักดันสินค้าโอทอปในปี 2548 ขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 ซึ่งเป็นเป้าหมายการส่งออกในปี 2548 ในส่วนของสินค้าโอทอปจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 874 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็น 1,049 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มั่นใจว่าจากการได้ดูตัวเลขสินค้าโอทอปหลายประเภทเช่น ของใช้ของตกแต่งบ้าน อาหารและเครื่องดื่ม ผ้าและเครื่องแต่งกาย และ สมุนไพร /สปา ฯลฯ ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาของคนไทย ที่จะสามารถผลักดันให้เป็นที่ยอมรับจากคนทั่วโลกได้ และคาดหวังว่างานในครั้งไป ๆ ที่กรมจัดขึ้นจะประสบความสำเร็จเช่นนี้อีกด้วยความร่วมมือร่วมใจจากทุกฝ่าย”

และสำหรับการเร่งผลักดันดังกล่าว นางจันทราได้กล่าวถึง การจัดงาน OTOP Lift Style ซึ่งจะเป็นงานแสดงนิทรรศการและสินค้าโอทอปในรูปแบบการจัดงานที่ดึงความน่าสนใจของรูปแบบการดำเนินชีวิตและการใช้สินค้าโอทอปพรีเมี่ยม และสินค้าโอทอปทั่วไปสู่สายตาผู้ส่งออกและชาวต่างประเทศ รวมถึงประชาชนทั่วไปที่ชื่นชมและต้องการสัมผัสถึงสินค้าไทย ว่า “เราต้องการให้ผู้บริโภคชาวไทยเอง ได้สัมผัสสินค้าไทยซึ่งเป็นภูมิปัญญาของเราเองให้มากขึ้นกว่าเดิม การจัดงานครั้งนี้จึงเกิดขึ้น โดยเราจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 21 - 25 กันยายน 2548 ณ ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพค เมืองทองธานี คาดว่าจะได้รับความสำเร็จอย่างมาก”--จบ--