กรุงเทพฯ--8 มี.ค.--กรมส่งเสริมสหกรณ์
นายบุญมี จันทร์วงศ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เสนอของบประมาณจำนวน 125.37 ล้านบาท จากสำนักงบประมาณแผ่นดิน เพื่อมาเป็นงบอุดหนุนในดำเนินการจัดซื้อเมล็ดพันธุ์ปาล์มน้ำมัน และค่าปัจจัยอื่นๆ ในโครงการเพิ่มพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่กรมฯ ได้ร่วมดำเนินงานกับกรมพัฒนาที่ดิน พื้นฟูและปรับปรุงพื้นที่นาร้างและพื้นที่ดินพรุใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน เนื่องจากงบประมาณที่กรมพัฒนาที่ดินได้รับจัดสรรมานั้นเป็นเพียงในส่วนของการปรับโครงสร้างพื้นที่เท่านั้น ไม่ได้มีการปันส่วนในเรื่องของค่าเมล็ดพันธุ์และค่าปัจจัยอื่นๆ
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ จะดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ดินพรุและพื้นที่นาร้างในส่วนของพื้นที่นิคมสหกรณ์ทั้งในจ.นราธิวาส ปัตตานี และยะลา รวมพื้นที่เป้าหมายจำนวน 35,000 ไร่ นอกจากนั้นยังมีแผนงานที่จะขยายพื้นที่เป็น 100,000 ไร่ ภายในระยะเวลา 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2548-2550 ด้วย
อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวอีกว่า หากสำนักงานประมาณได้มีการพิจารณาและอนุมัติงบประมาณดำเนิน เชื่อว่าจะสามารถจัดซื้อเมล็ดพันธุ์ปาล์มจากประเทศคอสตราริก้าได้ทันที และจะสามารถดำเนินการเพาะและอนุบาลเมล็ดพันธุ์ให้เป็นกล้าพันธุ์ปาล์มที่มีคุณภาพภายในแปลงที่จัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว เพื่อส่งต่อให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการปลูกปาล์มน้ำมันได้ทันในช่วงเดือนพฤษภาคม 2549 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปลูกปาล์มน้ำมัน
“ขณะนี้ยังรอสำนักงานงบประมาณอนุมัติงบประมาณดำเนินงาน ซึ่งหากสำนักงานงบประมาณมีการพิจารณาได้เร็ว ก็สามารถสั่งซื้อเมล็ดพันธุ์ปาล์มได้ทันที เพราะได้มีการเจราจาเรื่องการจัดซื้อเมล็ดพันธุ์ปาล์มจากประเทศคอสตาริกาไว้เรียบแล้ว และทางคอสตราริกาก็พร้อมที่จะส่งเมล็ดพันธุ์ปาล์มให้กับไทยได้ภายใน 1 เดือน”นายบุญมีกล่าว
อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในเบื้องต้นได้สั่งซื้อเมล็ดพันธุ์จากประเทศ คอสตราริกาไว้ประมาณ 600,000 เมล็ด แต่ความต้องการจริงมีประมาณ 1,200,000 -1,800,000 เมล็ด ซึ่งกรมฯ จะได้มีการพิจารณาเพื่อสั่งซื้อเพิ่มเติม ขณะเดียวกันในวันที่ 14 มีนาคมนี้ ยังเตรียมเดินทางไปประเทศปาปัวนิวกินี เพื่อศึกษาดูงานด้านการเพาะเมล็ดพันธุ์ปาล์ม และการพัฒนาพันธุ์ปาล์มน้ำมัน ซึ่งในอนาคตอาจจะมีการพิจารณาเพื่อจัดซื้อเมล็ดพันธุ์จากประเทศปาปัวนิวกินีเพิ่มเติมหากเป็นพันธุ์ที่ดีและเหมาะสมที่จะนำมาปลูกในประเทศไทยด้วย--จบ--
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit