กรุงเทพฯ--29 มิ.ย.--อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น
นายสมศักดิ์ ดารารัตนโรจน์ ประธานกรรมการบริหาร นิคมอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ สินสาคร เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการดำเนินงานว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการด้านการพิมพ์จองพื้นที่นิคมฯ ในเฟส 1, 2, 3 คิดเป็น 80% ของพื้นที่ทั้งหมดซึ่งมีประมาณ 860 ไร่ โดยพื้นที่ 860 ไร่นี้แบ่งเป็นพื้นที่อุตสาหกรรม 70% คิดเป็น 600 ไร่ และพื้นที่สาธารณูปโภคส่วนกลาง 30% คิดเป็น 260 ไร่ ซึ่งโรงงานที่เข้ามาจองพื้นที่เป็นผู้ประกอบการด้านการพิมพ์ที่ครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนก่อนพิมพ์ พิมพ์ หลังพิมพ์ และบรรจุภัณฑ์ รวมถึงวัสดุและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น อมรินทร์พรินท์ติ้ง ทีเคเอส จันวานิช แปลนพรินท์ติ้ง ศรีสยาม ศรีไทยบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น
สำหรับความคืบหน้างานก่อสร้างโรงงานภายในนิคมฯ นั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จะแบ่งการก่อสร้างออกเป็น 3 ระยะ คือการก่อสร้างภายในปี 2548 ประมาณ 240 ไร่ คิดเป็น 40% การก่อสร้างภายในปี 2548 ประมาณ 210 ไร่ คิดเป็น 35% และการก่อสร้างภายในปี 2550 ประมาณ 150 ไร่ คิดเป็น 25% รวมการก่อสร้างถึงปัจจุบัน แล้วเสร็จไปแล้วกว่า 20% คิดเป็น 172 ไร่ โดยคาดว่าการก่อสร้างนิคมฯ เต็มรูปแบบจะเสร็จสิ้นภายในปี 2550
ทางด้านการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคภายในนิคมฯ อาทิ ถนน ท่อระบายน้ำฝน ท่อระบายน้ำเสีย ระบบป้องกันน้ำท่วม ระบบน้ำประปา ระบบไฟฟ้า ระบบโทรศัพท์ ขณะนี้แล้วเสร็จไปแล้วกว่า 90% และคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดในเดือนตุลาคม 2548 ส่วนงานก่อสร้างอาคารสำนักงานกลาง จะเปิดดำเนินการในวันที่ 1 มกราคม 2549 และงานก่อสร้างอาคารพาณิชย์ จะเปิดดำเนินการในเดือนตุลาคม 2548
ส่วนการก่อตั้งสถาบันการพิมพ์นั้น ขณะนี้ทางนิคมฯ ได้เจรจากับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี ในการร่วมกันก่อตั้งสถาบัน แต่ทั้งนี้ต้องรอให้มีโรงพิมพ์เข้ามาเปิดในนิคมฯ ให้มากกว่านี้ เพื่อให้ผู้เรียนได้มีสถานที่ในการฝึกภาคปฏิบัติอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ทางนิคมฯ ยังได้ร่วมมือกับการเคหะแห่งชาติ เพื่อก่อสร้างคอนโดมิเนียมเอื้ออาทร บนพื้นที่ 300 ไร่ โดยเฟสแรกจะก่อสร้างจำนวน 12,000 ยูนิต บนพื้นที่ 190 ไร่
นายสมศักดิ์ กล่าวถึงแผนการตลาดของนิคมฯ ในครึ่งปีหลังของปี 2548 ว่า นิคมฯ จะแต่งตั้งบริษัทตัวแทนเพื่อทำหน้าที่ไปโรดโชว์นิคมฯ ในต่างประเทศ โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป โดยเริ่มที่ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศแรก หลังจากนั้นจะไปที่มาเลเซีย ไต้หวัน ฮ่องกง เกาหลี ญี่ปุ่น และยุโรปตะวันตก
สำหรับโครงการขยายพื้นที่นิคมฯ เฟส 4 นั้น ขณะนี้ได้ซื้อที่ดินที่อยู่ติดกันอีก 600 ไร่ เพื่อเปิดเป็นนิคมอุตสาหกรรมทั่วไป โดยเน้นอุตสาหกรรมสะอาดที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ เช่น ชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ เสื้อผ้าและสิ่งทอ เป็นต้น โดยจะเริ่มดำเนินการประมาณต้นปี 2549 มีมูลค่าโครงการประมาณ 1,800 ล้านบาท
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล นายกสมาคมการพิมพ์ไทย กล่าวว่า ในปี 2548 คาดว่าธุรกิจสิ่งพิมพ์ของไทยจะมีการส่งออกถึง 10,000 ล้านบาท จากเดิมในปี 2547 ที่มีมูลค่าการส่งออก 8,000 ล้านบาท สินค้าส่งออกที่สำคัญ คือ หนังสือเด็ก และสินค้าแปรรูป เช่น สมุด ซองจดหมาย ปฏิทิน เป็นต้น โดยมีตลาดส่งออกที่สำคัญ คือ สหรัฐอเมริกา ยุโรป ไต้หวัน และญี่ปุ่น แต่คาดว่าหลังจากที่นิคมอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์สินสาคร เปิดดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบแล้ว จะทำให้ธุรกิจสิ่งพิมพ์ของไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด มีการส่งออกเพิ่มขึ้นเท่าตัว และดึงดูดให้โรงพิมพ์จากต่างประเทศย้ายฐานมาที่ประเทศไทย
“ประเทศคู่แข่งทางด้านการพิมพ์ของไทย คือ สิงคโปร์ ซึ่งมีจุดเด่นตรงความเชี่ยวชาญและมีการตลาดที่ดี แต่มีจุดด้อยคือ ค่าแรงสูง และจำนวนช่างมีน้อย หากนิคมอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์สินสาคร มีความพร้อม และโรงพิมพ์ของไทยทำงานในเชิงรุก ก็คาดว่าจะทำให้โรงพิมพ์จากต่างประเทศย้ายฐานการพิมพ์จาก สิงคโปร์มาที่ประเทศไทย เนื่องจากค่าแรงไทยถูกกว่าสิงคโปร์เท่าตัว หากคิดโดยรวม ต้นทุนการพิมพ์ของไทยจะต่ำกว่าสิงคโปร์ประมาณ 15%” นายเกรียงไกร กล่าว
อนึ่ง นิคมอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์สินสาคร ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งนับว่าอยู่ใกล้กรุงเทพมากที่สุด นิคมมีจุดเด่นตรงที่เป็นนิคมอุตสาหกรรมแห่งแรกและแห่งเดียวในโลกที่รวมอุตสาหกรรมการพิมพ์เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างเครือข่ายอุตสาหกรรมการพิมพ์ให้ครบวงจร ทั้งอุตสาหกรรมก่อนการพิมพ์ เช่น แยกสี ทำฟิล์ม ทำแม่พิมพ์ อุตสาหกรรมการพิมพ์ เช่น โรงพิมพ์ และอุตสาหกรรมหลังพิมพ์ เช่น การจัดรูปเล่ม บรรจุภัณฑ์ และการจัดส่ง ซึ่งจะเป็นการเพิ่มศักยภาพสูงสุดของผู้ประกอบการด้านการพิมพ์ของไทย และผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการพิมพ์แห่งภูมิภาคอาเซียน
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
คุณอุษณีย์ ถาวรกาญจน์
ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์
บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด
โทร.0 2354 3588 โทรสาร 0 2354 3590
Email : [email protected]จบ--
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit