สตีเว่น สปีลเบิร์ก เดินหน้าสร้างภาพยนตร์ประวัติศาสตร์สยองขวัญให้ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์สและดรีมเวิร์คส์ พิคเจอร์ส

06 Jul 2005

ยูนิเวอร์แซล ซิตี้, แคลิฟอร์เนนีย, 6 ก.ค.-พีอาร์นิวส์ไวร์-เอเชียเน็ท/อินโฟเควสท์


สตีเว่น สปีลเบิร์ก ผู้กำกับที่คว้ารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากออสการ์ถึง 3 ครั้ง เริ่มผลิตภาพยนตร์แนวประวัติศาสตร์สยองขวัญที่ยังไม่ได้มีการตั้งชื่อเรื่องแล้ว โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับเหตุการณ์หลังการฆาตกรรมหมู่นักกีฬาชาวอิสราเอลในการแข่งขันโอลิมปิกที่มิวนิคปี 2515 ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส จะฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ในสหรัฐฯและแคนาดาในวันที่ 23 ธ.ค. 2548 โดยดรีมเวิร์คส์จะดูแลเรื่องการทำตลาดและการจัดจำหน่ายในต่างประเทศ

ภาพยนตร์เรื่องนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มทหารลับของอิสราเอลที่ถูกมอบหมายให้ติดตามและลอบสังหารชาวปาเลสไตน์ 11 รายที่เชื่อว่าเป็นผู้วางแผนก่อเหตุฆาตกรรมหมู่ที่มิวนิคในปี 2515 ส่งผลให้เกิดการล้างแค้นตามมา อีริค บาน่า ดาราจากภาพยนตร์เรื่องทรอยรับบทบาทเป็นหน่วยราชการลับมอสสาดที่เข้ามารับผิดชอบตำแหน่งผู้นำกลุ่มผู้เชี่ยวชาญปฏิบัติการครั้งนี้

ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริง โดยบทบรรยายจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของแหล่งที่มา รวมทั้งการรวบรวมข้อมูลจากผู้ที่มีส่วนร่วมอยู่ในเหตุการณ์ครั้งนี้เอง โทนี่ คุชเนอร์ ผู้ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศพูลิตเซอร์, ดทนี่ อวอร์ด และรางวัลอื่นๆจากผลงานละครแนวดราม่าของบรอดเวย์คือ Angels in America รวมทั้งรางวัลดัดแปลงบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของเอ็มม่า อวอร์ดให้กับเอชบีโอ จะรับหน้าที่เขียนบทภาพยนตร์เชิงสารคดีในเรื่องนี้เป็นครั้งแรก โดยมีผู้ผลิต คือ แคธลีน เคนเนดี้, แบร์รี่ เมนเดล, สปีลเบิร์ก และโคลิน วิลสัน

ดารานำแสดงได้แก่ ดาเนียล เครก จาก Layer Cake , จอฟฟรี่ รัช จาก Rush, แมทธิว คอสโซวิทซ์ จาก Birthday Girl, ฮันส์ ซิชเลอร์ จาก Walk on Water และไซราน ฮินด์ จาก The Phantom of the Opera ของแอนดรูว์ ลอยด์ เว็บเบอร์ สถานที่ที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้จะอยู่ที่เมืองต่างๆในยุโรปและนิวอยร์ก

"เหตุการณ์โจมตีที่เกิดขึ้นที่เมืองมิวนิคโดยกลุ่มแบล็ค เซพเท็มเบอร์และชาวอิสราเอลนั้น เป็นการตอบสนองต่อช่วงเวลาแห่งการกำหนดคำนิยามในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของตะวันออกกลาง" สปีลเบิร์กกล่าว "ง่ายมากที่จะมองย้อนไปที่เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นประโยชน์ที่จะทำความเข้าใจถึงปัญหาที่อยู่เบื้องหลัง แต่สิ่งที่ยากก็คือ ความพยายามที่จะมองสิ่งต่างๆให้เหมือนกับที่พวกเขาต้องมองดูผู้คนในช่วงเวลานั้น มุมมองการตอบสนองของชาวอิสราเอลที่มีต่อเหตุการณ์ในมิวนิค ผ่านสายตาของผู้ที่ถูกส่งเข้าไปแก้แค้นนั้น เป็นโศกนาฏกรรมที่เพิ่มมิติให้กับมนุษยชาติที่มองดูฉากอันโหดเหี้ยมที่เรามักจะคิดถึงแต่เพียงแง่มุมทางการเมืองหรือทางทหารเท่านั้น โดยประสบการณ์แล้ว การตัดสินใจที่ไร้ความปราณีที่จะกระทำภารกิจให้ลุล่วงของคนเหล่านี้นั้น ได้นำไปสู่ข้อกังขาว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ ผมคิดว่าเราสามารถเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมที่เราพบเจอด้วยตัวเองในทุกวันนี้ได้"

สตีเว่น สปีลเบิร์ก ได้รับรางวัล 2 รางวัลแรกจากเวทีอคาเดมี อวอร์ด ในฐานะผู้กำกับและผลิตภาพยนตร์เรื่อง "Scindler's List" และรางวัลที่ 3 จากการกำกับภาพยนตร์เรื่อง "Saving Private Ryan" นอกจากนี้ เขายังได้รับการเสนอชื่อเขารับรางวัลในฐานะผู้กำกับยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง "E.T.", "Raiders of the Lost Ark" และ "Close Encounters of the Third King" เขายังได้รับรางวัลอีก 3 รางวัลจากไดเร็คเตอร์ส ไกด์ ออฟ อเมริกา อวอร์ด จากภาพยนตร์เรื่อง "Scindler's List", "Saving Private Ryan" และ "The Color Purple" นอกจากนี้ ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลจากภาพยนตร์เรื่อง "Jaws", "Raiders of the Lost Ark", "E.T.", "Empire of the Sun" และ "Amistad" ในฐานะภาพยนตร์เข้าชิง 9 รางวัล เขาได้รับรางวัลไลฟ์ไทม์ แคชีฟเมนท์ อวอร์ด จากดีจีเอ และสถาบันภาพยนต์อเมริกา และรางวัลอันทรงเกียรติ เออร์วิ่ง จี.ทัลเบิร์ก อวอร์ด จากอคาเดมี่ ออฟ โมชั่น พิคเจอร์ อาร์ทส์ แอนด์ ไซน์ส นอกจากนี้ ภาพยนตร์ของเขายังเป็น 1 ในภาพยนตร์ระดับโลกที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในแวดวงอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึง "E.T.", "Jurassic Park", "Jaws", และ "Indiana Jones" ทั้ง 3 ภาค

สปีลเบิร์กเป็นหุ้นส่วนหลักของบริษัทดรีมเวิร์คส์ เอสเคจี ซึ่งเขาเป็นผู้ก่อตั้งร่วมกับเจฟฟรีย์ แคทเซนเบิร์ก และเดวิด เกฟเฟน ในเดือนต.ค.ปี 2537 สตูดิโอแห่งนี้ดำเนินงานด้านการผลิตภาพยนตร์แนวไลฟ์-แอคชั่น และเครือข่าย และรายการเคเบิ้ลโทรทัศน์ ร่วมทั้งจัดจำหน่ายภาพยนตร์แนวไลฟ์-แอคชั่นและเอนิเมชั่น และจัดหาความบันเทิงในรูปแบบวีดีโอสำหรับครัวเรือน

ยูนเวอร์แซล พิคเจอร์ส เป็นส่วนหนึ่งของยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์ 9www.universalstudios.com) ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์เป็นส่วนหนึ่งของบริษัท เอ็นบีซี ยูนิเวอร์แซล เอ็นบีซี ยูนิเวอร์แซลเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านสื่อและบันเทิงในด้านการพัฒนา, การผลิต และการทำตลาดด้านความบันเทิง, ข่าวสาร และข้อมูลให้กับผู้ชมทั่วโลก บริษัทก่อตั้งขึ้นมาในเดือนพ.ค. 2547 จากการรวบกิจการระหว่างเอ็นบีซีและวิเวนดี ยูนิเวอร์แซล เอ็นเตอร์เมนเมนท์ เอ็นบีซี ยูนิเวอร์แซลเป็นเจ้าของและดำเนินธุรกิจโทรทัศน์อันดับ 1 รวมทั้งเครือข่ายโทรทัศน์ในภาษาสเปนที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว, ผลงานด้านข่าวสารและความบันเทิง, บริษัทภาพยนตร์ชั้นนำ, การผลิตรายการโทรทัศน์ที่สำคัญ, ธุรกิจสถานีดทรทัศน์ชั่นนำ และเจ้าของสวนสนุกที่มีชื่อเสียงระดับโลก เจนเนอรัล อิเล็กทริกถือหุ้นใน เอ็นบีซี ยูนิเวอร์แซล 80% และอีก 20% ถือโดยวิเวนดี ยูนิเวอร์แซล

ดรีมส์เวิร์ค เอสเคจีก่อตั้งขึ้นมาเมื่อเดือนต.ค. 2539 โดยพันะมิตรหลัก 3 ราย คือ สตีเว่น สปีลเบิร์ก, เจฟฟรี่ แคนเซนเบิร์ก และเดวิด เจฟเฟน สตูโอแห่งนี้มีการผลิตภาพยนตร์แนวไลฟ์ แอ็คชั่นจำนวนมาก รววมทั้งรายการที่เผยแพร่ทางโทรทัศน์และเคเบิ้ล รวมทั้งการจัดจำหน่ายภาพยนตร์สารคดีแบบเอนิเมชั่นและไลฟ์ แอ็คชั่น เช่นเดียวกับโอมวิดีโอ เอ็นเตอร์เทนเมนท์


ที่มา: ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส

ติดต่อ: มาร์วิน เลวี ดรีมเวิร์คส์ พิคเจอร์ส

โทร. +1-818-733-9787 หรือ

ไมเคิล โมเสส ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส

โทร.+1-818-777-5926

เว็บไซต์: http://www.universalstudios.com


--เผยแพร่โดย เอเชียเน็ท (www.asianetnews.net)--