กระทรวงพลังงาน สนับสนุนจังหวัดระยองผลิตไฟฟ้าจากขยะ เผยช่วยกำจัดขยะเปียกได้วันละ60 ตัน พร้อมผลิตไฟฟ้าได้ปีละ 5.1 ล้านหน่วย และผลิตปุEอินทรียEด้ปีละ 5,000 ตัน

17 Dec 2004

กรุงเทพฯ--17 ธ.ค.--สนพ.

นายแพทยEรหมินทรEเลิศสุริยEดช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกล่าวภายหลังการเป็นประธานเปิดโรงงานผลิตปุEอินทรียEละพลังงาน จ.ระยอง ว่าเพื่อผลักดันการพัฒนาแหล่งพลังงานภายในประเทศ อาทิ พลังงานจากแสงอาทิตยEลม น้ำและชีวมวล ให้ได้ตามเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนจาก 0.5% เป็น 8%

ภายในปี 2554 กระทรวงพลังงานจึงได้มีการส่งเสริมและพัฒนาด้านพลังงานทดแทนในหลากหลายรูปแบบอย่างต่อเนื่องโดยการสนับสนุนงบประมาณจากจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษEลังงานซึ่งส่งผลให้ประเทศประหยัดค่านำเข้าพลังงานจากต่างประเทศได้หลายหมื่นล้านบาท

สำหรับ โครงการผลิตปุEอินทรียEละพลังงาน จังหวัดระยอง เป็นอีกหนึ่งโครงการที่กองทุนฯ สนับสนุนงบประมาณ ให้เทศบาลนครระยอง จังหวัดระยองร่วมกับมูลนิธิเพื่อการพัฒนาสิ่งแวดล้อมและพลังงานนำร่องโครงการผลิตไฟฟ้าจากจากขยะมูลฝอยและเป็นโครงการต้นแบบในการจัดตั้งศูนยEปรรูปขยะเพื่อผลิตกEซชีวภาพสำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า ขนาดกำลังการผลิต625 กิโลวัตตEซึ่งใช้ระยะเวลาในการศึกษาวิจัยและพัฒนาประมาณ 18 เดือนโดยสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ไม่น้อยกว่าปีละ 5.1 ล้านหน่วยและผลิตไฟฟ้าขายเข้าระบบได้ประมาณปีละ 3.8 ล้านหน่วย หรือคิดเป็นเงินได้ประมาณ 5.8 ล้านบาทต่อปี รวมทั้งผลิตปุEอินทรียEระมาณ 5,562 ตันต่อปีหรือคิดเป็นเงินได้ประมาณ 5.6 ล้านบาทต่อปี

ด้าน นายวรวิทยEศุภโชคชัย นายกเทศมนตรีเทศบาลนครระยอง เปิดเผยว่าปัจจุบันเขตเทศบาลมีขยะเปียกจำนวน 40-45 ตันต่อวันซึ่งได้สร้างปัญหาการกำจัดขยะมูลฝอยเป็นอย่างมากเพราะมีปริมาณขยะมากและใช้วิธีกำจัดขยะที่ไม่ถูกหลักสุขาภิบาลประกอบกับจังหวัดระยองเป็นแหล่งเกษตรกรรมมีพืชผลทางเกษตรโดยเฉพาะผลไม้มากมายซึ่งเปลือกผลไม้เมื่อไม่ได้รับการจัดเก็บและกำจัดอย่างถูกสุขาภิบาลส่งผลให้เกิดการเน่าเสียกระทบต่อ สิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชนและเกิดทัศนียภาพไม่เหมาะสมกับการเป็นเมืองท่องเที่ยว

ดังนั้น เทศบาลนครระยองจึงได้ดำเนินโครงการผลิตปุEอินทรียEละพลังงานจังหวัดระยองโดยได้รับการสนับสนุนเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษEลังงานกว่า 142 ล้านบาทเทศบาลนครระยอง 28.3 ล้านบาท มูลนิธิเพื่อการพัฒนาสิ่งแวดล้อมและพลังงาน 3 ล้านบาท

บริษัท Skanska ประเทศสวีเดน และบริษัท Fortum ประเทศฟินแลนดE45.4 ล้านบาทโดยได้ออกแบบโรงงานให้รองรับขยะ 2 ส่วน คือ ขยะอินทรียEที่มีอยู่วันละ 20 ตันและส่วนทีE2 ขยะมูลฝอยทั่วไปที่ผ่านการรีไซเคิลและขยะพิษ จำนวนวันละ 50 ตัน

สำหรับเทคโนโลยีที่ได้นำมาใช้เป็นระบบย่อยสลายแบบไม่ใช้ออกซิเจน (Anaerobic Digestion) เป็นกระบวนการย่อยสลายทางชีวภาพที่ย่อยเศษอาหารโดยมีน้ำเป็นตัวกลางโดยเริ่มจากนำขยะมูลฝอยที่คัดแยกแล้วส่งเข้าเครื่องบดย่อยให้มีขนาดที่เหมาะสม จากนั้นจะส่งเข้าถังเตรียม (Feed Preparation) เพื่อแยกสิ่งปะปน เช่น กรวด ทรายพลาสติก และส่งต่อไปหมักในถังปฏิกริยาชีวภาพ (Bioreactor)ซึ่งทำหน้าที่ย่อยสลายจุลินทรียEบบไร้ออกซิเจนพวกเมโซไฟสE(Mesophiles)ภายในถังมีใบพัดสำหรับกวนส่วนผสมต่างEให้เข้ากันเป็นอย่างดี และช่วยป้องกันปัญหาการเกิดฟอง โดยใช้เวลาในการหมักประมาณ 20 วันภายใต้อุณหภูมิประมาณ 30-38 องศาเซลเซียสทำให้เกิดกEซชีวภาพที่มีกEซมีเทนประกอบอยู่ประมาณ 60%นอกจากนี้ยังมีผลพลอยได้เป็นปุEอินทรียEกกากตะกอน อีกด้วย

โดยกEซชีวภาพที่ผลิตได้สามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวที่นำมาใช้ในโครงการฯสามารถรองรับปริมาณขยะเปียกได้ประมาณวันละ 60 ตันซึ่งจะส่งผลให้ช่วยลดปริมาณขยะของจังหวัดระยองได้เป็นอย่างดีนอกจากนั้นยังเป็นการช่วยลดการปลดปล่อยกEซเรือนกระจกออกสู่บรรยากาศจึงเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อมได้อีกทางหนึ่ง

สำหรับผลการดำเนินโครงการฯ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2547ได้มีการทดลองเดินระบบอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันสามารถกำจัดขยะในเขตเทศบาลได้ประมาณ 10-15 ตันต่อวัน ผลิตปุEอินทรียEด้จำนวน 3ตันต่อวัน และผลิตกEซชีวภาพได้ประมาณ 870-1,300 ลูกบาศกEมตรต่อวันซึ่งยังไม่เพียงพอต่อการนำไปเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าไดEดังนั้นในขั้นต่อไปโครงการฯจะเร่งทำการพัฒนาอุปกรณEห้มีคุณสมบัติสอดคล้องกับปริมาณขยะเพื่อให้ได้กEซชีวภาพมาผลิตกระแสไฟฟ้า ตามเป้าหมายต่อไป--จบ--