เจพีมอร์แกนเชื่อมั่นศักยภาพเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง

15 Nov 2004

กรุงเทพฯ--15 พ.ย.--โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์ เวิลด์วายด์

เจพีมอร์แกนประกาศความเชื่อมั่นในศักยภาพเศรษฐกิจและตลาดทุนไทย หลังเข้าเยี่ยมคารวะนายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี และนายพันธ์ศักดิ์ วิญญรัตน์ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ณ ทำเนียบ

มร. ราล์ฟ พาร์คส์ ประธาน เจพีมอร์แกน ประจำภาคพื้นเอเชีย แปซิฟิก เปิดเผยว่า “ด้วยความ สามารถในการเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทำให้ประเทศไทยประสพความสำเร็จในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ด้วยนโยบายทางด้านเศรษฐกิจที่เน้นทั้งการพัฒนาธุรกิจภาย ในประเทศ ไปพร้อมกับการส่งเสริมการส่งออกสินค้า ทำให้ประเทศไทยสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจ พร้อมกับลดความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกได้เป็นอย่างดี”

“นอกจากนี้ท่านนายกฯ ยังสามารถเรียกความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุนจากต่างประเทศคืนมาได้ โดยการเพิ่มความมั่นคงของฐานะทางการคลังของประเทศ และลดภาระหนี้ต่างประเทศให้เหลือน้อยที่สุด” มร. พาร์คส์กล่าว

ในการเยี่ยมคารวะครั้งนี้ ทางเจพีมอร์แกนได้พูดคุยและแลกเปลี่ยนความเห็นกับนายกรัฐมนตรีในเรื่อง เศรษฐกิจของไทย ได้แก่ การเติบโตของตลาดทุนไทย และเศรษฐกิจไทยตั้งแต่ปี 2548 โดยเฉพาะ ในเรื่องการจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการขนาดใหญ่ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องภายในประเทศ และสถานะทางการเงินการคลังของเศรษฐกิจไทย

นายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการและผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย เจพีมอร์แกน กล่าวว่า “รัฐบาลควรจะให้ความสำคัญกับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจต่อไป เพราะนโยบายดังกล่าวจะก่อให้เกิดประโยชน์เป็นอย่างมากกับหน่วยงานนั้นๆ เศรษฐกิจโดยรวม และตลาดทุนของไทย โดยที่รัฐวิสาหกิจต่างๆ จะได้รับประโยชน์ในด้านความโปร่งใสในการบริหารและดำเนินการ บรรษัทภิบาลและความสามารถในด้านการดำเนินงานและฐานะทางการเงินที่มั่นคงยิ่งขึ้น การระดมทุนโดยการเสนอขายหุ้นสามัญในต่างประเทศจะช่วยให้รัฐวิสาหกิจนั้นๆ มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในทุกด้าน และจะทำให้ประเทศไทยมีสถานะที่ดีขึ้นในระดับภูมิภาค และยังจะช่วยดึงการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาในประเทศมากขึ้น”“เจพีมอร์แกนมีความชำนาญในระดับโลกทางด้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนการให้คำปรึกษาและดำเนินการแปรรูปองค์กรขนาดใหญ่ เช่น การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ ปตท. และไทยออยล์เป็นต้น เจพีมอร์แกนสามารถนำความชำนาญระดับโลกมาประยุกต์ใช้สำหรับองค์กรในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสพความสำเร็จเป็นอย่างดี ดังนั้น เราจึงมีความพร้อมและยินดีที่จะสนับสนุนรัฐวิสาหกิจต่างๆ รวมทั้งรัฐบาลเองในการปรับโครงสร้าง โดยส่งเสริมให้มีการนำเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้รัฐวิสาหกิจเหล่านี้เพิ่มความสามารถในการแข่งขันได้ เป็นอย่างดี” นายวรภัคกล่าวสรุป

ข้อมูลเกี่ยวกับเจพี มอร์แกน

เจ.พี. มอร์แกน เชส แอนด์ โค. เป็นผู้ให้บริการด้านการเงินระดับโลก ซึ่งมีสินทรัพย์รวมกว่า

1.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และดำเนินธุรกิจในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก บริษัทฯ เป็นผู้นำในด้านบริการธนาคารเพื่อการลงทุน บริการทางการเงินสำหรับผู้บริโภคและองค์กรธุรกิจ การทำธุรกรรมทางการเงิน การบริหารการลงทุน บริการธนาคารและทุน บริษัทฯ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงนิวยอร์ค และสำนักงานใหญ่สำหรับธุรกิจบริการทางการเงินและธนาคารในชิคาโก โดยให้บริการผ่านธุรกิจของเจพีมอร์แกน เชส และแบงก์วัน บริษัทฯ มีลูกค้าหลายล้านรายทั่วประเทศสหรัฐอเมริการวมทั้งลูกค้าที่เป็นองค์กรเอกชน สถาบัน และหน่วยงานภาครัฐอีกเป็นจำนวนมาก สามารถเรียกดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทฯ ได้ที่ www.jpmorganchase.com

ในประเทศไทย เจพี มอร์แกน เป็นธนาคารเพื่อการลงทุนชั้นนำ โดยเป็นบริษัทที่เกิดจากการรวม ธุรกิจระหว่าง เจ.พี. มอร์แกน กับ เชส แมนฮัตตัน และ จาร์ดีน เฟลมมิ่ง ธนาคม ซึ่งล้วนแต่เป็นสถาบันการเงินชั้นนำที่ได้รับการยกย่องมากในประเทศไทยในด้านวาณิชธนกิจ การรวมธุรกิจระหว่างสถาบันทั้งสาม ทำให้เกิดธนาคารเพื่อการลงทุนที่ให้บริการครอบคลุมกว้างขวางและครบวงจรมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย

เจพี มอร์แกนในประเทศไทย มีพนักงานกว่า 80 คน ที่พร้อมให้บริการด้านการซื้อขายหลักทรัพย์ การวิจัยเกี่ยวกับทุน และสาขาของธนาคารเจพี มอร์แกน เชส แบงก์ ซึ่งให้บริการด้านธนาคารและการบริหารความเสี่ยงให้กับทั้งองค์กรเอกชนและรัฐบาล ธนาคารมีลูกค้าในธุรกิจต่างๆ เช่น พลังงานธนาคาร สินค้าอุปโภคบริโภค การขนส่ง ประกันภัย อิเล็กทรอนิกส์ และโทรคมนาคม เป็นต้น

แถลงข่าวโดย

:

เจพี มอร์แกน

รายละเอียดเพิ่มเติม

:

เจพี มอร์แกน ประเทศไทย

โทร. 0 2684 2805

:

อิศวรา ศกุนวัฒน์ ([email protected]) ซูซานนา มุก ([email protected])

บริษัท โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์ เวิลด์วายด์ จำกัด

โทร. 0 2632 8300-7 เจพีมอร์แกน

เชื่อมั่นศักยภาพเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--