กรุงเทพฯ--8 ก.พ.--นิวส์ เพอร์เฟค คอมมิวนิเคชั่น
รศ.นพ.นภดล นพคุณ ในฐานะประธานโครงการศึกษาประสิทธิภาพความปลอดภัยในการใช้ยารักษาคนไข้ที่เป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ ตั้งแต่ปานกลางถึงรุนแรง เปิดเผยถึงผลจากการศึกษาร่วมกันระหว่าง 5 สถาบัน อันได้แก่ สถาบันโรคผิวหนังแห่งประเทศไทย โรงพยาบาลจุฬา โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และ โรงพยาบาลรามาธิบดี ว่า ปัจจุบันโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่เป็นอยู่ในบ้านเรา ส่วนใหญ่จะพบมากในเด็ก และพบมากเป็นพิเศษในกลุ่มเด็กเล็กทั้งที่เป็นผู้หญิงและผู้ชายที่มีอายุระหว่าง 2 – 3 ขวบ และเกือบทั้งหมดจะเริ่มเป็นก่อนอายุ 5 ขวบ โดยจะเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนังก่อนในระยะทารก พออายุมากขึ้นก็จะเป็นในช่วงเด็กเล็ก โดยร้อยละ 90 พบว่าโรคนี้จะหายไปเมื่อผู้ป่วยอายุ 15 ปี หรือช่วงเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ส่วนสาเหตุการเกิดของโรคนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่อาจเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม เช่น มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้ หอบหืด แพ้อากาศ หรือผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ และเมื่อเทียบกันระหว่างสังคมเมืองและสังคมชนบทแล้ว พบว่าโรคนี้มักเกิดขึ้นในสังคมเมืองมากกว่าสังคมชนบท
การศึกษาครั้งนี้ได้รับคนไข้ที่สมัครใจเข้ามาทำการศึกษาจำนวน 110 คน เป็นผู้ใหญ่ 50 คน และเด็กอีก 60 คน แบ่งกลุ่มเป้าหมายออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีอายุตั้งแต่ 2-12 ปี และ 16 ปีขึ้นไป จะมีช่องว่างของอายุในระหว่างช่วง 12-15 ปี เพราะอายุในช่วงนี้ไม่มีความชัดเจนเรื่องของการใช้ความเข้มข้นของตัวยา ว่าจะต้องให้เท่าไหร่จึงจะเหมาะสมในการรักษา โดยตัวยาที่นำมาศึกษาในโครงการนี้มีชื่อว่า Tacrolimus Ointment พบว่าเป็นยาที่ใช้แล้วลดอาการอักเสบของผิวหนังได้ดีและมีผลข้างเคียงค่อนข้างน้อย เป็นยาที่สามารถใช้แทนยาคอร์ติโคสตีรอยด์ได้ และช่วยลดผลข้างเคียงจากการใช้คอร์ติโคสตีรอยด์ ซึ่งผลจากการติดตามยาตัวนี้มา 3 – 4 ปี พบว่ามีความปลอดภัยสูง ทำให้มีความหวังว่าการค้นคว้า วิจัยศึกษาและตัวยาใหม่ๆ จะทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ได้รับการดูแลรักษาที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามจากการศึกษายังพบอีกว่าการรักษาโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ นอกจากการใช้ยาเพียงอย่างเดียวแล้ว การให้ความรู้ และข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคนี้แก่ผู้ป่วยและผู้ปกครอง เป็นวิธีการที่ดีที่สุดอีกวิธีหนึ่ง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
คุณยอดยิ่ง แสนยากุล ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทรศัพท์ 0-2956-5276--จบ--
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit