กรุงเทพฯ--6 ต.ค.--สนพ.
กระทรวงพลังงานครบ 2 ปี ดำเนินนโยบายพลังงาน “รุกอย่างมั่นคงเพื่อความมั่นคงของประเทศ” ร่วมฝ่าวิกฤตพลังงานโลกเคียงข้างคนไทยราคาค่าพลังานถูกที่สุด ทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่องเก็บภาษีเกินเป้า ย้ำเข้าสู่ปีที่ 3 พร้อมรุกสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ลดการพึ่งพาแหล่งพลังงานจากต่างประเทศ พัฒนาพลังงานทดแทน เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน รวมทั้งผลักดันประเทศไทย เป็นศูนย์กลางพลังงานภูมิภาค ให้เร็วที่สุดนายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในโอกาสที่ กระทรวงพลังงาน มีการจัดตั้งมาครบ 2 ปีเต็ม กระทรวงพลังงานได้ดำเนินนโยบายรับมือสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกที่สูงขึ้นโดยมาตรการตรึงราคาน้ำมันและรณรงค์ประหยัดพลังงานอย่างเข้มข้น
ในขณะเดียวกันก็มีนโยบายเชิงรุกร่วมเป็นเจ้าของแหล่งพลังงานในต่างประเทศ ส่งเสริมพลังงานทดแทน ทั้งเอทานอล ไบโอดีเซล แสงอาทิตย์ ลม รวมทั้งเอ็นจีวี ความมั่นคงทางด้านพลังงาน สำหรับนโยบายที่ต้องรับสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกนั้น กระทรวงพลังงานได้ดำเนินมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซล ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม-ปัจจุบัน เพื่อป้องกันความผันผวนด้านราคาน้ำมันต่อเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่อง และจัดเก็บภาษีสรรพสามิตได้ถึง 42,000 ล้านบาท และประเทศจัดเก็บภาษีได้เกินเป้าหมาย“ราคาพลังงานของประเทศไทยนับว่าแทบจะถูกที่สุดทั้งราคาน้ำมันและไฟฟ้า โดยราคาน้ำมันดีเซลของประเทศไทยอยู่ที่ลิตรละ 14.59 บาท ส่วนประเทศฮ่องกงอยู่ที่ลิตรละ 36.50 บาท ลาว 24 บาท อังกฤษ 63 บาท ขณะที่เบนซินประเทศไทยอยู่ที่ลิตรละ 21.79 บาท ฮ่องกงอยู่ที่ลิตรละ 67 บาท ลาว 33 บาท อังกฤษ 62 บาทด้านราคาไฟฟ้าของประเทศไทยก็ต่ำกว่าทุกประเทศในเอเชีย ยกเว้นอินโดนีเซียเท่านั้นที่รัฐบาลได้อุดหนุนราคาค่าไฟ โดยราคาค่าไฟของประเทศไทยอยู่ที่ระดับ 2.62 บาทต่อหน่วย อินโดนีเซีย 2.61 บาทต่อหน่วย ฮ่องกง 4.74 บาทต่อหน่วย ฟิลิปปินส์ 4.58 บาทต่อหน่วยอย่างไรก็ตามประชาชนก็จะต้องใช้ลดการใช้พลังงานด้วย กระทรวงพลังงานจึงได้มีมาตรการต่างๆ ทั้งการประหยัดพลังงานในภาคขนส่ง ส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งมวลชน จัดทำที่จอดรถ Park&Ride เพื่อส่งเสริมให้มีการใช้ระบบรถไฟฟ้ามากขึ้น บริเวณสถานีหมอชิต 17ไร่ จอดรถได้ 1,120 คัน บริเวณบางซื่อ 10 ไร่ จอดรถได้ 1,000 คัน
ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กวดขันผู้กระทำผิดกฎจราจรตามมาตรการประหยัดพลังงาน รวมทั้งการศึกษาการใช้ระบบตั๋วร่วมในระบบขนส่งมวลชน และพัฒนาระบบขนส่งทางน้ำและการขนส่งน้ำมันทางท่อ
ในส่วนของนโยบายการประหยัดพลังงานในภาคประชาชน เช่นโครงการประหยัดไฟกำไรสองต่อ
ก็มีประชาชนร่วมโครงการ 4.1 ล้านครัวเรือน หรือคิดเป็น 455ล้านหน่วย และประหยัดได้ 1,139 ล้านบาท ในภาคราชการและรัฐวิสาหกิจ ตามโครงการลดใช้พลังงาน 10% โดยในเขตการไฟฟ้านครหลวง สามารถลดได้ 14.3 ล้านหน่วย หรือประหยัดได้ 36 ล้านบาท การดับไฟฟ้าส่องสว่างบนถนน ซึ่งสามารถดับไฟฟ้าดวงที่ไม่จำเป็นรวม 97,695 ดวง ลดใช้พลังงานได้ 33 % คิดเป็นเงิน 250 ล้านต่อปี และในส่วนของภาคเอกชน การกำหนดเวลาจำหน่ายน้ำมัน และกำหนดเวลาส่องป้ายโฆษณาพบว่ามีความร่วมมืออย่างพร้อมเพรียงตามเวลาที่กำหนดส่วนนโยบายเชิงรุกนั้นกระทรวงพลังงานได้มีนโยบายเชิงรุกในการเข้าครอบครองเป็นเจ้าของแหล่งพลังงานด้วยตนเอง โดยการผลักดันให้บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ประสบผลสำเร็จในการได้รับสัมปทานปิโตรเลียมสำคัญ ๆ จากประเทศในตะวันออกกลาง และประเทศเพื่อนบ้านเช่นในพม่า เวียดนาม เป็นต้น รวมทั้งนโยบายการพัฒนาพลังงานทดแทน ด้านเชื้อเพลิงจากพืช เอทานอล และไบโอดีเซล
นอกจากนั้นยังได้มีนโยบายการพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านพลังงาน ได้แก่ โครงการศูนย์กลางปิโตรเลียมในภูมิภาคหรือศรีราชาฮับ
ด้านนโยบายความมั่นคงด้านพลังงาน กระทรวงพลังงาน ได้เจรจาซื้อขายก๊าซระยะยาวจากแหล่งในอ่าวไทยได้สำเร็จ และสามารถเจรจาต่อรองราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าลงได้ ซึ่งจะมีผลต่อค่าไฟฟ้าของประชาชนในระยะยาว--จบ--
--อินโฟเควสท์ (อบ)--
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit