ไทยหวังชิงเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในเอเซีย

21 Oct 2003

กรุงเทพฯ--21 ต.ค.--บีโอไอ

สมาคมโรงพยาบาลเอกชน ย้ำธุรกิจโรงพยาบาลไทยมีมาตรฐานอยู่ในระดับสูง ทั้งด้านเทคโนโลยีและคุณภาพการบริการ คาดประเทศไทยอาจเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพแห่งใหม่ในภูมิภาคเอเชีย

นายแพทย์สุรพงศ์ อำพันวงษ์ ประธานที่ปรึกษาฝ่ายการต่างประเทศ สมาคมโรงพยาบาลเอกชน และรองประธานอาวุโสเครือโรงพยาบาลพญาไท ได้บรรยายในหัวข้อ "Modern Medicine in Thailand: Health Tourism Hub of Asia" หรือ "การแพทย์สมัยใหม่ในประเทศไทย ศูนย์กลางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในเอเชีย" ในงานสัมมนาเอเปค อินเวสท์เม้นท์ มาร์ท 2003 กล่าวว่า เดิมธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนเน้นรักษาผู้ป่วยในประเทศเป็นส่วนใหญ่ แต่เนื่องจากประเทศไทยมีนักลงทุนต่างประเทศจำนวนมาก จึงมีนักท่องเที่ยวที่เจ็บป่วยเข้ามารักษาพยาบาล ดังนั้น โรงพยาบาลเอกชนจึงหันมาสนใจการรักษาชาวต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ประกอบกับวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ทำให้มีผู้ป่วยคนไทยเข้ามารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนน้อยลง หลายโรงพยาบาลจึงหันมาสนใจตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง

ปัจจุบันประเทศไทยมีโรงพยาบาล 16 แห่ง ซึ่งมีความพร้อมอย่างมากในการรักษาชาวต่างประเทศ ทั้งในด้านจัดเตรียมบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านภาษาต่างประเทศ มีบริการครบวงจร และจากผลสำรวจของสมาคมโรงพยาบาลเอกชน พบว่าในปี 2545 ประเทศไทยมีการรักษาพยาบาลชาวต่างประเทศประมาณ 600,000 คน โดยมีทั้งนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เจ็บป่วยและเข้ารับการรักษา นักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทย ผู้ป่วยต่างประเทศที่ตั้งใจเข้ามารักษาในประเทศไทย รวมถึงชาวต่างประเทศในประเทศไทย

"รัฐบาลมีวิสัยทัศน์ว่าจะเพิ่มจำนวนการรักษาพยาบาลต่างประเทศเป็น 2 เท่า หรือ 1 ล้านคน และมูลค่าบริการ 30,000 ล้านบาท ภายในปี 2 - 3 ปีข้างหน้า โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ประชาสัมพันธ์ส่งเสริมให้ต่างประเทศเข้ามารับบริการทางการแพทย์ในประเทศไทยภายใต้คำขวัญที่ว่า Healthcare from the Heart"

อย่างไรก็ตาม นพ.สุรพงศ์ มองว่าปัจจุบันยังไม่มีแนวโน้มมากนักที่โรงพยาบาลเอกชนจะขยายการลงทุนในรูปอาคารสถานที่ เนื่องจากในระยะที่ผ่านก่อนช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ ได้ลงทุนไปจำนวนมาก จนปัจจุบันยังมีจำนวนเตียงเหลือ การลงทุนในปัจจุบันส่วนใหญ่จึงเป็นการลงทุนเพื่อปรับปรุงเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้ทันสมัยเท่านั้น

ท้ายนี้ นพ.สุรพงศ์ ได้ย้ำว่าจุดแข็งของธุรกิจรักษาพยาบาลของไทย คือ มีมาตรฐานในระดับโลก โดยแพทย์ในประเทศไทยได้ติดตามเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างใกล้ชิด โดยโรงพยาบาลบางแห่งยังได้มีความร่วมมือกับโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศรวมถึงคุณภาพบริการที่ดีเยี่ยม ของคนไทยมีอัธยาศัยที่ดี ซึ่งยากที่ประเทศอื่นจะเลียนแบบได้--จบ--

-รก-