กรุงเทพฯ--4 พ.ย.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
เบเคอร์ ทิลลี่ ประเทศไทย เปิดให้บริการหลัก 5 ประเภท ได้แก่ การให้คำปรึกษาทาง การเงิน การให้คำปรึกษาด้านบัญชีและการสอบบัญชี การให้บริการด้านภาษี บัญชีและธุรกิจ การบริหารทรัพยากรบุคคล และการสรรหาบุคลากรระดับผู้บริหาร
เบเคอร์ ทิลลี่ ประเทศไทย บริษัทในเครือของเบเคอร์ ทิลลี่ อินเตอร์เนชั่นแนล ที่ปรึกษาทางการเงินและธุรกิจที่มีรายได้จากค่าบริการสูงสุดเป็นอันดับ 10 ของโลก ประกาศเปิดสำนักงานเพื่อให้บริการอย่างครบวงจรในประเทศไทย
นายเจฟ บาร์นส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เบเคอร์ ทิลลี่ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า บริษัทได้พิจารณาที่จะเข้ามาจัดตั้งสำนักงานอย่างถาวรในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว และ ขณะนี้ บริษัทเชื่อมั่นว่า ปัจจัยทั้งหมดที่มีผลต่อการตัดสินใจในการกำหนดกลยุทธ์ของบริษัทมี ทิศทางที่ดีขึ้นอย่างมาก อีกทั้ง บริษัทยังมีความมั่นใจจากการปฏิรูประบบเศรษฐกิจโดยรวมของไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงนโยบายผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าและการเงินในอนาคต
"บริษัทได้รับการสอบถามจากลูกค้าหลายรายทั่วโลกตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาว่า บริษัท มีแผนการจะเปิดดำเนินงานในประเทศไทยหรือไม่ และจะมุ่งเน้นให้บริการประเภทใดบ้าง ในวันนี้บริษัทจึงรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ เบเคอร์ ทิลลี่ ประเทศไทย พร้อมด้วยทีมบุคลากรผู้เชี่ยวชาญและฝ่ายสนับสนุนของบริษัท พร้อมเปิดให้บริการอย่างครบวงจร เพื่อตอบสนองความต้องการของ
ลูกค้าทุกประเภท"
ทั้งนี้ เบเคอร์ ทิลลี่ ประเทศไทย มุ่งเน้นให้บริการสำคัญ 5 ประเภท ประกอบด้วย การให้คำปรึกษาทางการเงิน การให้คำปรึกษาด้านบัญชีและการสอบบัญชี การให้บริการด้านภาษี บัญชีและธุรกิจ การบริหารทรัพยากรบุคคล และการสรรหาบุคลากรระดับผู้บริหาร
นายโรเบิร์ต บราวน์ ผู้อำนวยการ เบเคอร์ ทิลลี่ ประเทศไทย กล่าวว่า คุณประโยชน์ที่สำคัญประการหนึ่งของการจัดตั้งเครือข่ายบริษัทคือ พนักงานของบริษัทจะต้องมีทักษะและความชำนาญอย่างหลากหลายและลึกซึ้ง ซึ่ง เบเคอร์ ทิลลี่ ประเทศไทย มีบุคลากรระดับมืออาชีพชาวไทย โดยส่วนใหญ่ที่มีประสบการณ์และความรู้ความชำนาญในหลากหลายด้าน อาทิ การสอบบัญชี การเงิน การบัญชี การวิเคราะห์หลักทรัพย์ ภาษี การธนาคาร วาณิชธนกิจ และวิศวกรรม เป็นต้น
"บริษัทพร้อมที่จะพัฒนาระบบและบริการต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการโดยรวมและความต้องการเฉพาะด้านของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด"
นายยรรยง ตันติวิรมานนท์ ผู้อำนวยการ เบเคอร์ ทิลลี่ ประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ควบคุมและดูแลใน ฝ่ายให้บริการให้คำปรึกษาทางการเงิน อันประกอบไปด้วยการปรับโครงสร้างทางการเงิน และการให้บริการทางธุรกิจ กล่าวเสริมว่า สำหรับบริการด้านการปรับโครงสร้างทางการเงินนั้น ได้แก่ การตรวจสอบสถานะทางการเงิน การจัดทำประมาณการทางการเงิน การจัดทำแผนปรับโครงสร้างหนี้ และการดำเนินงานตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ ส่วนการให้บริการทางธุรกิจนั้น ประกอบด้วย การตรวจสอบกระแสเงินสดและผลการดำเนินงาน การให้คำปรึกษาในการระดมเงิน การวิเคราะห์ธุรกิจก่อนการปล่อยเงินกู้ การวิเคราะห์และบริหารสภาวะของลูกหนี้ในบัญชีเงินกู้ การประเมินมูลค่ากิจการ และการจัดทำแผนทางธุรกิจ
"สภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นในปัจจุบันไม่ได้ทำให้ความต้องการในการขอรับคำปรึกษาทาง การเงินและธุรกิจของบริษัทไทยต่างๆ ลดน้อยลงแต่อย่างใด ซึ่งนักธุรกิจไทยจำนวนมาก ต่างยอมรับว่า ในสภาวะการแข่งขันอย่างรุนแรงทั้งในตลาดภายในประเทศและต่างประเทศนั้น บริษัทต่างๆ ที่ต้องการอยู่รอดได้อย่างแข็งแกร่ง จำเป็นต้องดำเนินการปรับปรุงองค์กรของตน โดยใช้แนวทางและกลยุทธ์การบริหารจัดการที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ" นายยรรยงกล่าวในตอนท้าย
เบเคอร์ ทิลลี่ อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินและธุรกิจที่มีรายได้จากค่าบริการสูงสุดเป็นอันดับสิบของโลก โดยมีบริษัทในเครือ 116 แห่งใน 67 ประเทศทั่วโลก ทั้งยัง มีการดำเนินงานอย่างมั่นคงและแข็งแกร่งในภูมิภาคเอเชีย โดยมีสำนักงานอยู่ในประเทศไทย ฮ่องกง จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน และอินโดนีเซีย
บริษัท เบเคอร์ ทิลลี่ ประเทศไทย จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี 2546 โดยเป็นบริษัทในเครือของ เบเคอร์ ทิลลี่ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
วราพร/สาธิดา โทร 0 2252 9871--จบ--
-รก-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit