กรุงเทพฯ--22 ก.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย)
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้อันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวที่ระดับ "BBB+(tha)" แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ แก่หุ้นกู้ที่มีประกันชนิดทยอยชำระเงินต้นของบริษัท วนชัย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ VNG ครั้งที่1/2546 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2551 มูลค่า 1.65 พันล้านบาท
อันดับเครดิตของหุ้นกู้สะท้อนถึงความสามารถในการชำระหนี้ของ VNG รวมถึงมูลค่าหลักประกันของตัวหุ้นกู้ แม้การบังคับเอาหลักประกันจากลูกหนี้อาจเกิดความล่าช้าได้ โดย VNG จดจำนอง ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และเครื่องจักรของบริษัทย่อยคือ บริษัท วนชัย พาเนล อินดัสตรี จำกัด (VP) มีมูลค่าหลักประกันต่อจำนวนเงินกู้ยืมที่ 127% (เท่ากับ LVR ที่ 79%) เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ส่วนใหญ่นำไปใช้เพื่อชำระคืนเงินกู้ธนาคารของ VP และมีบางส่วนใช้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนของกลุ่มบริษัท VNG นอกจากนี้ ฟิทช์ยังคงอันดับเครดิตของหุ้นกู้ที่มีประกันชนิดทยอยชำระเงินต้นของ VNG ครั้งที่1/2545 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2548 มูลค่า 1.7 พันล้านบาท ที่ระดับ "BBB+(tha)"
VNG มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ กลุ่มตระกูลสหวัฒน์ ซึ่งปัจจุบันถือหุ้นในสัดส่วน 72% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด VNG เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายแผ่นเอ็มดีเอฟ (Medium Density Fiberboard) และแผ่นปาร์ติเกิ้ล (Particle Board) ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตของอุตสาหกรรมสินค้าตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ ก่อสร้าง และการผลิตลำโพงเครื่องเสียง ในช่วงระยะ 3 ปีที่ผ่านมา VNG มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดยมีส่วนสนับสนุนจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศไทยและในเอเชียแปซิฟิก ในไตรมาสแรกของ ปี 2546 VNG มีรายได้จากการส่งออกประมาณ 44% ของรายได้รวม
อันดับเครดิตสะท้อนถึงความเป็นผู้นำทางด้านส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศของ VNG ทั้งในธุรกิจแผ่นเอ็มดีเอฟ และแผ่นปาร์ติเกิ้ล รวมถึงฐานรายได้จากการส่งออกที่ยังคงแข็งแกร่ง อีกทั้งยังมีข้อได้เปรียบเนื่องจากมีโรงงานผลิตกาวซึ่งเป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลักของแผ่นเอ็มดีเอฟและแผ่นปาร์ติเกิ้ล อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงสถานะทางการเงินของVNG ที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากช่วงวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 ภายหลังเข้าทำสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้เมื่อปี 2542 หนี้สินสุทธิของ VNG ลดลงจากระดับ 6.9 พันล้านบาทในปี2541 มาที่ระดับ 2.5 พันล้านบาท ณ ไตรมาสแรกของ ปี 2546 มีผลให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (Net Debt/EBITDA) ปรับตัวดีขึ้นที่ระดับ 1.4 เท่า ในขณะที่อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย ต่อดอกเบี้ยจ่าย (EBITDA/Interest expense) แข็งแกร่งขึ้นที่ระดับ 9.0 เท่า ในไตรมาสแรกของปี 2546
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งขึ้นเป็นปัจจัยบวกต่อแนวโน้มอันดับเครดิตของ VNG แต่อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตสะท้อนถึงความเสี่ยงทางด้านเครดิตจากลักษณะความผันผวนของวัฎจักรอุตสาหกรรมแผ่นเอ็มดีเอฟและแผ่นปาร์ติเกิ้ล รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในตลาดส่งออก นอกจากนี้อันดับเครดิตยังได้พิจารณาถึงการลงทุนในโรงงานปาร์ ติเกิ้ล ที่จะทำให้กำลังการผลิตของ VNG เพิ่มขึ้นอีก 90% เป็น 948,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปีในปี 2547 และรวมถึงแผนการลงทุนเพิ่มในธุรกิจแผ่นเอ็มดีเอฟ หนี้สินของ VNG คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการขยายกำลังการผลิตดังกล่าว โดยจะส่งผลให้อัตราส่วน Net Debt/EBITDA สูงขึ้นอยู่ในช่วง 1.5-2.0 เท่า ในช่วงปี 2546 และ 2547 ขณะที่การดำเนินการผลิตเพื่อการค้าของกำลังการผลิตใหม่ของธุรกิจแผ่นปาร์ติเกิ้ล คาดว่าจะช่วยให้ระดับของอัตราส่วน Net Debt/EBITDA มีแนวโน้มดีขึ้นที่ 1.5 เท่า ภายในปี 2548
สำหรับรายงานฉบับสมบูรณ์ของบริษัท วนชัย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หาได้จาก www.fitchresearch.com หรือ ติดต่อ
วสันต์ ผลเจริญ, นักวิเคราะห์ ภาคอุตสาหกรรม
+662 655 4763
เลิศชัย กอเจริญรัตนกุล, ผู้ช่วยกรรมการ ภาคอุตสาหกรรม
+ 662 655 4760
Vincent Milton, กรรมการผู้จัดการ
+662 655 4759
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตระดับเพื่อการลงทุน หรือมีอันดับเครดิตอยู่ในระดับต่ำแม้จะอยู่ในระดับเพื่อการลงทุน อันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศจะอยู่ที่ระดับ "AAA" และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นถูกออกแบบมาเพื่อนักลงทุนภายในประเทศในแต่ละประเทศนั้นๆ และมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับแต่ละประเทศ เช่น "AAA(tha)" ในกรณีของประเทศไทย อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นไม่สามารถนำไปใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้--จบ--
-รก-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit