กรุงเทพฯ--28 ก.ค.--เอพีพีอาร์ มีเดีย
บริษัทไบเออร์ สด๊อรฟ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายถุงยางอนามัยดูโอ ชี้ตลาดถุงยางปี 2545 ของดูโอ โตขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา 20% ส่งผลจากการปรับกลยุทธ์ทางการตลาด ทั้งนี้บริษัทฯ พุ่งเป้าที่การรุกตลาดเพื่อสร้างอัตราเติบโตให้ได้สูงถึง 40% ในปีนี้ โดยจะเน้นขยายฐานช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรดมากขึ้น หลังจากบุกตลาดร้านค้ายาที่ผ่านมาได้สำเร็จ พร้อมกระตุ้นการรับรู้ด้วยกลยุทธ์และกิจกรรมการตลาดรูปแบบใหม่ๆ เผย การปรับเปลี่ยนแพคเก็จใหม่ ของถุงยางอนามัยดูโอ ทั้ง 5 ชนิด ได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มลูกค้า ดันยอดขายพุ่งสูงถึง 200% ในระยะเวลาเพียง 2 เดือน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
นายเดชนุชา รวิวรกุล ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ถุงยางอนามัยดูโอ เปิดเผยว่าวัตถุประสงค์ของการเปลี่ยนแพคเก็จใหม่ของสินค้าหลักทั้ง 5 ชนิด ได้แก่ ถุงยางดูโอแบบมาตรฐาน ดูโอโกลด์ แบบบางพิเศษ ดูโอสตรอเบอรี่ กลิ่นสตรอเบอรี่ ดูโอแอ็คชั่น แบบผิวไม่เรียบ และดูโอสเปอร์มิชิดัล แบบที่มีสารฆ่าเชื้ออสุจิ ประสบความสำเร็จเกินคาด นอกจากจะเป็นการกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายหันมาให้ความสนใจกับรูปลักษณ์ที่ดึงดูด และน่าใช้แล้ว ยังมาจากผลการวิจัยพฤติกรรมของผู้บริโภคว่ารูปแบบของบรรจุภัณฑ์ที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค ทั้งยังเป็นการตอบสนองนโยบายบริษัทแม่ในการปรับเปลี่ยนแพคเกจสินค้าให้มีความเป็นเอกลักษณ์ เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกันทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับเป็นการเพิ่มข้อได้เปรียบในเรื่องของการจดจำแบรนด์สินค้าแก่กลุ่มลูกค้าดูโอทั่วโลก โดยประเทศไทยและออสเตรเลีย จะมีการปรับเปลี่ยนแพคเก็จให้เหมือนกันทั้ง 2 ประเทศภายในปี 2003 นี้ ตามมาด้วยประเทศในแถบทวีปยุโรปอเมริกาใต้ และเอเชียทั้งนี้ในส่วนของประเทศไทย นับว่าประสบความสำเร็จเกินคาด โดยสามารถเพิ่มยอดขายขึ้นมากถึง 200% ภายในระยะเวลาออกวางตลาดเพียงแค่ 2 เดือน เท่านั้น
"เพื่อเป็นการสนับสนุนกลยุทธ์ดังกล่าว บริษัทฯ ยังได้มีการปรับแนวคิดโฆษณาเพื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น พร้อมกับมุ่งเน้นกิจกรรมด้านการตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นหนักการให้ความรู้ เพื่อกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายเล็งเห็นความสำคัญของการใช้ถุงยางอนามัย พร้อมกับเป็นการเสริมสร้างการรับรู้และจดจำแบรนด์สินค้า ทั้งในเรื่องของคุณภาพและความมั่นใจในตัวผลิตภัณฑ์" นายเดชนุชา กล่าว
ทั้งนี้ กิจกรรมส่วนหนึ่งที่ทางบริษัทฯ จะมุ่งเน้นคือการจัดให้ความรู้ในลักษณะเอ็ดดูเทนเม้นท์ในกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มที่ความเสี่ยงต่อโรคเอดส์สูง เพราะกลุ่มนี้ยังขาดการยับยั้งชั่งใจและความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง และในปี 2546 นี้ ทางบริษัทมีแผนที่จะทำตลาดในเชิงรุกอย่างเต็มที่ ซึ่งนอกจากจะเน้นหนักไปในด้านกิจกรรมการตลาดแล้ว ยังร่วมกับศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย จัดโครงการ DUO DOO RIGHT 2003 ซึ่งในปีนี้ เป็นปีที่ 2 ที่จัดโครงการดังกล่าว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการคุมกำเนิดและป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ให้กับกลุ่มเป้าหมาย และเพื่อเป็นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรงล่าสุดบริษัทได้จัดกิจกรรมแจกถุงยางจำนวน 200,000 ชิ้น ตามสถานบันเทิงต่างๆ เพื่อกระตุ้นและสร้างการรับรู้ให้เยาวชนไทยมีจิตสำนึกในเรื่องโรคเอดส์ รวมไปถึงรู้จักวิธีป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ
"ซึ่งนอกจากนี้ ภายในปีนี้ บริษัทฯ ได้จัดเตรียมถุงยางอนามัยเพื่อมอบถุงยางอนามัยกว่า 100,000 ชิ้น ให้ศูนย์วิจัยโรคเอดส์สภากาชาดไทย ใช้ในโครงการคืนชีวิตให้พ่อแม่ เพื่อเป็นการรณรงค์และป้องการติดเชื้อซ้ำซ้อนของผู้ป่วยโรคเอดส์ ซึ่งเราเล็งเห็นว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสังคมไทย และ ทางบริษัทฯ ก็พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งในการร่วมพัฒนาสังคมไทยให้ดีขึ้น โดยกิจกรรมดังกล่าวเป็นสิ่งที่เราปฏิบัติอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี" คุณเดชนุชา กล่าวเพิ่มเติม
"การรณรงค์เพื่อให้ความรู้เรื่องการคุมกำเนิดและป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในปี 2546 เริ่มแผ่วลง เนื่องจากสังคมไทยให้ความสนใจเรื่องยาเสพติด และโรคซาร์สกันมากขึ้น ในขณะที่โรคเอดส์ยังเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอยู่มาก ดังนั้นเพื่อเป็นการกระตุ้นกลุ่มเป้าหมายให้มาสนใจในเรื่องการป้องกันและควบคุม จึงควรมีการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งไปที่กลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น อายุระหว่าง 18-25 ปี ควรให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องของการป้องกัน โดยใช้ถุงยางอนามัย นอกจากนี้ ควรมีการปลูกฝังค่านิยมใหม่ให้กับกลุ่มผู้หญิงให้หันมาใส่ใจและรู้จักป้องกันตนเองผ่านการใช้ถุงยางอนามัย ไม่ว่าจะมีเพศสัมพันธ์กับสามี หรือเพื่อนชาย ก็ตาม เนื่องจากไม่อาจมั่นใจถึงความปลอดภัยที่จะได้รับกระทั่งจากบุคคลใกล้ชิด พร้อมกับชี้ให้เห็นถึงการเลือกซื้อถุงยางอนามัยเป็นเรื่องปกติ ธรรมดา เป็นการป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากโรคภัยต่างๆ ที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ การรณรงค์อย่างมากในปีที่ผ่านมา นับว่าได้ผลดี และช่วยให้จำนวนผู้ติดเชื้อเอดส์ลดน้อยลง เนื่องจากได้รับรู้ถึงพิษภัยของการไม่ใช้ถุงยางอนามัย และเกิดความกลัวไม่อยากเสี่ยงกับการติดเชื้อ" อาจารย์ประพันธ์ ภาณุภาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย กล่าว
"เรามีความมั่นใจเป็นอย่างมากในการทำตลาดถุงยางอนามัยดูโอในปีนี้ และปีต่อๆ ไป เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคเล็งเห็นความจำเป็นในการใช้ถุงยางมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดถุงยางในเมืองไทยมีแนวโน้มเติบโตได้อีกมาก เมื่อเทียบกับปริมาณการใช้ของคนไทยต่อปี โดยในปีนี้ทางบริษัทจัดสรรงบทางการตลาดมากกว่า 10 ล้านบาท ในส่วนของโฆษณาประชาสัมพันธ์ และการจัดกิจกรรม ร่วมกับการจัดรายการส่งเสริมการขาย เนื่องจากบริษัทเห็นว่าผู้บริโภคมีความภักดีในแบรนด์ จะยิ่งเป็นการช่วยเพิ่มยอดขายให้กับผู้ประกอบการ และเราเชื่อมั่นว่า จากแคมเปญและกิจกรรมทางการตลาดใหม่ๆ ที่เราเดินหน้าจัดอย่างต่อเนื่องจะช่วยสนับสนุนในเรื่องการจดจำแบรนด์ ขยายฐานกลุ่มลูกค้าของดูโอได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้เราสามารถเพิ่มส่วนครองตลาด และสร้างอัตราเติบโต ให้แก่ธุรกิจได้อย่างรวดเร็วในที่สุด" นายเดชนุชา กล่าวสรุป
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ : ปอแก้ว พิตรสาธร บริษัท เอพีพีอาร์ มีเดีย โทร.02-355-6633 อีเมล์: [email protected]จบ--
-นค/นห-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit