แพทย์เผยทางเลือกใหม่คืนชีวิตหอบหืดสู่ปกติสุข

27 Jun 2003

กรุงเทพฯ--27 มิ.ย.--มูลนิธิโรคหืดแห่งประเทศไทย

ศ.นพ.สุชัย เจริญรัตนกุล เลขานุการมูลนิธิโรคหืดแห่งประเทศไทย เผยผลวิจัยจากวารสารนานาชาติของสมาคมโรคทรวงอกแห่งประเทศอังกฤษว่า การให้ยารับประทานมอนทีลูคาสท์(montelukast)เสริมกับยาพ่นสเตียรอยด์ ช่วยเพิ่มประสิทธิผลในการลดการจับหืดของผู้ป่วยโรคหอบหืด นับเป็นนวตกรรมและทางเลือกใหม่สำหรับคนหอบหืดทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น

ศ.นพ.สุชัย เจริญรัตนกุลกล่าวว่าปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคหืดในประเทศไทยถึง 5 ล้านคนพบในเด็กอายุ 7-14 ปีเป็นโรคนี้ถึงร้อยละ 12.4ซึ่งมากกว่ากลุ่มอื่นๆ และมีแนวโน้มเป็นมากขึ้นทุกปี ผู้ป่วยจะแสดงอาการเมื่อหลอดลมมีปฏิกิริยาต่อสิ่งแปลกปลอมจากสิ่งแวดล้อมที่มากระตุ้น เช่น ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ ควันบุหรี่และอาหารบางชนิด และมีอาการกำเริบอย่างฉับพลันเมื่อออกกำลังมากเกินไป มีเรื่องกระทบจิตใจหรือเมื่ออากาศเปลี่ยนแปลง ผู้ป่วยบางรายเสียชีวิตจากการรักษาไม่ถูกต้อง บางรายอาการอาจหนักจนหายใจไม่ออกต้องหามส่งโรงพยาบาลกลางดึก บางรายยังเข้าใจว่าโรคนี้รักษาไม่ได้จึงเกิดอาการซึมเศร้าหมดอาลัยตายอยาก ทำให้คุณภาพชีวิตเสียไป ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับแล้วกันในวงการแพทย์ว่าโรคนี้รักษาได้ทำให้ผู้ป่วยโรคนี้มีกำลังใจมากขึ้น

เลขานุการมูลนิธิโรคหืดแห่งประเทศไทย กล่าวถึงผลการวิจัยล่าสุดซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร "ทอแรกซ์" ซึ่งเป็นวารสารนานาชาติของสมาคมโรคทรวงอกแห่งประเทศอังกฤษ โดยศึกษาถึงการใช้ยามอนทีลูคาสท์ เสริมกับยาพ่นกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ ชนิดสูดเข้าทางปาก พบว่าให้ผลการควบคุมอาการหอบหืดได้อย่างมีประสิทธิผลเท่าเทียมหรือดีกว่าการใช้ยาพ่นอย่างเดียว การตีพิมพ์ครั้งนี้ได้สรุปจากผลของสองการวิจัยขนาดใหญ่เกี่ยวกับโรคหอบหืดในผู้ป่วยกว่า 1,500 คน การวิจัยแรกพบว่าการใช้ยา มอนทีลูคาสท์ ซึ่งเป็นยากลุ่มต่อต้านตัวรับลูโคทรีน (Leukotriene receptor antagonist - LTRA) ร่วมกับยาพ่น บูดีโซไนด์(budesonide) 800 ไมโครกรัมต่อวัน จะให้ผลอย่างน้อยเท่าเทียมกับการใช้ยาพ่นบูดีโซไนด์ขนาดสูง(1,600ไมโครกรัมต่อวัน)อย่างเดียว และหากใช้ยาสองตัวนี้ร่วมกันในขนาดปกติพบว่าทำให้ยาออกฤทธิ์เร็วขึ้นตั้งแต่ในวันแรก เปรียบเทียบกับการใช้ยาพ่นอย่างเดียวในขนาด 2 เท่า และยังพบว่าผู้ป่วยที่ใช้ยา 2 ตัวนี้ร่วมกันในอาการหอบหืดในเวลากลางคืนลดลงถึง 81.3% และผู้ป่วยปลอดจากอาการหอบหืดถึง 93% การวิจัยที่สองพบว่าผู้ป่วยที่ได้รับมอนทีลูคาสท์ เพิ่มจากการได้รับยาพ่นบูดีโซไนด์ (400 ถึง 1,600 ไมโครกรัมต่อวัน)อยู่แล้ว มีอาการดีขึ้นกว่ากลุ่มที่ได้รับยาพ่นอย่างเดียวโดยอาการหอบหืดมีลดลง 35% นอกจากนี้กลุ่มที่ได้รับยามอนทีลูคาสท์ร่วมกับยาพ่นยังมีค่าเฉลี่ยของวันที่ปลอดจากอาการหอบหืดมากกว่ากลุ่มที่ได้รับยาพ่นอย่างเดียวถึง 56%

โดยสรุปศ.นพ.สุชัยย้ำว่าการให้ยา มอนทีลูคาสท์ ร่วมกับยาพ่นสเตียรอยด์สามารถควบคุมอาหารหอบหืดได้ดีกว่าการใช้ยาพ่นอย่างเดียวเพราะยาทั้ง 2 ตัวร่วมกันเสริมฤทธิ์ในการลดการอักเสบที่เกิดจากภาวะหอบหืด ในขณะนี้องค์การอนามัยโลก(WHO)และสถาบันโรคหัวใจปอดและโลหิตแห่งสหรัฐอเมริกา(NIH-HLB)ได้เพิ่มการใช้ มอนทีลูคาสท์ ร่วมกับยาพ่นสเตียรอยด์ ในแนวทางการรักษาโรคหอบหืดของผู้ป่วยเด็ก และผู้ใหญ่ที่มีอาการหอบหืดไม่รุนแรงถึงปานกลาง

ข้อมูลเกี่ยวกับยา มอนทีลูคาสท์ (Montelukast)

ยานี้เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1997 เป็นยาควบคุมอาการหอบหืดที่ใช้มากเป็นอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกา และมีแพทย์ได้จ่ายยานี้ให้ผู้ป่วยแล้ว 13 ล้านคน ในมากกว่า 90 ประเทศทั่วโลก มอนทีลูคาสท์มีข้อบ่งใช้สำหรับการรักษาหอบหืดแบบเสริมในผู้ป่วยที่มีอาการหอบหืดน้อยถึงปานกลาง ซึ่งเมื่อใช้ยาอื่นอย่างเดียวแล้วอาการไม่ดีขึ้น และในผู้ป่วยที่ซึ่งไม่สามารถควบคุมอาการได้จากการใช้ยาออกฤทธิ์เร็วประเภทเบต้าอะโกนิสต์ ยานี้ยังสามารถใช้ป้องกันอาการหอบหืดซึ่งมีผลมาจากการออกกำลังกาย เป็นยาเม็ดใช้รับประทานวันละครั้ง และไม่ใช่ยาประเภทสเตียรอยด์ มีขนาด 10 มิลลิกรัม สำหรับผู้ป่วยตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไป และยังมียาเม็ดชนิดเคี้ยวรสเชอรี่ 2 ขนาดสำหรับเด็กอายุ 2-5 ขวบ ใช้ขนาด 4 มิลลิกรัม และ 6-14 ขวบ ใช้ขนาด 5 มิลลิกรัม

กลไกการออกฤทธิ์ : ซีสเทนิล ลูโคไทรอิน(Cysteinyl leukotriene -มีหลายตัว เช่น LTC4, LTD4, LTE4 ) เป็นสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบที่มีฤทธิแรงซึ่งหลั่งออกมาจากเซลเม็ดเลือดขาว สารเหล่านี้เมื่อไปจับกับตัวรับของมัน[ Cysteinyl leukotriene (CysLT) receptors] ที่อยู่บริเวณทางเดินหายใจจะก่อให้เกิดหลอดลมหดเกร็ง, มีสารคัดหลั่งจากเยื่อมูกและมีการบวมแดงของทางเดินหายใจ อีกทั้งมีเม็ดเลือดขาวมารวมตัวกันทำให้เกิดการอักเสบบริเวณทางเดินหายใจมากขึ้น

มอนเทลูคาสท์เป็นยาที่มีฤทธิแรง มีกลไกการออกฤทธิ์โดยไปจับอย่างเฉพาะเจาะจงกับตัวรับCystLT1ที่อยู่บริเวณทางเดินหายใจ จึงสามารถยับยั้งการถูกกระตุ้นโดย LTC4, LTD4, LTE4ในขบวนการต่างๆของการเกิดโรคหืด จึงช่วยป้องกันอาการจับหืดของผู้ป่วย

ข้อควรระวัง

: ไม่ควรใช้มอนเทลูคาสท์ในการรักษาโรคหืดชนิดเฉียบพลัน การใช้ยานี้ร่วมกับสเตียรอยด์ชนิด

สูดดมควรจะค่อยๆปรับขนาดยาสเตียรอยด์ชนิดสูดดมลง ไม่ควรหยุดการใช้สเตียรอยด์ทันที

หญิงตั้งครรภ์

: ยังไม่มีการศึกษาจึงไม่ควรใช้มอนเทลูคาสท์ในหญิงตั้งครรภ์ ยกเว้นในกรณีจำเป็น

หญิงให้นมบุตร

: ควรใช้อย่างระมัดระวังเพราะยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามอนเทลูคาสท์ขับถ่ายออกทางน้ำนมหรือไม่

ผู้สูงอายุ

: การศึกษาทางคลีนิคไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างอายุกับประสิทธิภาพ และความปลอดภัย

ผลข้างเคียงยาพ่น : เสียงแหบ เชื้อราในช่องปาก สเตียรอยด์ขนาดสูงอาจมีผลต่อการเจริญเติบโตในเด็ก

ข้อมูลจาก..ศ.นพ.สุชัย เจริญรัตนกุล

มูลนิธิโรคหืดแห่งประเทศไทย

1281 ถนนพหลโยธิน กรุงเทพฯ 10400

โทรศัพท์ 0-2270-1033 , 0-2279-1354 เวบไซท์: www.asthma.or.th--จบ--

-รก-