BLCP ประสบความสำเร็จในการระดมเงินกู้จากสถาบันการเงินในประเทศและต่างประเทศ

16 Sep 2003

กรุงเทพฯ--16 ก.ย.--บ้านปู

เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด รายงานความสำเร็จในการกู้ยืมเงินจำนวน 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากกลุ่มสถาบันการเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อใช้ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีฯ ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 1,434 เมกะวัตต์และใช้ถ่านหินคุณภาพดีเป็นเชื้อเพลิง ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง เงินกู้ดังกล่าวซึ่งมีกำหนดระยะเวลาการชำระคืน 15 ปี 9 เดือน แบ่งเป็นเงินกู้สกุลเงินเหรียญสหรัฐ จำนวน 230 ล้านเหรียญ ที่เหลือเป็นเงินกู้สกุลเงินบาทจำนวน 35.3 พันล้านบาท (เทียบเท่า 870 ล้านเหรียญสหรัฐ)

สถาบันการเงินที่ให้เงินกู้แก่โครงการโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีฯ ประกอบด้วยสถาบันการเงินในประเทศไทยจำนวน 12 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) บริษัทเงินทุนสินเอเชีย จำกัด (มหาชน) บริษัทเงินทุนสินอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) บริษัทเงินทุนกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)บริษัทเงินทุนทิสโก้ จำกัด (มหาชน) และบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

สำหรับสถาบันการเงินต่างประเทศมีจำนวน 5 แห่ง ได้แก่ Australia and New Zealand Banking Group Limited Singapore Branch, BNP Paribas Singapore Branch, KBC Finance Ireland, West LB Asia Pacific Limited และ Sumitomo Mitsui Banking Corporation

มร. ริค ทรัสคอทท์ ผู้จัดการทั่วไป และกรรมการบริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด กล่าวว่า "ความสำเร็จในการจัดหาเงินกู้สำหรับโครงการบีแอลซีพีฯ ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นทุ่มเทของพนักงานและผู้บริหารตลอดจนผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ และสถาบันการเงินต่างๆ บริษัทฯ เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า โครงการโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีฯ จะให้คุณประโยชน์แก่คนไทยในด้านค่าไฟฟ้าที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ"

การก่อสร้างโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี เพาเวอร์ฯ ซึ่งดำเนินการโดย มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น ในลักษณะเทอร์นคีย์ ได้เริ่มดำเนินการขั้นการออกแบบและสำรวจสภาพดินมาแล้วตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา และมีกำหนดที่จะแล้วเสร็จพร้อมจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ประมาณเดือนตุลาคม 2549 สำหรับหน่วยผลิตแรกและประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2550 สำหรับหน่วยผลิตที่สอง โดยกระแสไฟฟ้าที่ผลิตจะขายให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตามสัญญาการขายกระแสไฟฟ้า (Power Purchase Agreement หรือ PPA) ระยะเวลา 25 ปี โดยการดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเป็นไปตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อมตามที่เอดีบี (Asian Development Bank) และธนาคารโลก (World Bank) กำหนด

นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่ถือหุ้นร้อยละ 50 ในบริษัท บีแอลซีพีฯ กล่าวว่า "การที่สถาบันการเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศสนับสนุนเงินกู้ให้บีแอลซีพีฯ แสดงถึงความเชื่อมั่นต่อโครงการฯ รวมทั้งธุรกิจไฟฟ้าของไทยและประเทศไทยในภาพรวม ความสำเร็จในการจัดหาเงินกู้ถือเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญของโครงการที่จะช่วยสร้างมูลค่าให้กับการลงทุนของบ้านปูฯ ในธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งจะส่งผลดีต่อบ้านปูฯ ในการเติบโตไปตามเป้าหมายหลักที่บริษัทฯ วางไว้"

มร. ริชาร์ด แมคอินโด กรรมการผู้จัดการ ซีแอลพี เพาเวอร์ เอเชีย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ถือหุ้นอีกร้อยละ 50 ของโครงการ เปิดเผยว่า "ซีแอลพีฯ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่บีแอลซีพีฯ สามารถดำเนินโครงการคืบหน้าได้ตามแผนงานหลัก บีแอลซีพีฯ จะเป็นโครงการสำคัญที่จะช่วยเสริมให้ซีแอลพี เพาเวอร์ เอเชีย พัฒนาไปตามเป้าหมายหลักที่มุ่งจะเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจไฟฟ้าชั้นนำในเอเชีย"

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

โศภิษฐา โชติช่วง

นุชจิรา โมระเสริฐ

โทรศัพท์ 0 2694-6783-4

โทรสาร 0 2207-0697--จบ--

-รก-