กรุงเทพฯ--6 ต.ค.--ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าสามารถเข้าใจในสิ่งที่หมาของคุณพูด?
นั่ง.. นิ่ง.. เตรียมตัวให้พร้อม กับการชม GOOD BOY! ภาพยนตร์หรรษา สำหรับทุกคนในครอบครัว ด้วยเรื่องราวอันแสนอบอุ่น ของการผจญภัยหลุดโลกสุดฮา ที่จะมาสร้างความปั่นป่วนล้ำยุค ให้กับเรื่องราวคลาสสิคระหว่าง เด็กชายและสุนัข ของเขา
โอเวน เบเคอร์ (เลียม ไอเคน) คือเด็กชายคนนั้น เขาเป็นลูกชายโทนวัย 12 ขวบ ที่คอยรับจ้างจูงสุนัขของเพื่อนบ้านไปเดินเล่น เพื่อที่ตนเองจะได้มีอภิสิทธิ์ เสมือนมีสุนัขเป็นของตนเอง การทำงานอย่างหนักของเขาสัมฤทธิผล เมื่อพ่อแม่ - นายและนางเบเคอร์ (มอลลี่ แชนนอน และ เควิน นีลอน) อนุญาตให้โอเวนเลี้ยง สุนัขพันธุ์ทาง ซึ่งเขาตั้งชื่อให้ว่า ฮับเบิล (ให้เสียงโดย แมทธิว โบรเดอริค) ทั้งคน และหมาต่างได้รับมากกว่าที่พวกเขาคาดหวังเอาไว้ เมื่อโอเวนตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่ง และพบว่าเขาสามารถเข้าใจทุกคำพูดของฮับเบิล - รวมทั้งวลีอันเป็นลางที่ว่า : "พาฉันไปพบกับผู้นำของนาย"
โอเวนได้เรียนรู้ว่า สุนัข เดินทางมายังโลกนี้เมื่อหลายพันปีที่แล้ว เพื่อสร้าง อาณานิคมและเข้ายึดครองดาวโลก
ส่วนฮับเบิล (ซึ่งมีชื่อจริงว่าแคนิด 3942) ได้ถูก ส่งมาโดยเดอะ เกรทเตอร์ เดน ผู้ทรงอำนาจแห่งดอค สตาร์ ซิริอุส โดยมีได้รับมอบ หมายในการสร้างความมั่นใจว่า บรรดาสุนัขทั้งหลายได้ทำตามลิขิตที่ถูกบัญชาไว้
ถึงแม้ว่าเหล่าสมาชิกสุนัขของเพื่อนบ้านโอเวน ซึ่งต่างถูกผูกไว้กับสายจูง จะพยายาม โน้มน้าวสักเท่าไรก็ตาม ไม่ช้าไม่นานต่อมา ฮับเบิลเองก็ได้ค้นพบความจริงอันน่าอับ อายของหมาแห่งดาวโลกว่า : "พวกนายเป็นแค่สัตว์เลี้ยง!"
คราวนี้ โอเวน (เด็กชายผู้ไม่เคยมีเพื่อน) และฮับเบิล (สุนัขที่ไม่ต้องการมีเพื่อน) ต้องร่วมกันตระเตรียมบรรดาสุนัขในละแวกบ้าน เพื่อต้อนรับการมาเยือนของ เดอะ เกรทเตอร์ เดน - หรือมิฉะนั้นหมาทุกตัวจะถูกกำจัดไปจากโลก! ชะตากรรมของเหล่า หมาบนโลกกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย และมันขึ้นอยู่กับโอเวน, ฮับเบิล, และเหล่า สหายสี่ขา ในการที่จะปกป้องเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ การใช้เทคโนโลยีด้านวิชวลเอ็ฟเฟ็ค รวมเข้ากับการฝึกสอนอย่างตั้งใจที่ใช้ เวลายาวนานอันมิอาจนับได้ กับดาราสุนัขแสนฉลาด และร่วมด้วยผู้ให้เสียงอีกมาก มาย (อาทิเช่น เดลต้า เบิร์ก, โดแนลด์ ไฟสัน, ชีช มาริน, บริตตานีย์ เมอร์ฟีย์, คาร์ล ไรเนอร์, และแวนเนสซา เรดเกรฟ) ภาพยนตร์เรื่อง GOOD BOY! เป็นการผจญภัย ที่เรียกเสียงหัวเราะได้ทุกนาที และเต็มไปด้วยความสนุกสนาน พอๆกับความซึ้งใจ ซึ่งรับรองได้ว่าจะประทับใจผู้ชมทั้งครอบครัว - และคนรักหมา - ทั่วไปทั้งดาวโลกMGM Pictures ภูมิใจเสนอ ผลงานภาพยนตร์ของ Jim Henson Pictures เรื่อง GOOD BOY! นำแสดงโดย มอลลี่ แชนนอน, เลียม ไอเคน, และเควิน นีลอน และให้ เสียงพากย์ โดย, แมทธิว โบรเดอริค, เดลต้า เบิร์ก, โดแนลด์ ไฟสัน, ชีช มาริน, บริตตานีย์ เมอร์ฟีย์, คาร์ล ไรเนอร์, และแวนเนสซา เรดเกรฟ กำกับการแสดงโดย จอห์น ฮอฟแมน และการเขียนบทภาพยนตร์ของเขา จากเรื่องราวในบท โดย เซเก้ ริชาร์ดสัน และฮอฟแมน, ภาพยนตร์เรื่องนี้ อำนวยการสร้างโดย ลิซ่า เฮนสัน และ คริสทีน เบลสัน, อำนวยการบริหารโดย สเตฟานี แอลเลน
ทีมงานผู้มีฝีมือ ได้แก่ ผู้กำกับภาพ เจมส์ เกลนนอน, ผู้ออกแบบฝ่ายศิลป์ เจอรี่ แวเน็ก, ผู้ลำดับภาพ เครก พี เฮอริ่ง, ผู้ประพันธ์เพลง มาร์ค มาเธอร์สบาห์, และร่วมอำนวยการสร้าง โดย บิล แบนเนอร์แมน
เด็กชายกับสุนัข : สาระสำคัญที่ถูกขยายความ
เมื่อสุนัขอวกาศ แคนิด 3942 ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางท่องกาแล็กซี่ ทำยาน อวกาศตกลงบนเนินเขาแห่งหนึ่งของอเมริกา สิ่งสุดท้ายที่เขาหวังเอาไว้ ก็คือการถูกจับ ไปขังไว้ที่สถานดูแลสัตว์ ที่ซึ่งในอีกไม่นานต่อมา เขาถูกขอไปเลี้ยงโดยเด็กชายวัย 12 และเมื่อเด็กชายวัย 12 คนนั้น ซึ่งก็คือโอเวน ผู้รับจ้างพาสุนัขเดินเล่น ได้รับเลี้ยงเจ้าสี่ขา ท่าทางประหลาดไปนั้น เขา ไม่ เคยคาดฝันว่าที่ได้พบว่าสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ของเขา - ซึ่งถูกตั้งชื่อว่า ฮับเบิล - จะกำลังอยู่ระหว่างการปฏิบัติงานนอกอวกาศ การผจญภัยที่ แท้จริงเริ่มต้นขึ้น เมื่อโอเวนหลุดเข้าไปอยู่ในวงจรของคลื่นกระแสสลับ ที่ใช้สื่อสาร ระหว่างสุนัข และพบว่าเขากลายเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวที่สามารถได้ยินสุนัขพูด และที่น่าตกใจไปกว่านั้น ก็คือสิ่งที่บรรดาเจ้าตูบ - ฮับเบิล, เชพ, บาร์บาร่า แอน, วิลสัน และเนลลี่ - อยากจะบอกกับเขา ตัวของโอเวนเองนั้น ก็มีปัญหามากพออยู่แล้ว : พ่อแม่ของเขา, นายและนาง เบเคอร์ มีอาชีพซื้อบ้านเพื่อเข้าอยู่ และซ่อมแซม ตกแต่ง เพื่อขายต่อทำกำไร โอเวนเริ่ม รู้สึกถึงความเครียด ในการที่จะต้องย้ายที่อยู่ไปตลอดเวลา และรู้สึกว่าเป็นการยาก ที่จะมีเพื่อน โดยเฉพาะเมื่อบรรดาเด็กหัวโจกในละแวกบ้าน ไม่ยอมปล่อยให้เขาอยู่ ตามลำพัง
ตอนนี้เขามีหมาพูดได้ ที่เฝ้าบอกกับเขาว่า นอกเสียจากพวกเขาจะสามารถ พิสูจน์กับ เดอะ เกรทเตอร์ เดน (ผู้ครองจักรวาล) ได้ว่า สุนัข - มิใช่มนุษย์ - คือผู้ที่ ควบคุมโลก มิฉะนั้นแล้วสุนัขทุกตัวบนโลก จะถูกเรียกตัวกลับไปยังดาวแม่ - ซิริอุส จนหมดสิ้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอนาคตที่มิอาจยอมรับได้ โอเวนจึงต้องยอมก้าวเข้า สู่แผนการณ์เหนือชั้น เพื่อร่วมกับฮับเบิลและบรรดาพลพรรคสี่ขาบนโลก ในการตบตา เจ้าแห่งกาแล็คซีให้ได้ แต่ก็เช่นเดียวกับแผนการณ์ยอดเยี่ยมทั้งหลายในโลกนี้ ซึ่งไม่เว้นแม้แต่กับ …หมา…แผนที่ว่านี้ก็ต้อง -"เบี่ยงเบน" เช่นกัน โอเวนและฮับเบิลทำอย่างดีที่สุด เพื่อปกป้องหมาแห่งดาวโลก และระหว่างการทำงานร่วมกันนั้น สิ่งแรกที่ทั้งคู่ได้พบ ก็คือความหมายของความรักและความซื่อสัตย์ ที่หมายถึงการมี...และเป็น..เพื่อนรัก
การให้อิสระแก่นักแสดง
มีคติพจน์เก่าแก่ของการสร้างหนังที่ว่า : "จงอย่าทำงานกับเด็กๆ และสัตว์" ซึ่งในเรื่อง Good Boy! นั้นมันไม่มีทางเลี่ยงเลย วลีนี้ถูกโยนให้กับผู้กำกับการแสดง และผู้อำนวยการสร้างหลายต่อหลายครั้ง จนนับไม่ถ้วน นับตั้งแต่เริ่มการทำงานสร้าง; ทีมงานเฝ้าสงสัยว่าพวกเขากัดอาหารคำใหญ่เกินกว่าจะเคี้ยวเข้าไปหรือเปล่า ด้วยเรื่อง ราวของเด็กชายกับสุนัขพูดได้ที่แสนจะน่าขันแต่ผู้เขียน/กำกับการแสดงจอห์น ฮอฟแมน และผู้อำนวยการสร้าง ลิซ่า เฮนสัน และคริสทีน เบลสัน ยังคงยึดมั่นอยู่กับความตั้งใจ ของพวกเขา ที่จะรับความท้าทาย และพร้อมที่จะเรียนรู้กลเม็ดใหม่ๆ
ผู้ที่ตกลงใจมอบความรับผิดชอบให้กับผู้กำกับการแสดงภาพยนตร์เรื่องยาวเป็น ครั้งแรก ซึ่งต้องทำงานร่วมกับเด็กและสุนัขนั้น มิใช่ใครอื่น หากเป็นบรรดาผู้อำนวย การสร้างนั่นเอง และเป็นอะไรที่ไม่มีปัญหาในการสร้างด้วย "ตอนที่เราทำงานกับ สคริปท์" เฮนสันกล่าว "จอห์นแสดงเป็นตัวละครทุกตัว - เด็กๆ, หมา, ผู้ใหญ่ จนวันนึงผมคิดได้ว่า เขาน่าจะกำกับเรื่องนี้นะ"
"จอห์นมีอารมณ์ร่วมกับวัตถุดิบ และปรารถนาอย่างแรงกล้ากับหนัง ที่มีผลต่อผู้อื่นและน่าประทับใจ" เบลสันบอก "เขาทำให้เรารู้สึกว่า งานบนแผ่นกระดาษออกมาโลดแล่นอย่างมีชีวิต และนั่นคือสิ่งที่เราต้องการให้เขาทำต่อคนดู พลังงานและความคิดเชิงบวกของเขา ทำให้เขาเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตำแหน่งนี้"
ในการรวบรวมงานทุกอย่างให้เป็นภาพยนตร์นั้น หนึ่งในบรรดาข้อบัญญัติส่วนตัวของฮอฟแมนนั้นก็คือ "ตัวแสดงคือหัวใจสำคัญ" ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ตัวแสดงหลัก คือ เด็กสี่คน, สุนัขหลายตัว, และผู้ใหญ่เพียงไม่กี่คน ซึ่งฮอฟแมนรู้สึกว่าเขาจะทำงานต่อไปได้ ต่อเมื่อเขาได้คนที่ถูกต้อง - และบรรดาสุนัข - ที่จะทำงานในสิ่งแวดล้อมแบบนั้นได้ นักแสดงจะต้องมีพรสวรรค์ และพวกเขาจะต้องมีความอดทน และต้องพร้อมใจที่จะร่วมงานกับนักแสดงสี่ขา ตัวแสดงสุนัขต้องฉลาด และได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี และพวกเขาต้องการอาหารเม็ดเยอะๆ
"ผมช่างโชคดีอย่างเหลือเชื่อ" ฮอฟแมนกล่าว "ในตอนเริ่มต้น ทุกคนบอกว่าผมต้องบ้าไปแล้ว แต่มันไม่ได้ยากไปกว่าการทำหนังเรื่องอื่นๆ เลย" หนึ่งในหลายเหตุผลที่เขาคิดว่า เป็นประสบการณ์แห่งความสำเร็จ ก็คือดาราของเรื่อง เลียม ไอเคน "เลียมเป็นคนที่ทำให้เราประหลาดใจมาก เขามีพรสวรรค์ และเป็นดารารุ่นเยาว์มืออาชีพ" เขากล่าวต่อ "ทุกคนถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก เมื่อได้เข้ามาร่วมงานกับเรา"
เฮนสันเห็นด้วยว่าไอเคน นำมาซึ่งคุณสมบัติพิเศษในการเป็น โอเวน เบเคอร์ เด็กชายนิสัยดีผู้เดียวดาย "เลียมเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยม" เธอบอก "เขาเป็นธรรมชาติมากเมื่อเข้ากล้อง แต่เขาก็คงความเป็นมืออาชีพในการทำงาน ตอนเข้าฉากกับฮับเบิลและสุนัขตัวอื่นๆ เราจะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำ และ เชื่อ จริงๆ ว่าพวกหมากำลังคุยกับเขา เขาจะฟัง โต้ตอบ และมีสมาธิ - ซึ่งเป็นเรื่องยาก แม้แต่กับผู้ใหญ่ที่ทำงานแสดงมาหลายปีแล้ว!"
"เราใช้เวลานานมาก กว่าจะได้พบเลียม" เบลสันเล่า "เกือบสายไปแล้วตอนที่เราเจอเขา แล้วเราก็แทบตั้งตัวไม่ติดในตอนนั้น เขาเต็มไปด้วยความรู้สึก เขาเป็นคนที่มีใบหน้าที่แสดงความรู้สึกมากที่สุดเท่าที่เคยเจอมา เขามีประสบการณ์แต่ก็คงความเป็นธรรมชาติด้วย เขาเป็นมืออาชีพ จนกระทั่งสามารถใช้เวลาถ่ายทำเพียงไม่กี่เทค แม้ว่าจะเป็นสถานการณ์ที่ยากเย็นที่สุด ในขณะที่ผู้ฝึกทุกคนแข่งกันตะโกนสั่งหมา และมีความชุลมุนวุ่นวายอยู่รอบด้าน"
เหล่านักแสดงสี่ขานั้น ก็น่าทึ่งไม่แพ้เด็กๆ เช่นกัน การคัดเลือกตัวแสดงสุนัขของฮอฟแมนนั้น เหมือนกับที่เขาคัดตัวนักแสดงที่เป็นคน ทุกกระเบียดนิ้ว
"ไม่ว่าเป็นคนหรือสัตว์ ผมเลือกให้เหมาะกับตัวละคร" ฮอฟแมนกล่าว "ผมรู้จักตัวละครทุกตัวในสคริปท์อย่างทะลุปรุโปร่ง และหานักแสดงที่สามารถแสดงออกถึงคุณสมบัติเฉพาะอย่างที่ผมต้องการ ในการคัดตัวสุนัขเพื่อรับบท ฮับเบิล ผมรู้ว่าผมต้องใช้ประเภทที่จัดการได้ในระดับกลาง ซึ่งสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ ก็คือความอ่อนโยนและต้องการคนกอด มันอาจฟังดูแปลกๆ ที่จะใช้คำบรรยายแบบนั้น แต่เวลาที่เราต้องดูตัวหมานับร้อย และสังเกตุบุคลิก และความฉลาดที่แตกต่างกันออกไปในหมู่พวกมัน การใช้คำแบบนั้นนับว่าเหมาะสมแล้ว ตอนที่ผมเจอฟลินน์ ผมรู้ได้ว่ามันคือ ฮับเบิล หมาตัวนั้นมีคุณสมบัติของดารา"
บรรดาเจ้าของของฟลินน์ ไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรในตอนแรก ที่จะยอมให้สัตว์เลี้ยงของพวกเขากลายเป็นดารา แต่ด้วยความสนุกสนานของสคริปท์ และความรักที่ฮอฟแมนมีต่อสุนัขอย่างเห็นได้ชัด บวกกับความเชื่อมั่นของเขาที่ว่าสุนัขของพวกเขาเป็นสิ่งพิเศษ จึงชนะใจทุกคน จนฟลินน์ได้เข้าร่วมทีมดารา
เมื่อมีสัตว์มากมายที่ต้องเข้ากล้อง "เรารู้ว่าถ้าอยากให้หนังออกมาดี จะต้องเลือกคนฝึกสัตว์ที่ถูกต้อง" เบลสันกล่าว "ไลน์โปรดิวเซอร์ของเรา บิล แบนเนอร์แมน ได้เลือก บอนนี่ จัดด์ ซึ่งเป็นการเลือกที่ยอดเยี่ยมที่สุด" จัดด์ไม่ได้เป็นคนแปลกหน้า กับการทำงานร่วมกับสัตว์ และเมื่อมาร่วมทีมนั้น เธอค่อนข้างมั่นใจว่ามีเวลามากพอที่จะสอนบรรดาสุนัข พวกมันต้องถูกเตรียมตัวโดยเฉพาะ สำหรับงานและความอดทนกับเรื่อง Good Boy! ดังนั้นพวกมันจึงถูกฝึกนานนับเดือนก่อนหน้าการเริ่มต้นอื่นๆ "พวกมันน่าอัศจรรย์มาก" เบลสันพูดต่อ "พวกสุนัขเก่งในการยืนให้ตรงจุด และทำตามคำสั่ง จริงๆ แล้วมันง่ายกว่าที่คิดเอาไว้มาก"
ในขณะที่การคัดเลือกตัวแสดงนำที่เป็นสุนัข และนักแสดงเด็กที่เยี่ยมยอด เป็นความต้องการสำหรับภาพยนตร์เรื่อง Good Boy! นั้น ทางทีมผู้สร้างยังต้องเสาะหาตัวละครที่น่าเชื่อถืออย่างปอนๆ สำหรับพ่อแม่ของโอเวน - นายและนางเบเคอร์ ซึ่งได้ถูกค้นพบในตัวนักแสดงตลกที่มีพรสวรรค์ (และอดีตดาราจาก Saturday Night Live) อย่าง มอลลี่ แชนนอน และเควิน นีลอน แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นที่รู้จักดีจากผลงานคอมเมดี้ ที่รู้จังหวะการทิ้งช่วงให้ผู้ชมหัวเราะมาแล้วมากมาย แต่ทั้งแชนนอนและดีลอน ก็สามารถแสดงออกถึงความซาบซึ้งใจอย่างอ่อนโยน ในการรับบทพ่อแม่ของโอเวนได้เป็นอย่างดี การถ่ายทอดงานแสดงอย่างรู้คิดของทั้งคู่ สร้างความแตกต่างจากความสำเร็จของการเป็นตัวละครตลก มากกว่าการล้อเลียนเสียดสี
ในการบรรยายถึงตัวละครนั้น นีลอนตั้งข้อสังเกตุว่า "พวกเบเคอร์ก็เหมือนคู่สามีภรรยาทั่วไป เพียงแต่พวกเขามีงานอดิเรกที่ประหลาด อย่างชอบซ่อมแซมบ้านแล้วก็ย้ายไปเรื่อยๆ ผมแน่ใจว่ามันต้องมีประเด็นทางจิตวิทยาซ่อนอยู่เบื้องหลัง นายเบเคอร์สร้างบ้านนก แค่ซ่อมแซมบ้านคนยังไม่เพียงพอ เขาจึงต้องสร้างบ้านให้นกด้วย เขาต้องสร้างรังให้พวกมัน"
นีลอนถูกดึงดูดโดยเรื่องนี้ เพราะเขาสนุกกับสคริปท์เป็นอย่างมาก "มันเป็นเรื่องที่มองผ่านจากสายตาของเด็กผู้ชายที่ซึ้งมาก" นีลอนกล่าว "มันยังเป็นหนังแฟนตาซีที่ยอดเยี่ยม สำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ - การมาเยือนของสุนัขจากดาวอีกดวง และการได้ผจญภัยแบบนั้นเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นมาก แต่เด็กชายต้องย้ายบ้านอยู่ตลอดเวลาเขาจึงไม่มีเพื่อนสนิท จนในที่สุดเขาก็ได้มีเพื่อน และกลับกลายเป็นว่าเพื่อนอาจไม่ได้อยู่ด้วยนานนัก มันเป็นเรื่องที่กินใจ"
"ฉันได้อ่านสคริปท์แล้วก็ตกหลุมรัก" แชนนอนกล่าว เธอเห็นว่านางเบเคอร์ เป็นคนที่มีความตั้งใจดี แต่ถูกรุมเร้าไปด้วยปัญหาในตอนนั้น "เธอสนใจใยดีต่อครอบครัวมาก" เธอพูดต่อ "แต่เธอมีงานอดิเรก ในการซื้อบ้านมาตกแต่งใหม่ แล้วก็ขายทำกำไร และเธอก็ถูกครอบงำมากไปนิด - จนเกือบจะเทียบเท่ากับการสูญเสียความสัมพันธ์กับลูกชายตัวเอง"
สำหรับแชนนอน โอกาสที่ได้รับบทเป็นนางเบเคอร์นับเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดใจยิ่ง จอห์น ฮอฟแมนกับเธอเป็นเพื่อนที่สนิทกันมานาน และการได้ทำงานร่วมกับเขาในฐานะผู้กำกับการแสดงเป็นเรื่องแรก นับเป็นความน่ายินดีเป็นพิเศษ "ในตอนแรก มันดูแปลก เพราะเรารู้จักเพื่อนในแบบหนึ่ง" แชนนอนกล่าว "ฉันรู้จักจอห์น แบบที่เราไปกินข้าวเย็นด้วยกัน มันจึงดูประหลาดเวลาได้เห็นเขาทำงาน และรับผิดชอบกับคนพวกนี้ ฉันเคยมีแต่เขากับตัวเอง แต่มันเป็นสิ่งที่ดีมาก เขาดูตื่นเต้นและมีชีวิตชีวา ฉันรู้สึกว่าโชคดีมาก ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมในชีวิตของเขา"
หากแม้นเราพูดแทนสัตว์ได้…
อาจต้องใช้ภาพแอนิเมชั่นจากคอมพิวเตอร์ ในการทำให้สุนัขขยับปากได้ แต่นักแสดงผู้ที่ให้เสียงต่างหากที่ทำให้ตัวละครมีชีวิตขึ้นมา ทีมผู้สร้างได้รวบรวมบรรดาผู้มีพรสวรรค์ทางด้านเสียง เพื่อสร้างบุคลิกให้กับสุนัขแต่ละตัว ทั้งสำนวนและสำเนียงที่เป็นแบบของตนเอง - และเสียงเหล่านี้ คือสิ่งที่ทำให้สุนัขโลดแล่นจากจอเข้าสู่ใจของคนดู รวมเข้ากับความสามารถทางเทคนิคของบรรดาแอนิเมเตอร์ หมาพูดได้จึงดูยิ่งกว่าเหมือน จริง
นักแสดงเจ้าของรางวัลอย่าง แมทธิว โบรเดอริค เป็นผู้ให้เสียงกับสุนัขตัวเอกของเรื่อง ซึ่งโอเวนตั้งชื่อว่า ฮับเบิล เป็นสุนัขพันธุ์บอร์เดอร์เทอเรีย โบรเดอริคเข้ามามีส่วนร่วมกับภาพยนตร์เรื่องนี้จากการแนะนำของเพื่อนคนหนึ่ง "ผมรู้จักมอลลี่ แชนนอนพอสมควร และเธอก็รู้จักผู้กำกับฯ จอห์น" โบรเดอริคเล่าว่า "มอลลี่บอกว่า 'รู้มั้ย จอห์นเก่งมาก และเขาอยากได้ตัวเธอ และเธอควรจะอ่านเรื่องนี้' ผมก็เลยอ่านมัน และคิดว่าเป็นสคริปท์ที่ฉลาด และสนุกมาก"
เมื่อเอ่ยไปถึงตัวละครของเขา โบรเดอริคกล่าวว่า "เขาเป็นเจ้าหน้าที่ระดับกลาง ที่มายังโลกเพื่อจัดระเบียบหมาตัวอื่นๆ เพราะพวกมันไม่ได้เข้าครอบครองโลก อย่างที่ควรจะทำ" เมื่อฮับเบิลและโอเวนเริ่มต้นการผจญภัยของพวกเขา โบรเดอริคก็สนุก สนานกับการได้เห็นผลงานของเขาหลั่งไหลออกจากปากของฮับเบิล "มันเป็นความคิดที่น่าขัน เมื่อได้ยินเสียงของผมออกมาจากปากสุนัข" เขากล่าว
บริตตานีย์ เมอร์ฟีย์ ให้เสียงเนลลี่ สุนัขพันธ์อิตาเลียนเกรย์ฮาวนด์ ขี้ตกใจจนเกินไป แต่ทว่าช่างอ่อนหวานอย่างเหลือเชื่อ "เนลลี่ค่อนข้างตื่นเต้นง่ายไปนิด" เมอร์ฟีย์เล่า "แต่เธอชื่นชมกับการมีชีวิตและใช้เวลาทุกวินาทีอย่างคุ้มค่า"
เสียงของนักแสดงเพียงอย่างเดียวนั้น นับว่าไม่ได้เป็นเครื่องมือปกติ ที่บรรดานักแสดงทั่วไปใช้ในการแสดงความรู้สึกของพวกเขา - ไม่มีการใช้ภาษามือ, ภาษากาย, หรือสีหน้า แต่เมอร์ฟีย์มีความสามารถระดับมืออาชีพ ในการใส่สีสันของเสียง (เธอเป็นสมาชิกของทีมพากย์การ์ตูนซิทคอมเรื่อง King of the Hill) และสนุกสนานกับความท้าทายที่มากับการแสดงออกถึงอารมณ์ของตัวละคร ผ่านหลอดเสียงของเธอ เมอร์ฟีย์กล่าวถึงความเกี่ยวข้องของเธอกับเรื่อง Good Boy! ว่า "ฉันคิดว่าเรื่องนี้มีความหมายหลายประการ ฉันรักสไตล์การกำกับฯของจอห์น ฉันรักตรงที่เขารักษาความใจเย็นไว้ได้ ฉันรักที่เขากล้าสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับเด็กๆ และสุนัข มันเป็นเรื่องที่สนุกมาก ฉันพบว่าตัวเองไม่อยากกลับออกไปจากสตูดิโอ งานนี้เป็นหนึ่งในบรรดางานที่ฉันชื่นชอบที่สุดตลอดกาล"
โดเนลด์ ไฟสัน ซึ่งให้เสียงบ็อกเซอร์ตัวยักษ์ ชื่อวิลสัน สะท้อนเป็นเสียงเดียวกับเมอร์ฟีย์ในความกระตือรือล้นที่จะทำงานว่า "เป็นเหมือนความฝันที่กลายเป็นจริง เมื่อได้กลายเป็นตัวละครที่ถูกสร้างโดยดิจิตอล" เขากล่าว "ผมเป็นหมาที่ตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่ม มันเจ๋งมากเลย"
ไฟสันบรรยายถึงวิลสันว่า "มันเป็นหมาแสนฉลาด วิลสันเป็นหมาแบบที่ถ้าได้ยินใครพูดอะไรโง่ๆ ให้ได้ยินขึ้นมา เราจะได้ยินเสียงบ่นว่า 'โง่'"
ในการทำงานให้เสียงกับตัวละครของเขานั้น ไฟสัน (เช่นเดียวกับนักแสดงคนอื่นๆ) ทดลองใช้เสียงต่างๆ ระดับของเสียง และลูกเล่น ที่จะทำให้เสียงของวิลสันออกมาดีที่สุด "เพราะเป็นหมาตัวใหญ่ที่สุด ผมเลยบอกว่า 'ลองทำให้เสียงทุ้มกว่านี้หน่อย'" เขาเล่า "ถ้าเราดูหมาแต่ละตัวให้ดี มันจะมีสีหน้าและการเคลื่อนไหวของตัวเอง" ดังนั้นไฟสันจึงใช้การสังเกตุเป็นตัวบ่งชี้ ถึงสิ่งที่ทำให้เขาคิดว่าตัวละครของเขาควรจะมีเสียงอย่างนั้น
คาร์ล ไรเนอร์ ดาราคอมเมดี้แห่งตำนาน ก็ทำอย่างเดียวกัน "พอผมได้เห็นหมา" ไรน์เนอร์กล่าว "ผมก็เริ่มพูดแบบนั้นทันที นับเป็นเรื่องน่าเอ็นดู ที่เป็นไปโดยธรรมชาติถ้าเราทุ่มเทให้มัน" ไรเนอร์เป็นผู้ให้เสียงของเชพ สุนัขพันธุ์เบอร์นีส เมาท์เทน เขารู้ว่าเชพเป็นจอมโจ๊ก ซึ่งมีผลกับงานเสียงของไรเนอร์ "เชพเป็นตัวตลก เขามีจังหวะตลกในตัวเขา"
ไรเนอร์ ตื่นเต้นมากกับงานหนังเรื่องนี้ "สำหรับอาชีพของผม นับว่าเรื่องนี้เป็นไฮไลท์ทีเดียว ไม่ต้องถอดชุดนอนด้วยซ้ำเวลามาทำงาน" เขาหัวเราะ "คนที่รักหมา จะรักหมาของเขา จริงๆ และทุกคนจะบอกอย่างนั้นว่า 'สาบานได้ว่ามันพูดได้ ฉันรู้ว่ามันพูดได้ เพียงแต่มันไม่พูดออกมา' ใครที่รู้สึกอย่างนั้นกับสัตว์เลี้ยง และสัตว์อื่นๆ จะรักเรื่อง Good Boy! พวกเขาจะบอกว่า "เห็นมั้ย? เราพูดถูก"
ชีช มาริน รับบท สุนัขมือขวา ของเดอะ เกรทเตอร์ เดน ซึ่งเป็นพันธุ์สิงโตจีน ชื่อ เดอะ เฮนช์แมน มารินเคยสร้างผลงานมีชื่อเสียงมาแล้วมากมาย และสนุกสนานกับอิสระในการแสดงด้วยเสียง "สิ่งที่ยอดเยี่ยมของในการทำงานให้เสียง ก็คือไม่มีจุดสูงสุดให้เอาชนะ ผมพบว่าเราจะไม่มีวันทำได้อย่างพอเพียง ยิ่งเราใส่พลังงานและเสียงดังเข้าไปให้กับตัวละครมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งระเบิดมากขึ้นเท่านั้น"
มารินยังสนุกสนานกับการทำงานให้เสียงของสุนัข เนื่องจากเคยผ่านงานมาหลายครั้งแล้ว "ผมเคยเล่นเป็นหมามาก่อนแล้ว" เขาเล่า "ผมเคยเป็นพันธุ์ชิวาว่า เคยเป็นไฮยีน่า ถ้าเราอยากได้หมา ชีชจะเป็นตัวที่เราเลือก" ซึ่งผู้สร้างทุกคนต่างก็เห็นด้วยแล้วเสียงใครเล่าจะเหมาะกับบทของพูดเดิ้ลผู้มีกิริยา อย่างบาร์บาร่า แอน ได้เท่ากับเดลต้า เบิร์ก ที่แสนสวยและน่าขัน? เบิร์กกล่าวถึงตัวละครของเธอว่า "บาร์บาร่า แอน มีขนพองสวย เธอเคยประกวดมาหลายงาน และชนะรางวัลมากมาย เธอได้คะแนนเต็มทุกวิชาจากโรงเรียนฝึกสุนัขและชอบคุยให้คนอื่นรู้ - เต่ด้วยวิธีที่ดีนะ"
เช่นเดียวกับคนอื่นๆ เบิร์กทดลองเล่นเสียงของเธอจนกระทั่งพบเสียงที่เหมาะกับบาร์บาร่า แอน และนั่นก็ไม่ง่ายเสมอไป "ฉันต้องหัวเราะให้กับตัวเอง" เธอกล่าว "ฉันนั่งอยู่ในห้อง และทุกคนคอยให้ฉันคำราม ตอนนี้ฉันเห่าเป็นแล้วนะ ฉันพอจะขู่ได้ แต่มีปัญหากับการคำราม พอมองไปรอบๆ ก็เห็นทุกคนกำลังทำอยู่ เหมือนพยายามจะช่วย และฉันก็พยายามที่จะทำให้ถูกต้องให้ได้ แต่จมูกฉันไม่โด่ง ก็เลยมีข้อจำกัด ฉันไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองโง่ขนาดนี้มาก่อน มันคงจะประทับในความทรงจำของฉัน และจะทำให้ฉันหัวเราะได้ในตอนนี้และอีกหลายครั้งเมื่อชีวิตดำเนินต่อไป
"แต่ฉันยอมรับว่าเป็นเรื่องสนุกมากที่ได้ทำงานนี้" เธอพูดต่อ "ฉันคิดว่าพวกหมาน่าขบขันมาก และฉันรักหมา มันจึงเป็นเรื่องเพอร์เฟ็คสำหรับฉัน"
การฝึกฝนสุนัข
Good Boy! เป็นเรื่องราวลวงตาที่เรียบง่าย ซึ่งต้องการความเอาใจใส่ และการเตรียมการอย่างมาก และต้องใช้มากกว่าการพึ่งพาเทคโนโลยีใหม่ๆ และทีมผู้สร้างรู้สึกว่าการใช้สุนัขจริงนับเป็นสิ่งจำเป็น ในการสร้างเวทย์มนตร์ ของความสัมพันธ์ซึ่งเป็นหัวใจของเรื่อง พวกเขารู้ว่าการบรรลุเป้าหมาย ต้องการใช้ความอดทนอย่างเหลือเชื่อในการ 1) ทำให้ทีมดาราสุนัข ทำในสิ่งที่ต้องทำและเก็บบันทึกภาพของหนัง และ 2) ทำงานหลังจบการถ่ายทำ เพื่อให้สุนัขเหล่านั้นพูดได้
ความท้าทายที่ผู้ประสานงานฝึกสอนสัตว์อย่าง บอนนี่ จัดด์ และทีมงานของเธอต้องเผชิญ เป็นเรื่องของความยุ่งยากของสายพันธุ์ที่ต่างกัน ของบรรดาสุนัขซึ่งฮอฟแมนได้คัดเลือกให้เป็นตัวแสดงของเรื่อง เพราะในโลกของการฝึกสัตว์นั้น สุนัขบางชนิดจะฝึกได้ง่ายกว่าชนิดอื่นๆ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมสุนัขบางพันธุ์ถึงได้แสดงหนังแล้วแสดงอีก ทว่า ฮอฟแมนได้เลือกตามความเหมาะสมตัวละคร และได้ตัดสินใจไปแล้ว ฮับเบิลไม่อาจกลายเป็นสุนัขเยอรมันเช็ฟเฟิร์ด หรือแลสซี่ อย่างที่แลสซีก็ไม่อาจเป็นแลบราดูเดิลได้จัดด์และทีมงานของเธอ ใช้เวลาที่ยาวนานไม่รู้จบ ในการใส่ความเป็นตัวละครลงไปให้กับบรรดาสุนัขที่ได้รับการคัดเลือก ในขณะที่หนังเรื่องอื่นๆ สุนัขต้องแสดงกลเม็ดหลายอย่าง แต่ในเรื่อง Good Boy! นั้นแตกต่างออกไป ในเรื่องนี้กลเม็ดก็คือสุนัขต้องแสดงเป็นสัตว์เลี้ยงธรรมดา ที่ทำตัวเป็นปกติ…นอกจากตอนพูดกับโอเวนหรือคุยกันเอง มันเป็นการฝึกหัดเทคนิคการจับกลุ่ม วางแผน และหายใจลึกๆ ซึ่งจะมีเพียงครูฝึกมืออาชีพเท่านั้นที่จะสังเกตุเห็น และชื่นชมกับบางช่วงที่ยากเย็นในหนัง
"'นั่ง นิ่ง' นั้นง่าย" จัดด์บอก "แต่ 'นั่ง นิ่ง' ในขณะที่สุนัขต้องคาบเดือยพลาสติคเพื่อบังคับให้หุบปาก สำหรับงาน CGI [computer graphics imaging] นั้นไม่ง่าย ดังนั้น ตอนที่เรามีหมาเจ็ดตัวและทุกตัวต้องจ้องไปที่จุดๆ หนึ่งในเวลาเดียวกัน เพื่อใช้กับงาน CGI ที่เรารู้ว่าจะเกิดขึ้นในภายหลัง - เป็นเรื่องที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง!
"หลายคนคงคิดว่าเราใช้วิธีถ่ายให้ฉากแยกกัน แต่เปล่าเลย" จัดด์กล่าวต่อ ถ้าหากว่า เลียม ไอเคนเข้าฉากกับหมาในปาร์ค สุนัขทุกตัวก็อยู่ที่นั่นด้วย พวกมันจะยืนอยู่ตรงหน้าเลียม ในจุดของตัวเอง และข้างหลังเลียมก็จะมีกลุ่มครูฝึก หนึ่งคนต่อสุนัขหนึ่งตัว ซึ่งจะออกคำสั่งโดยการพูดและใช้มือให้สัญญาณที่จำเป็น เพื่อให้พวกมันทำตามที่ต้องการ มันต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมากสำหรับเลียม ที่จะไม่วอกแวกไปกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นรอบๆ ตัวเขา โชคดีที่เขาทำได้ - การที่เลียมและหมาได้เข้าฉากร่วมกันนั้น นับเป็นการเชื่อมโยงอย่างแท้จริง ระหว่างบรรดาหมาแสนรู้และเพื่อนดาราของพวกมัน
จัดด์ชื่นชมเป็นอันมากกับผลงานที่ออกมา และเห็นได้ชัดว่าสนุกกับการที่ได้ร่วมงานกับฮอฟแมน "สิ่งที่ฉันชอบในการทำงานกับจอห์น" จัดด์พูด "ก็คือการที่เขามีหนังทั้งเรื่องอยู่ในหัว เขามั่นใจมากกับสิ่งที่เขาต้องการเห็น จึงไม่มีการทำงานแบบคาดเดา การได้เห็นเขามีความสุขกับสิ่งที่เราทำนับเป็นเรื่องน่าชื่นใจ"
สร้างบ้านสุนัขที่ดีกว่า
เมื่อเรื่องราวเกี่ยวข้องกับสุนัขที่เดินทางมาจากนอกโลก ภาพในหนังก็ควรดูพิเศษกว่าด้วย ผู้กำกับฯ ฮอฟแมน และผู้ออกแบบฝ่ายศิลป์ เจอรี่ แวเน็ค จึงอยากให้ Good Boy! ดูมีสีสัน "เราอยากให้มันออกมาเป็นสีสวยงามและให้กำลังใจ" แวเน็คกล่าว "เรายังต้องการภาพที่ชัดเจนระหว่าง 'ก่อนมี-ฮับเบิล' กับ 'หลังมี-ฮับเบิล' เราจึงเริ่มเรื่องด้วยการใช้สีโทนเย็น หลังจากที่ฮับเบิลมาถึง ทุกอย่างก็ดูอบอุ่นขึ้น และมีสีสันมากขึ้น"
แบ็คกราวนด์ของหนังส่วนมากมักเป็นสีธรรมชาติ เพื่อให้นักแสดงและเสื้อผ้ามีสีสันที่สดใสได้ เรื่อง Good Boy! แตกต่างไป ตรงที่แบ็คกราวนด์ จะมีสีเจิดจ้า "การให้สีเข้มตัดกับสีสดอื่นๆทำให้จับใจ" แวเน็คพูด "มันเป็นความเป็นไปได้ของความร้อนแรง และมันยากที่จะทำ เพราะสิ่งที่เราใส่เพิ่มลงไปหลังจากให้สีฉากแล้วจะไม่เข้ากัน"
ในตอนท้าย แวเน็คดีใจกับการตัดสินใจของพวกเขา "ผมดีใจมากที่เราผลักดันในสิ่งนั้น" แวเน็คพูด "มีหลายฉากที่มีชีวิตชีวามากขึ้นเพราะสีหลากหลายที่เราใช้"
ฮอฟแมนและแวเน็คยังเล่นกับอารมณ์ขันที่ว่า สุนัขและเจ้าของมักจะมีความคล้ายคลึงกัน "เราตกลงใจที่จะก้าวต่อไปอีกขั้น" แวเน็คพูด "สัตว์เลี้ยง เจ้าของก็เหมือน บ้านก็เหมือน" ยกตัวอย่างเช่น พวกเขาเพิ่มกระดาษโน้ตสีชมพูและต้นไม้ที่ตัดแต่งให้กับบ้านของบาร์บาร่า แอน เพื่อสะท้อนการตัดขนแบบพูดเดิ้ล และในที่สุด พวกเขาก็ได้สร้างบุคลิกที่แตกต่างให้กับตัวละครแต่ละตัว(ทั้งหมาและคน)
(ยังมีต่อ)
-รก-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit