ฟิทช์ประกาศอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ของบริษัทเงินทุน ธนชาติ ที่อันดับ A-(tha)

10 Mar 2003

กรุงเทพฯ--10 มี.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย)

ฟิทช์-กรุงเทพ/ลอนดอน บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ประกาศอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ระยะยาวที่ระดับ A-(tha) ให้กับหุ้นกู้ไม่มีประกันจำนวนรวม 5 พันล้านบาท ซึ่งจะหมดอายุในปี 2551 และปี 2553 ของ บริษัทเงินทุน ธนชาติ จำกัด (มหาชน) อันดับเครดิตระยะยาวและระยะสั้นของธนชาติ อยู่ที่ระดับ A-(tha) และ F2(tha) ตามลำดับ ด้วยแนวโน้มมีเสถียรภาพ อันดับเครดิตที่บริษัทได้รับสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเงินทุนของบริษัท รายได้ที่ปรับตัวดีขึ้น แต่คำนึงถึงหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่ได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ที่ยังมีอยู่

ธนชาติเป็นบริษัทเงินทุนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและเป็นหนึ่งในบริษัทเงินทุนเพียงไม่กี่บริษัทเงินทุนที่รอดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศที่เกิดขึ้นในปี 2540 เนื่องจากว่าธนชาติสามารถป้องกันปัญหาการขาดสภาพคล่องที่มาจากการถอนเงินฝาก และยังสามารถเพิ่มทุนได้ด้วยตัวเอง หลังจากวิกฤตเศรษฐกิจ ธนชาติได้ขยายสายงานธุรกิจของตนเองไปมากกว่าการเป็นวาณิชธนกิจและนายหน้าซื้อขายหุ้น ไปเน้นทางด้านธุรกิจสินเชื่อเพื่อบุคคลและสินเชื่อเพื่อบริษัท และนอกจากนี้ยังได้รับ ใบอนุญาตประกอบการธุรกิจธนาคารโดยจำกัดขอบเขตธุรกิจ ในต้นปี 2545 สำหรับบริษัทลูก บริษัทเงินทุน เอกชาติ ซึ่งภายหลังได้เปลี่ยนชื่อไปเป็น ธนาคาร ธนชาต จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้ กลุ่มธนชาติยังพัฒนาและลงทุนในธุรกิจประกัน ลงทุนในหนี้ด้อยคุณภาพ และมีบริษัทบริหารสินทรัพย์อีกด้วย

ธนชาติมีกำไรสุทธิในช่วงปี 2545 ที่ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมากจากกำไรสุทธิที่ 550 ล้านบาทสำหรับทั้งปี 2544 เนื่องจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของสินเชื่อเพื่อการเช่าซื้อรถยนต์และการกันสำรองที่ลดลง ธนชาติมีผลกำไรส่วนต่างของดอกเบี้ยคงที่ที่ 2.6% ในปี 2544 และมีผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นและผลตอบแทนต่อสินทรัพย์เฉลี่ยอยู่ที่ 9.8% และ 1.5% แม้ว่าการกันสำรองที่เพิ่มขึ้นนั้นน่าจะส่งผลต่อผลกำไรของบริษัทในช่วงสองถึงสามปีข้างหน้า เมื่อเทียบกับสถาบันการเงินอื่นๆ ธนชาติมีสัดส่วนค่าใช้จ่ายค่อนข้างต่ำ อยู่ที่ประมาณ 45% เนื่องจากธนชาติมีจำนวนสาขาที่น้อย ในขณะที่ธนชาติมีต้นทุนทางการเงินที่ค่อนข้างสูงเนื่องจากมีจำนวนสาขาที่รับเงินฝากอยู่น้อย แต่น่าจะดีขึ้นได้จากการพัฒนาขยายสาขาต่อไปในอนาคต

ระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนชาติจึงลดลงอย่างมากไปเป็นประมาณ 8.3 พันล้าน หรือ 11% ของสินเชื่อทั้งหมด ณ ปลายปี 2545

อย่างไรก็ตาม หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ส่วนใหญ่ของธนชาตินั้นได้รับการปรับโครงสร้างหนี้และบางส่วนได้ถูกโอนไปยังบริษัทบริหารสินทรัพย์ธนชาติ ซึ่งหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เหล่านี้ยังมีความเสี่ยงต่อการที่จะกลับไปเป็นหนี้ด้อยคุณภาพได้อีก ซึ่งอาจจะส่งผลให้ธนชาติต้องกันสำรองมากขึ้นได้ ธนชาติตั้งสำรองเพื่อหนี้เสียจำนวน 1.8 พันล้านบาทในปี 2545 หลังจากที่ได้กันสำรองไป 2.0 พันล้านในปี 2544 ณ สิ้นปี 2545 ธนชาติมีจำนวนเงินสำรองอยู่ที่ 3.9 พันล้าน หรือ 48% ของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ซึ่งอยู่ระดับที่ปรับตัวดีขึ้น แต่ยังคงต่ำเมื่อเทียบกับในประเทศอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ณ สิ้นปี 2545 ธนชาติมีเงินกองทุนขั้นที่หนึ่งอยู่ที่ 7.3 พันล้านบาท หรือ 12% ของสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งทำให้ธนชาติมีเงินทุนเพียงพอที่จะทำการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นถ้ามีความจำเป็น ถ้ามองในภาพรวมของบริษัททั้งกลุ่มแล้ว ธนชาติจะมีเงินทุนที่แข็งแกร่งขึ้นมาก เพราะเงินกองทุนขั้นที่หนึ่งส่วนหนึ่งได้ถูกกันไปเพื่อลงทุนในทุนของธนาคาร ธนชาต แม้ว่าธนชาติอาจจะจำเป็นต้องตั้งสำรองมากขึ้น และน่าจะส่งผลให้สัดส่วนเงินทุนของธนชาติลดลงในช่วงสองถึงสามปีข้างหน้า แต่รายได้ที่จะเกิดขึ้นและฐานะเงินทุนที่แข็งแกร่งนั้นน่าจะช่วยรองรับภาระการตั้งสำรองที่คาดว่าจะเกิดขึ้นได้

สำหรับรายงานของธนชาตินั้นหาได้จาก www.fitchresearch.com ติดต่อ

ดุษฎี ศรีชีวะชาติ, Vincent Milton, กรุงเทพฯ

+662 655 4762/4759

David Marshall, ฮ่องกง

+852 2973 6293

หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตระดับเพื่อการลงทุน หรือมีอันดับเครดิตอยู่ในระดับต่ำแม้จะอยู่ในระดับเพื่อการลงทุน อันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศจะอยู่ที่ระดับ "AAA" และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นถูกออกแบบมาเพื่อนักลงทุนภายในประเทศในแต่ละประเทศนั้นๆ และมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับแต่ละประเทศ เช่น "AAA(tha)" ในกรณีของประเทศไทย อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นไม่สามารถนำไปใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้--จบ--

-พห/ศน-