บอร์ดตลาดมีมติปรับหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่การตลาด และให้รอยเนทจัดประชุมผู้ถือหุ้น

03 Feb 2003

กรุงเทพฯ--3 ก.พ.--ตลาดหลักทรัพย์ฯ

นายชวลิต ธนะชานันท์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงมติการประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2546 ว่า หลังจากตลาดหลักทรัพย์กำหนดใช้หลักเกณฑ์อัตราค่าธรรมเนียมในการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2545 เป็นต้นมา พบว่าในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะปลายปี 2545 บริษัทสมาชิกส่วนหนึ่งประสบปัญหาในเรื่องการจ่ายค่าตอบแทนแก่เจ้าหน้าที่การตลาดในระบบการจ่ายค่าตอบแทนตามมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เกินกว่าร้อยละ 25 ของรายได้ค่าธรรมเนียมจากการซื้อขายหลักทรัพย์ เนื่องจากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ลดลง ทำให้บริษัทต้องเรียกเงินคืนจากเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการดึงตัวเจ้าหน้าที่การตลาด โดยการเสนอผลตอบแทนในระบบเงินเดือนคงที่ ที่อาจเข้าข่ายผิดข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์

"ตลาดหลักทรัพย์จึงได้นำความเห็นจากสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ และความเห็นจากที่ประชุมบริษัทสมาชิกเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา และเห็นควรให้มีการปรับหลักเกณฑ์ดังกล่าว โดยมีหลักการสำคัญคือผลตอบแทนของเจ้าหน้าที่การตลาดโดยทั่วไปจะไม่ลดลง โดยให้ปรับอัตราการจ่ายค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่การตลาดในระบบการจ่ายค่าตอบแทนตามมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ จากเดิมร้อยละ 25 เป็นร้อยละ 27.5 และกำหนดอัตราเงินเดือนสำหรับเจ้าหน้าที่การตลาดเป็นไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท หรือในกรณีที่เจ้าหน้าที่การตลาดปฏิบัติงานกับบริษัทมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ก็อาจปรับเงินเดือนได้เป็นไม่เกินร้อยละ 50 ของค่าตอบแทนเฉลี่ย 6 เดือน จากเดิมที่ไม่มีการกำหนด

นอกจากนี้ ได้ปรับเปลี่ยนงวดการจ่ายผลตอบแทนเจ้าหน้าที่การตลาดจากเดิมที่กำหนดว่าต้องจ่ายผลตอบแทนแต่ละงวด 3 เดือนต่อ 1 ครั้ง เป็นจ่ายได้ทุกเดือน" นายชวลิตกล่าว

สำหรับเจ้าหน้าที่การตลาดในระบบเงินเดือนคงที่ ให้กำหนดอัตราเงินเดือนไม่เกิน 20,000 บาท จากเดิมที่ไม่มีการกำหนด และอาจปรับเงินเดือนได้ทุก 6 เดือน สำหรับโบนัสได้กำหนดให้จ่ายได้ไม่เกิน 2 เดือนต่อปี ยกเว้นว่าเมื่อรวมกับเงินเดือนแล้วไม่เกินร้อยละ 25 ของค่าธรรมเนียมจากการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เจ้าหน้าที่การตลาดแต่ละรายทำได้ โดยกำหนดให้จ่ายได้ไม่เกิน 2 ครั้งต่อปี หรือจ่ายพร้อมกับการจ่ายให้พนักงานทั่วไปของบริษัท ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์จะต้องขออนุมัติการใช้หลักเกณฑ์ดังกล่าวจากคณะกรรมการ ก.ล.ต.ก่อน

ประธานกรรมการกล่าวว่า "การปรับหลักเกณฑ์ใหม่นี้เป็นการเปิดช่องให้สมาชิกพิจารณานำไปหารือและดำเนินการกับพนักงาน ทั้งนี้ ระบบนี้เป็นการเสนอทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าสำหรับเจ้าหน้าที่การตลาดเมื่อเทียบกับระบบเดิม"

ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์เดิมได้กำหนดให้จ่ายค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่การตลาด 2 ประเภท ประเภทที่ 1 คือค่าตอบแทนที่จ่ายตามมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์กำหนดไว้ไม่เกินร้อยละ 25 ของรายได้ค่าธรรมเนียมจากการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เจ้าหน้าที่การตลาดแต่ละรายทำได้ในแต่ละเดือน โดยค่าตอบแทนดังกล่าวส่วนหนึ่งต้องอยู่ในรูปของเงินเดือนประจำ และการจ่ายค่าตอบแทนแต่ละงวดต้องห่างกันไม่น้อยกว่า 3 เดือน ส่วนประเภทที่ 2 ให้จ่ายค่าตอบแทนคงที่เป็นรายเดือนในรูปของเงินเดือนประจำ โดยเจ้าหน้าที่การตลาดในระบบนี้จะได้รับเงินเดือนประจำคงที่ทุกเดือน และได้โบนัสไม่เกิน 2 ครั้งต่อปี

นอกจากนี้ คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ได้รับทราบรายงานการดำเนินการของตลาดหลักทรัพย์ต่อบริษัท รอยเนท จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ ซึ่งนำส่งงบการเงินไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2545 ที่ไม่ได้รับการรับรองจากผู้สอบบัญชี ซึ่งภายหลังปรากฏว่าผลการดำเนินงานของบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงจากกำไรสุทธิเป็นขาดทุนสุทธิ และจากผลการตรวจสอบข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์พบว่ากรรมการและผู้บริหารของบริษัทได้ขายหุ้นออกไปในระหว่างการรายงานงบการเงินดังกล่าว ตลาดหลักทรัพย์จึงได้ส่งเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ให้สำนักงานก.ล.ต.เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2546 เพื่อให้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

"คณะกรรมการได้ให้ความสนใจมากเป็นพิเศษเกี่ยวกับการดำเนินการของบริษัท รอยเนท จำกัด (มหาชน) จึงเห็นควรให้มีมาตรการเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลงบการเงินของบริษัทจดทะเบียน โดยเห็นชอบให้ตลาดหลักทรัพย์เพิ่มมาตรการเตือนผู้ลงทุน ในกรณีที่ผู้สอบบัญชีมีความเห็นว่า "ไม่แสดงความเห็น" หรือ "แสดงความเห็นว่างบการเงินไม่ถูกต้อง" ในรายงานงบการเงินของบริษัทที่ส่งเข้ามายังตลาดหลักทรัพย์ โดยตลาดหลักทรัพย์จะขึ้นเครื่องหมาย NP (แสดงให้เห็นว่าตลาดหลักทรัพย์อยู่ระหว่างรอข้อมูลจากบริษัท) และ H (หยุดพักการซื้อขายไม่เกิน 1 รอบการซื้อขาย) หรือ SP (สั่งห้ามการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว) จนกว่าบริษัทจะชี้แจงข้อมูลและนำส่งงบการเงินฉบับแก้ไขมายังตลาดหลักทรัพย์แล้ว ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ลงทุนได้เพิ่มความระมัดระวังในการอ่านรายงานงบการเงินของบริษัทให้รอบคอบ และระมัดระวังมากขึ้น โดยจะเริ่มปฏิบัติได้ในการรายงานงบการเงินไตรมาสที่ 4 หรืองบประจำปี 2545 ที่จะถึงกำหนดส่งในเดือนกุมภาพันธ์และเดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป" นายชวลิตกล่าว

ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์กล่าวด้วยว่า "เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้ถือหุ้นรายย่อยของบริษัท คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ได้สั่งการโดยใช้อำนาจตามมาตรา 172 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ให้บริษัทจัดประชุมผู้ถือหุ้นภายใน 1 เดือน หากบริษัทไม่แจ้งการจัดประชุมผู้ถือหุ้นภายใน 7 กุมภาพันธ์ 2546 นี้"--จบ--

-ศน-