กรุงเทพฯ--19 ก.พ.--สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์
กรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานการจัดการศึกษาระบบทวิภาคีตามหลักสูตรค้าปลีกตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมามีนักศึกษาระดับ ปวช.และครู-อาจารย์ เข้าร่วมโครงการแล้วประมาณ 1,500 คน ได้รับความรู้คู่ประสบการณ์เต็มที่ เพราะมีโอกาสเรียนรู้จากการสัมผัสงานจริง วางแผนปีนี้ขยายผลเปิดโอกาสเปิดโอกาสทางการศึกษาสำหรับนักเรียนระดับ ปวส.และพนักงานบิ๊กซีทั่วประเทศ รัฐย้ำถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีในการเสริมสร้างทรัพยากรบุคคลของไทย เพื่อพัฒนาศักยภาพรองรับตลาดแรงงานในอนาคต
ดร.พยุงศักดิ์ จันทรสุรินทร์ อธิบดีกรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า กรมอาชีวศึกษาได้ร่วมมือกับบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ในการจัดการศึกษาอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี ด้านค้าปลีกให้กับนักศึกษา เป็นการสร้างโอกาสทางการศึกษา เพิ่มพูนความรู้ ความสามารถ และศักยภาพของนักศึกษา โดยนักศึกษาจะได้เข้าสัมผัสกับการปฎิบัติงานจริงในสถานประกอบการได้เรียนรู้ระบบการทำงานที่หลากหลาย และครบวงจร รู้จักการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทั้งนี้ นักศึกษาจะได้รับความรู้ในด้านทฤษฎี และปฏิบัติจากทั้งสถานศึกษาและสถานประกอบการ และที่เพิ่มเติมคือได้เรียนรู้และรู้จักวัฒนธรรมขององค์กรซึ่งหาจากห้องเรียนไม่ได้ โดยนักศึกษาทวิภาคีสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้กับงาน เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการบุคลากรของสถานประกอบการเนื่องจากภาคธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การจัดการศึกษาอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีจึงสามารถช่วยให้ผู้เรียนสามารถมีงานทำ มีอาชีพรองรับเมื่อสำเร็จการศึกษาได้ในระดับดี โดยเฉพาะในระบบธุรกิจค้า ซึ่งปัจจุบันถือว่าเป็นธุรกิจที่ได้รับความสนใจจากคนจำนวนมาก
อธิบดีกรมอาชีวศึกษา กล่าวต่อไปอีกว่า ความร่วมมือระหว่างกรมอาชีวศึกษากับบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์หนึ่งในพันธมิตรของการจัดการศึกษาอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีได้ดำเนินการมาอย่างเข้มแข็ง และจริงจัง
ดังจะเห็นได้จากตลอดระยะเวลา 3 ปี จนถึงปัจจุบัน มีนักศึกษาอยู่ในโครงการอาชีวศึกษาทวิภาคีระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) จำนวน 605 คน มีครู-อาจารย์ผู้สอนวิชาค้าปลีก จำนวน 271 คน เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมอบรมครู-อาจารย์ โดยได้ไปฝึกงานภาคปฎิบัติในสถานประกอบการจริงๆ อย่างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ นอกจากนี้ ยังมีนักศึกษาที่เข้าโครงการฝึกงานภาคฤดูร้อน และทำงานเป็นพนักงานชั่วคราวรวม 568 คน ยิ่งไปกว่านั้น บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญร่วมเป็นวิทยากรรับเชิญให้กับสถานศึกษาในสังกัด สำหรับแผนความร่วมมือในปีนี้นั้น กรมอาชีวศึกษาได้ขยายความร่วมมือเพิ่มโดยเปิดรับนักศึกษาทั่วไปในระดับประกาศนียบัตรชั้นสูง (ปวส.) และเปิดโอกาสทางการศึกษาให้กับพนักงานในบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ให้ได้มีโอกาสปรับวุฒิการศึกษาขึ้นสู่ระดับ ปวส.
มร. โธมัส นิสเซ่น รองประธานกรรมการอาวุโสฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความร่วมมือกับกรมอาชีวศึกษาว่า การพัฒนาการศึกษาถือเป็นนโยบายของบริษัทฯ ในการตอบแทนสังคม ซึ่งบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ได้ร่วมกับกรมอาชีวศึกษาในการดำเนินโครงการทวิภาคีตั้งแต่ปี 2543 โดยโครงการดังกล่าว มุ่งเน้นที่การให้ความรู้ด้านธุรกิจค้าปลีกในเชิงลึกทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ เพื่อที่จะพัฒนาความรู้ความสามารถของบุคลากรได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีทักษะในวิชาชีพที่ศึกษา ซึ่งตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา โครงการทวิภาคีได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั้งจากนักเรียน นักศึกษา และครู-อาจารย์ ที่เข้าร่วมโครงการ มีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการแล้วประมาณ 1,500 คน โดยบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ได้ให้การสนับสนุนทางด้านบุคลากร ผู้ฝึกสอนสถานที่ฝึกปฏิบัติงานจริง และใช้งบประมาณสนับสนุนแล้วกว่า 12 ล้านบาท
สำหรับแผนการดำเนินงานโครงการทวิภาคีในปี 2546 ได้แก่ 1. โครงการนักศึกษาทวิภาคีระดับชั้น ปวส. ซึ่งเป็นโครงการขยายผลสู่ระดับการศึกษาที่สูงขึ้น และเปิดโอกาสให้พนักงานได้เพิ่มพูนความรู้ความสามารถด้วย พร้อมเพิ่มการมอบทุนการศึกษาตลอดหลักสูตร 2. โครงการนักศึกษาฝึกงานภาคฤดูร้อน โดยเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม - 10 พฤษภาคม 2546 และ 3. โครงการฝึกอบรม ครู-อาจารย์ ภาคปฏิบัติในสถานประกอบการ โดยเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 17 - 28 มีนาคม 2546 ซึ่งบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ คาดว่าในปีนี้จะมีผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 2,255 คน เป็นนักศึกษา จำนวน 2,090 คน และครู-อาจารย์ จำนวน 165 คน ยิ่งไปกว่านั้น ในปีนี้บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์วางแผนที่จะเพิ่มการสนับสนุนทางด้านทุนการศึกษาตลอดหลักสูตร อาทิ ค่าหน่วยกิต ค่าบำรุงการศึกษา และอื่นๆ โดยได้จัดสรรงบสนับสนุนสำหรับปี 2546 เป็นจำนวน 20 ล้านบาท
"ความร่วมมือในโครงการทวิภาคีระหว่างกรมอาชีวศึกษา และบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ นั้น ถือว่าเป็นการเพิ่มพูนความรู้ และประสบการณ์การทำงานจริงให้กับผู้เข้าร่วมโครงการ โดยผู้เข้าร่วมโครงการได้มีโอกาสฝึกปฏิบัติงานจริงถึง 50% ของระยะเวลาการเรียนทั้งหมด นับเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเพิ่มศักยภาพการเรียนรู้เกี่ยวกับระบบธุรกิจค้าปลีก และเป็นกรณีศึกษาสำหรับการพัฒนาระบบการศึกษาไทย เพื่อที่จะสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพ เสริมความพร้อมที่จะเข้าร่วมดำเนินธุรกิจได้อย่างเต็มที่ อันจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพการทำงานที่มีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต" ดร.พยุงศักดิ์กล่าวปิดท้าย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
ศุภาดา ใจดี ดวงรัตน์ รัตนอำนวยศิริ
บริษัท สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์ จำกัด
โทรศัพท์ 0-2693-7835-8 หรือ 0-2276-8432-3--จบ--
-นท/นห-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit