บอร์ดตลาดมีมติห้ามนายกิตติพัฒน์เป็นผู้บริหาร 10 ปี

27 Feb 2003

กรุงเทพฯ--27 ก.พ.--ตลาดหลักทรัพย์ฯ

บอร์ดตลาดมีมติห้ามนายกิตติพัฒน์เป็นผู้บริหารบมจ.รอยเนทและบริษัทจดทะเบียนอื่น 10 ปี และขยายเวลาห้ามซื้อขายต่อไป พร้อมแก้เกณฑ์รับหลักทรัพย์ โดยกำหนดบริษัทที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และ MAI มีกำไรปีล่าสุด และมีการดำเนินงานต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ปี ก่อนเข้า พร้อมยกเลิกหมวด Hi-Growth ใน MAI และให้บริษัทที่จะเข้า MAI ต้องมีที่ปรึกษาทางการเงินและคณะกรรมการตรวจสอบ จากเดิมที่เคยผ่อนผันให้ ส่วนช่วงเวลาห้ามขายหุ้น กำหนดให้ผู้ถือหุ้นก่อนการขายหุ้นต่อประชาชนห้ามขายหุ้นเป็นเวลา 1 ปีครึ่ง โดย 6 เดือนแรก ห้ามขายทั้งจำนวน หลัง 6 เดือนแรกสามารถทยอยขายได้ 25% ทุก ๆ 6 เดือน

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยมติคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ซึ่งมีการประชุมในวันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ 2546 ว่า คณะกรรมการได้พิจารณาเรื่องที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษนายกิตติพัฒน์ เยาวพฤกษ์ต่อกองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2546 กรณีจงใจตกแต่งบัญชีเพื่อลวงผู้ถือหุ้นและบุคคลอื่นที่จะเข้าซื้อหุ้น บมจ.รอยเนท ว่าบริษัทมีกำไรทั้งที่มีผลขาดทุน และยังใช้ประโยชน์จากข้อมูลภายในโดยทำการขายหุ้นบางส่วนก่อนเผยแพร่งบการเงินงวดไตรมาส 3 ปี 2545 รวมทั้งไม่มีการรายงานการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งในฐานะกรรมการและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เพื่อต้องการปกปิดผู้อื่นไม่ให้ทราบความเคลื่อนไหวในการถือหลักทรัพย์ อันเป็นความผิดตามมาตรา 56 ประกอบมาตรา 300 มาตรา 59 238 241 246 และ 312 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 นั้น

"คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์เห็นว่าการกระทำดังกล่าวอันเป็นเหตุให้ ก.ล.ต.กล่าวโทษนั้น มีผลกระทบร้ายแรงต่อสิทธิประโยชน์หรือการตัดสินใจของผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุน ตลอดจนมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์ จึงมีมติให้ใส่ชื่อนายกิตติพัฒน์ เยาวพฤกษ์ ในบัญชีรายชื่อบุคคลที่ตลาดหลักทรัพย์เห็นว่าไม่สมควรเป็นผู้บริหารเป็นเวลา 10 ปี ซึ่งเป็นระยะเวลาสูงสุดตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ ว่าด้วยบัญชีรายชื่อบุคคลที่ตลาดหลักทรัพย์เห็นว่าไม่สมควรเป็นผู้บริหาร พ.ศ. 2544 ซึ่งจะมีผลให้นายกิตติพัฒน์ไม่สามารถทำหน้าที่กรรมการผู้จัดการ หรือผู้บริหารในบมจ.รอยเนทได้ และยังไม่สามารถดำรงตำแหน่ง กรรมการ หรือผู้บริหาร ของบริษัทจดทะเบียนอื่น ๆ เป็นเวลา 10 ปี นับแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2546 ถึงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2556" กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์กล่าว

ทั้งนี้ คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ได้มีมติขยายเวลาห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ของบมจ.รอยเนทต่อไปจากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 7 มีนาคม 2546 นี้ จนกว่าบริษัทจะรายงานข้อมูลที่จำเป็นต่อการตัดสินใจของผู้ลงทุนได้อย่างชัดเจนและครบถ้วน และตลาดหลักทรัพย์ได้พิจารณางบการเงินประจำปีของบริษัทและพิจารณาผลการแก้ไขจนพ้นเหตุแห่งการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทแล้ว

นอกจากนี้ คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ยังได้มีมติให้ปรับปรุงเกณฑ์การรับหลักทรัพย์ทั้งในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์ใหม่ ซึ่งมีการปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2544 ซึ่งในครั้งนั้นได้มีการผ่อนผันเกณฑ์การรับหลักทรัพย์ให้สอดคล้องกับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล

คณะกรรมการได้พิจารณาแล้วมีมติให้ยกเลิกการผ่อนผันเกณฑ์การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องผลประกอบการ การดำเนินงานต่อเนื่อง และผู้บริหารชุดเดียวกัน จากที่ผ่อนผันอยู่จน ถึงเดือนกันยายน 2547 เป็น บริษัทต้องมีผลการดำเนินงานต่อเนื่องกัน 2 ปี และมีผู้บริหารชุดเดียวกันก่อนเข้าจดทะเบียนเป็นเวลา 1 ปี รวมทั้งในส่วนของผลประกอบการ กำหนดให้บริษัท ต้องมีกำไรสุทธิจากการดำเนินธุรกิจในปีล่าสุด

สำหรับตลาดหลักทรัพย์ใหม่ ให้ยกเลิก หมวด Hi-Growth Enterprises ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีบริษัทใดเข้าจดทะเบียนตามเกณฑ์ในหมวดนี้ และปรับปรุงเกณฑ์การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ให้เพิ่มคุณภาพมากขึ้น เช่นเดียวกับเกณฑ์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวคือ บริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่จะต้องมีทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 40 ล้านบาท มีกำไรสุทธิในปีล่าสุด มีผู้บริหารชุดเดียวกันอย่างน้อย 1 ปี มีผลการดำเนินงานต่อเนื่องกัน 2 ปี รวมทั้งต้องมีที่ปรึกษาทางการเงินและคณะกรรมการตรวจสอบ

"การปรับเกณฑ์รับหลักทรัพย์ใหม่นี้ จะทำให้เกิดความมั่นใจในคุณภาพของบริษัทที่เข้าจดทะเบียนมากขึ้น และผู้ลงทุนมีข้อมูลผลการดำเนินงานในอดีตของบริษัทเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนได้อย่างเพียงพอ รวมทั้ง จะทำให้มีบุคคลภายนอกมาช่วยกลั่นกรองคุณภาพของบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนโดยเฉพาะบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก" นายกิตติรัตน์กล่าว

นอกจากนี้ได้มีการปรับปรุงเกณฑ์การเสนอขายหุ้นต่อประชาชนและเกณฑ์การกระจายหุ้นของตลาดหลักทรัพย์ใหม่ ให้สอดคล้องกับเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย

คณะกรรมการฯยังได้มีมติให้ปรับปรุงเกณฑ์การห้ามขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์ใหม่ จากเดิมที่กำหนดห้ามผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุมและผู้เกี่ยวข้อง ห้ามขายหุ้นในอัตราร้อยละ 35 ของทุนชำระแล้ว เป็นระยะเวลา 6 เดือนถึง 1 ปี เป็นกำหนดเวลาการห้ามขายหุ้น 1 ปีครึ่งในอัตราร้อยละ 100 ของบุคคลดังกล่าว และหลังจาก 6 เดือนแรกแล้ว จะสามารถทยอยขายหุ้นได้ร้อยละ 25 ของจำนวนที่ถูกห้ามขายทุก 6 เดือน และเมื่อครบกำหนดแล้วก็สามารถขายส่วนที่เหลือได้

"ตามเกณฑ์ใหม่ ผู้ที่จะอยู่ในช่วงห้ามการซื้อขายหุ้นตามเกณฑ์ใหม่นี้ ได้แก่ ผู้ที่ถือหุ้นก่อนการจำหน่ายแก่ประชาชน ทั่วไปทั้งหมด ยกเว้นกรณีที่ถือหุ้นในจำนวนที่ไม่มีนัยสำคัญและไม่มีส่วนร่วมในการบริหารหรือการควบคุมบริษัทหลักเกณฑ์ใหม่นี้จะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนได้มีเวลาติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทภายใต้การบริหารงานที่ต่อเนื่องของผู้บริหารของบริษัทได้ในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับการตัดสินใจของผู้ลงทุนโดยตรง" นายกิตติรัตน์กล่าว

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์จะนำเสนอหลักเกณฑ์ใหม่ดังกล่าวเพื่อขอความเห็นชอบจาก ก.ล.ต.ต่อไป

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อส่วนประชาสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร:

ลดาวัลย์ กันฑวงศ์ โทร. 0-2229-2036

กุลวิดา จินตกะวงศ์ โทร. 0-2229-2037--จบ--

-นห-