ไฟเซอร์ ควบ ฟาร์มาเซีย ทะยานขึ้นอันดับ 1 ตลาดเวชภัณฑ์สัตว์ ของโลก

07 May 2003

กรุงเทพฯ--7 พ.ค.--นิวส์ เพอร์เฟค คอมมิวนิเคชั่น

แผนกเวชภัณฑ์สัตว์ บริษัท ไฟเซอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ระบุ ผลการควบรวมกิจการกับ บริษัท ฟาร์มาเซีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด ส่งผลให้ ไฟเซอร์ฯ ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลกด้านเวชภัณฑ์สัตว์ ทั้งในแง่ ยอดขาย สินค้า และ บริการต่างๆ พร้อมตั้งเป้าในไทย ปีนี้เติบโต 2 เท่า และขยายอีกในอัตราความเร็วเป็นตัวเลข 2 หลักในปีหน้า

น.สพ.สมศักดิ์ กิจมังสา ผู้อำนวยการ ภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ แผนกเวชภัณฑ์สัตว์ บริษัท ไฟเซอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งรับผิดชอบดูแลกิจการของ ไฟเซอร์ ฯ ใน ไทย , สิงคโปร์ , อินโดนีเซีย , มาเลเซีย , ฟิลิปปินส์ , อินโดจีนทั้งหมด , ไต้หวัน และ ปากีสถาน เปิดเผยว่า การรวมกิจการกับทางฟาร์มาเซีย ในครั้งนี้ส่งผลให้ไฟเซอร์ฯ ขึ้นเป็นอันดับ 1 ในตลาดเวชภัณฑ์สัตว์ของโลก โดยในปีที่ผ่านมา ไฟเซอร์ฯ มียอดขายด้านเวชภัณฑ์สำหรับสัตว์ทั่วโลก ประมาณ 1.1 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ มีผลการเติบโตของธุรกิจ 9.6 เปอร์เซ็นต์ ส่วน ฟาร์มาเซีย มียอดขายประมาณ 5 ร้อยล้านดอลล่าร์สหรัฐ ผลการเติบโตของธุรกิจอยู่ที่ 7.9 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือเป็นสองบริษัทที่มีผลประกอบการเติบโตสูงสุด

" ผลการรวมการในครั้งนี้นอกจากจะส่งให้ ไฟเซอร์ฯ ขึ้นเป็นอันดับ 1 แล้ว ยังเกิดผลดีด้านต่างๆตามมาคือ ไฟเซอร์ฯ จะมีผลิตภัณฑ์ครบวงจรมากที่สุด ที่ผ่านมา ไฟเซอร์ฯ มีจุดแข็งด้านยา และ วัคซีน ส่วน ฟาร์มาเซีย มีจุดแข็งด้านยา และ ฮอร์โมน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่ ไฟเซอร์ฯ ยังไม่มี โดยเฉพาะ ยาสำหรับผสมใส่ในอาหารสัตว์ เช่น ลินโคสเปคติน ที่ได้รับการยอมรับจากนักวิชาการเป็นอย่างมาก และ สนองความต้องการของกลุ่มผู้ใช้เป็นอย่างดี เมื่อมารวมกับผลิตภัณฑ์ของไฟเซอร์ฯ เช่น เรสพิชัวร์ แล้ว จะเกิดประโยชน์สูงสุดกับกลุ่มลูกค้า เป็นต้น โดยต่อไปคู่ค้า และ ลูกค้า ของ ไฟเซอร์ฯ จะได้รับการบริการที่ครบครัน เรียกว่าเป็น วัน สต๊อป เซอร์วิส ด้านเวชภัณฑ์สำหรับสัตว์ เลยทีเดียว และจากนี้ไปอีก 10 ปีข้างหน้า ไฟเซอร์ฯ จะสามารถออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องทุกปีๆละ 2 - 3 ชนิด นั้นหมายถึงลูกค้าจะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพดีขึ้น ประสิทธิภาพดีขึ้น และ ปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทยาน้อยรายมากที่จะสามารถทำได้ เนื่องจากต้องลงทุนทางด้านการวิจัย และ พัฒนาสูงมาก สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ ไฟเซอร์ฯ ภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก และ ผลของการภูมิใจนี้ จะแปรเปลี่ยนมาเป็น ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ กลับคืนสู่ลูกค้า ทั้งในส่วนของตลาดสัตว์เลี้ยง และ ตลาดปศุสัตว์ " น.สพ.สมศักดิ์ กล่าว

" สำหรับทิศทางการเติบโตของ ไฟเซอร์ฯ ในอนาคตจะเป็นไปในลักษณะครอบคลุมตลาดเฉพาะมากขึ้น เน้น นวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ และ การบริการ อย่างไรก็ตาม การเป็นอันดับ 1 ของโลก ไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดของบริษัทอีกต่อไป แนวคิดที่ ไฟเซอร์ฯ ต้องการจะเป็นในอนาคตคือ องค์กรที่มีคุณค่า และ เป็นบริษัทซึ่งผู้เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ ลูกค้า , พนักงานของบริษัท , นักวิชาการ , ซัพพลายเออร์ และ ผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ ให้ความเชื่อถือและไว้วางใจ สำหรับตลาดในประเทศไทย ตลอดช่วง 3 - 4 ปี ที่ผ่านมา ไฟเซอร์ฯ มีผลการเติบโตเฉลี่ยที่ 22 เปอร์เซ็นต์ และมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ จากมูลค่าตลาดรวมที่มีสินค้าของ ไฟเซอร์ฯ เข้าไปทำตลาดอยู่ประมาณ 5,000 ล้านบาท ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มียอดขายสูงสุดในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นประเทศต้นแบบ ในการทำกิจกรรมทางการตลาด ทั้งในส่วนของตลาดสัตว์เลี้ยง และ ตลาดปศุสัตว์ ซึ่งการรวมกับ ฟาร์มาเซีย ในครั้งนี้ จะทำให้ ไฟเซอร์ฯ มียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ภายในปีนี้ และ เติบโตขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ในปีหน้า ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นทั่วเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ในธุรกิจของ เวชภัณฑ์สัตว์ ไฟเซอร์ฯ " น.สพ.สมศักดิ์ กล่าวและว่า

" สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่ได้จากการรวมตัวกันในครั้งนี้ คือ บุคลากรของ ฟาร์มาเซีย ที่มีความแข็งเกร่ง มีความรู้ และความสามารถสูง ซึ่งเมื่อนำมารวมกับบุคลากรที่มีความชำนาญของไฟเซอร์ฯ แล้ว จะทำให้มีความสมบูรณ์ขององค์กรมากยิ่งขึ้น ไฟเซอร์ฯ จะได้กลยุทธ์ใหม่ๆ ที่จะนำมาประยุกต์ใช้ปรับปรุงองค์กร ยกระดับความสามารถของพนักงานขึ้นอีกระดับหนึ่ง โดยบุคลากรทั้งเก่า และ ใหม่ จะช่วยกันทำให้ ไฟเซอร์ฯ เติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไป "

สอบถามข้อมูลข่าวเพิ่มเติมได้ที่

บ. นิวส์ เพอร์เฟค คอมมิวนิเคชั่น จก.

ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์

โทรศัพท์ 0-2956-5276-7

โทรสาร 0-2956-5275--จบ--

-พห-