กรุงเทพฯ--2 มิ.ย.--ธรณีพิพัฒน์
ว่ากันว่าร่างกายคนเรานั้นประกอบด้วยน้ำถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ทำหน้าที่หล่อเลี้ยงอวัยวะและเป็นตัวนำแร่ธาตุต่าง ๆ เข้าออกเซลล์ตลอดเวลา การบริโภคหรือดื่มน้ำที่สะอาดและที่มีประโยชน์ต่อร่างกายจึงเป็นหนทางหนึ่งในการสร้างสุขภาพที่ดีในระยะยาว
น้ำมีความสำคัญเป็นอันดับ 2 รองจากอากาศ มีผลทางตรงและทางอ้อมต่อร่างกาย การดูแลสุขภาพที่ดีนั้น นอกจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแล้ว การเลือกน้ำดื่มที่ดีจะช่วยให้สุขภาพของคนเราสมบูรณ์ แข็งแรงยิ่งขึ้น
ว่ากันว่าน้ำที่ดีคือน้ำสะอาด แต่น้ำสะอาดไม่ใช่น้ำบริสุทธิ์ น้ำบริสุทธิ์หมายถึงน้ำกลั่นหรือที่เรียก กันว่า น้ำอาร์โอ ผลิตโดยวิธี "ริเวอร์ส ออสโมซิส" (Reverse Osmosis) ผ่านแผ่นกรองหรือแมมเบรนกรองไม่ให้เกลือแร่ผ่านทะลุ เหลือแต่น้ำบริสุทธิ์ไม่มีเกลือแร่
ในการวิจัยพบว่า น้ำอาร์โอมีฤทธิ์เป็นกรด มีความสามารถในการสกัดหรือกัดกร่อนหรือ ดึงดูดอย่างรุนแรง โดยเฉพาะการดูดเกลือแร่ออกจากอาหารหรืออวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายโดยเฉพาะ
แร่ธาตุประเภทแคลเซียม แมกนีเซียม และโปรแตสเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้เกิดโรคหัวใจ และทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ
ในวัน ๆ หนึ่งร่างกายต้องสูญเสียแร่ธาตุที่ถูกขับพร้อมมากับเหงื่อ เมื่อขาดแร่ธาตุที่จำเป็น ร่างกายก็จะดึงเอาแร่ธาตุจากที่คนเรารับประทานอาหารเข้าไป ซึ่งในแต่ละวัน คนเราในปัจจุบันมักจะรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ทุกมื้ออยู่แล้ว ส่งผลให้ร่างกายขาดแร่ธาตุมากขึ้น ก่อให้เกิดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ มากขึ้น อาทิ โรคกระดูกพรุน โรคปวดตามข้อ โรคคอหอยพอก โรคความดันโลหิตสูง และโรคแก่ก่อนวัย
น้ำดื่มธรรมดาก็มีแร่ธาตุ แต่อาจไม่พอที่จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย การบริโภคหรือเลือกดื่มน้ำแร่น้ำแร่ธรรมชาติ จึงเป็นแนวทางหนึ่งในการชดเชยแร่ธาตุที่ร่างกายสูญเสียไป
ว่ากันว่า น้ำแร่ธรรมชาติหมายถึงน้ำที่มีแหล่งกำเนิดจากฝนที่ตกลงมา ผ่านเทือกเขาสูงลงสู่ชั้นหินใต้ภูเขา เก็บกักอยู่ในแอ่งน้ำลึกใต้ดินเป็นเวลานาน มีปริมาณแร่ธาตุที่เหมาะสมได้แก่ แคลเซียม แมกนีเซียม
ไบคาร์บอร์เนต โซเดียม โปแตสเซียม และซัลเฟอร์ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม ตามมาตรฐานของยุโรปและสหรัฐอเมริกา ซึ่งใช้มาตรฐาน Codex Standard for Natural Mineral Water ได้แสดงความแตกต่างของน้ำแร่ธรรมชาติและน้ำดื่มไว้ชัดเจนกล่าวคือ
1. จะต้องมาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ หรือในแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติที่ขุดเจาะผ่านชั้นหินต่างๆเท่านั้น
2. จะต้องถูกบรรจุ ณ แหล่งกำเนิดเท่านั้น และต้องเป็นแหล่งที่มีการป้องกันสิ่งปนเปื้อนหรือมลภาวะต่างๆรวมทั้งแบคทีเรียด้วย
3. ต้องไม่มีการปรุงแต่งหรือเติมสารเคมีแต่อย่างใด ยกเว้นเท่าที่มาตรฐาน Codex ได้
อนุญาตไว้
คนเรามักมีข้อสงสัยว่าการดื่มน้ำแร่ธรรมชาติในปริมาณมากแล้วจะเป็นประโยชน์หรือโทษต่อร่างกายอย่างไร และทำไมน้ำแร่ธรรมชาติถึงมีรสชาติต่างกัน
เนื่องจากน้ำสามารถขับถ่ายออกเป็นของเสียจากร่างกายได้ การดื่มน้ำแร่ธรรมชาติอยู่เสมอจึงไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายแต่ประการใด เพราะร่างกายคนเราสามารถดูดซับแร่ธาตุต่าง ๆ ได้ง่าย แต่ในทางกลับกันการดื่มน้ำแร่ธรรมชาติกลับจะช่วยเพิ่มประโยชน์ให้แก่ร่างกาย โดยเฉพาะแร่ธาตุต่างๆ ที่มีอยู่ในน้ำแร่ธรรมชาติ ทำให้ร่างกายไม่ขาดสารอาหารหรือแร่ธาตุที่มีความจำเป็นและมีประโยชน์ต่อร่างกาย อีกประการหนึ่งการดื่มน้ำมากยังเป็นประโยชน์ต่อระบบการทำงานของไตในการกำจัดของเสียออกจากร่างกายตามธรรมชาติทำให้ไม่เป็นโรคนิ่ว หรือโรคคอพอกอีกด้วย
ผู้บริโภคน้ำแร่ธรรมชาติอาจจะพบว่ารสชาติของน้ำแร่ธรรมชาติจะต่างกันทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิดของน้ำแร่ธรรมชาตินั้น ๆ ว่าอยู่ที่ไหน ปริมาณของแร่ธาตุ และแร่ธาตุที่พบในแหล่งน้ำแร่ธรรมชาตินั้น ๆ ส่วนประกอบและประโยชน์ของน้ำแร่ธรรมชาติไบคาร์บอเนต รักษาความเป็นกรด-ด่างในน้ำ และควบคุมความสมดุลของน้ำในร่างกายคลอไรด์ ช่วยควบคุมความสมดุลของน้ำในร่างกาย และควบคุมการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อแมกนีเซียม ช่วยควบคุมการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ กระตุ้นเอนไซม์ที่จำเป็นสำหรับการเผลาผลาญอาหารซัลเฟต
ช่วยในการดูดซึมแร่ธาตุผ่านผนังเซลล์แคลเซียม เป็นส่วนประกอบและเสริมสร้างทำให้กระดูกและฟันแข็งแรงขึ้น ซึ่งมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ช่วยในการแข็งตัวของหลอดเลือด และช่วยในการดูดซึมของแร่ธาตุผ่านผนังเซลล์ กระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ฟลูออไรด์
ช่วยทำให้ฟันแข็งแรงและป้องกันไม่ให้กรดทำลายเนื้อฟันไนเตรด
ช่วยในการควบคุมระบบไหลเวียนของโลหิตในร่างกายและขยายหลอดเลือด
นอกเหนือจากนี้ผู้บริโภคมักมีคำถามอยู่เสมอว่า เราจะมีวิธีการเลือกบริโภคน้ำแร่ธรรมชาติตามท้องตลาดได้อย่างไรถึงจะได้น้ำแร่ธรรมชาติที่ถูกต้องและมีประโยชน์ที่แท้จริง
วิธีสังเกตในการเลือกซื้อหรือบริโภคน้ำแร่ธรรมชาตินั้น ขั้นตอนแรกที่ง่ายและสะดวกที่สุด คือให้ผู้บริโภคสังเกตดูที่ฉลากบนขวดของน้ำแร่ธรรมชาตินั้นๆ ว่าโรงงานหรือแหล่งผลิตของแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติอยู่ที่ใด ตัวอย่างเช่น ถ้าในฉลากมีรูปภูเขาที่มีหิมะปกคลุมแต่โรงงานอยู่ในประเทศไทย
ผู้บริโภคลองใช้วิจารณญาณดูว่าในประเทศเรามีหิมะหรือไม่
วิธีที่สอง สังเกตชื่อของแร่ธาตุต่างๆ ที่แจ้งไว้ในฉลากว่าถูกต้อง เป็นตามหลักเกณฑ์ธรรมชาติหรือไม่ มีปริมาณแร่ธาตุอยู่เท่าใด และใครบ้างที่ควรดื่มหรือไม่ควรดื่มน้ำแร่ธรรมชาตินั้น กล่าวคือ หากเป็น น้ำแร่ชนิดเบา
ควรมีแร่ธาตุน้อยกว่า 500 มิลลิกรัม/ลิตร (เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยรวมถึงสตรีมีครรภ์) น้ำแร่ชนิดกลาง
มีแร่ธาตุเกินกว่า 501-1,000 มิลลิกรัม/ลิตร (ไม่เหมาะกับเด็กและสตรีมีครรภ์) น้ำแร่ชนิดหนัก
มีแร่ธาตุเกินกว่า 1,000 มิลลิกรัม/ลิตร
(ไม่เหมาะกับการบริโภค เพราะอาจมีผลต่อระบบย่อยอาหาร)
ในชีวิตประจำวันคนเรา เรามีสิทธิ์ที่จะกำหนดหรือเลือกสรรสิ่งที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะฉะนั้นอย่าเพียงแต่ดื่มน้ำให้ใด้ปริมาณที่ต้องการ หรือเพียงแต่ดื่มน้ำแร่ธรรมชาติตามคำบอกเล่าว่าดี เท่านั้น.
สื่อมวลชนต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อ
ณัฐวรรณ เอี่ยมสิทธิผล
โทรศัพท์
02 634 3281-2--จบ--
-พห-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit