องค์กรด้านศูนย์รับฝากในเอเชียแปซิฟิกฯ เผยพร้อมรับสถานการณ์ตลาดทุนโลก

21 Nov 2002

กรุงเทพฯ--21 พ.ย.--ตลาดหลักทรัพย์

นายชวลิต ธนะชานันท์ ประธานกรรมการ บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงผลการประชุมประจำปี ครั้งที่ 6 ของ The Asia-Pacific Central Securities Depository Group (ACG)ซึ่งบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในระหว่างวันจันทร์และอังคารที่ 18 - 19 พฤศจิกายน 2545 ที่ผ่านมา ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ในแถบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจำนวน 25 องค์กรจาก 17 ประเทศ ว่าองค์กรสมาชิกมีความตื่นตัว และให้ความสนใจกับพัฒนาการใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในตลาดทุนโลกเป็นอย่างมาก

"การประชุมในครั้งนี้ได้มีการหยิบยกเรื่องการลดระยะเวลาการส่งมอบและชำระราคาหลักทรัพย์จากเดิมภายในวันทำการที่ 3 หรือ T+3 เป็น T+1 แต่ประเด็นดังกล่าวไม่ได้เป็นเป้าหมายสำคัญที่แต่ละองค์กรจะมุ่งไปทั้งนี้ ที่ประชุมได้เห็นพ้องเกี่ยวกับเรื่องของการลดต้นทุนของผู้ที่เกี่ยวข้อง

การลดความซ้ำซ้อนของการทำงาน และการเพิ่มประสิทธิภาพในด้านต่าง ๆ ให้มากขึ้น ด้วยการนำระบบงานใหม่ ๆ มาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มบทบาทของการเป็นหน่วยงานกลางในการส่งมอบและชำระราคาหลักทรัพย์ด้วยการทำหน้าที่เป็น Central counter party (CCP) การใช้ระบบ STP หรือ Straight Through Processing ซึ่งเป็นระบบอัตโนมัติ เริ่มตั้งแต่การซื้อขายหลักทรัพย์จนถึงการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ รวมทั้งการจัดหาบริการใหม่ๆ เพื่อสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับผู้ใช้บริการเช่น SBL (Securities Borrowings & Lending) "

ทั้งนี้ นายประสงค์ วินัยแพทย์ รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ให้มุมมองเกี่ยวกับการนำระบบไร้ใบหุ้น และการเป็นสำนักหักบัญชีที่รับประกันการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์แบบ Real time ซึ่งกำลังเกิดขึ้นในตลาดทุนโลก ในหัวข้อ "Seamless , Scripless and in Real Time : CSD and CCP Today" ว่าระบบการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์นั้น นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของตลาดหุ้น ปัจจุบัน ตลาดหุ้นในภูมิภาคยุโรปและอเมริกากำลังมุ่งไปสู่การเป็นคู่สัญญากลางสำหรับการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ หรือ Central counter party(CCP) ในระดับภูมิภาคและระดับโลก เพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกรรมซื้อขายหลักทรัพย์ข้ามพรมแดน ภายใต้ภาวะไร้พรมแดน ไร้ใบหุ้นที่ต้องการความทันเวลา

ระบบดังกล่าวจะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานของผู้ใช้บริการ เพิ่มสภาพคล่อง และลดความเสี่ยงในการซื้อขายหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตามจะต้องคำนึงถึงการมีระบบบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ กฎหมายและกฎระเบียบที่รองรับการกำกับดูแล รวมถึง การใช้เงินลงทุนเริ่มต้นที่ค่อนข้างสูงด้วย .

นางนงราม วงษ์วานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ศูนย์รับฝากฯ ได้รับประโยชน์อย่างมาก จากการประชุมในครั้งนี้ ทั้งนี้ พัฒนาการหลายอย่างเป็นสิ่งที่ศูนย์รับฝากฯ ได้ศึกษาและดำเนินการไปบ้างแล้ว อาทิ การทำหน้าที่เป็นคู่สัญญากลางสำหรับการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ หรือ Central counter party (CCP) ซึ่งปัจจุบันดำเนินการอยู่แล้ว โดยศูนย์รับฝากฯ สามารถส่งมอบหุ้นหรือชำระค่าหุ้นแทนผู้ที่ผิดนัดส่งมอบ เพื่อป้องกันความเสียหายกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหากมีการผิดนัดเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม จะมีการศึกษาเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและมั่นคงในการทำหน้าที่ดังกล่าว และยังเป็นการเพิ่มความมั่นใจแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายให้มากขึ้นด้วย

นอกจากนี้แล้ว สิ่งที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์เห็นว่าจะนำมาเป็นแผนงานของบริษัทฯได้แก่ ระบบ STP หรือ Straight Through Processing ซึ่งได้มีการศึกษาความเป็นไปได้มาในระดับหนึ่งแล้ว ในด้านการดำเนินการ จะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมว่าจะปรับใช้กับจุดใดในกระบวนการ เพราะในระยะเริ่มต้น คงยังไม่สามารถดำเนินการได้เต็มรูปแบบในทันที

"ระบบ STP เป็นระบบที่ช่วยลดความเสี่ยงและต้นทุนในการปฏิบัติงาน รวมทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานและเกื้อหนุนให้สามารถลดเวลาในการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ โดยไม่เพิ่มอัตราการผิดนัดส่งมอบ อย่างไรก็ตาม การนำ STP มาใช้ ขึ้นอยู่กับความพร้อมของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งตลาดหลักทรัพย์และบริษทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ก็อยู่ในระยะที่กำลังปรับเปลี่ยนเพื่อเตรียมความพร้อมในส่วนนี้เช่นกัน"นางนงรามกล่าว

นางนงรามกล่าวสรุปในตอนท้ายว่า "การเป็นเจ้าภาพจัดประชุมประจำปี ครั้งที่ 6 ของ The Asia-PacificCentral Securities Depository Group (ACG) ในครั้งนี้ นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง โดยได้รับความสนใจจากองค์กรสมาชิกเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านพัฒนาการที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานขององค์กรสมาชิก ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นข้อมูลที่สำคัญในการพัฒนาองค์กรศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้ก้าวหน้า สอดคล้องกับสถานการณ์ของตลาดทุนโลกที่เปลี่ยนแปลงไปได้เป็นอย่างดี"--จบ--

-สส-