กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--เอไอเอส
เอไอเอสเดินหน้างานพัฒนาเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดจัดซื้ออุปกรณ์ติดตาม ตรวจสอบ คุณภาพของชุมสาย และสถานีฐาน มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท ทำให้สามารถตรวจสอบพบสาเหตุของปัญหาการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ทันที่แบบ Real Time ทั้งยังสามารถตรวจสอบคุณภาพการโทร.สำเร็จ (Successful Call Rate) ได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
นายพีรเวท กิจบูรณะ ผู้จัดการสำนักพัฒนาคุณภาพเครือข่าย บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า "เครือข่ายที่ดีย่อมเป็นหัวใจที่สำคัญที่สุดของการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ดังนั้นเอไอเอสในฐานะผู้ให้บริการจึงมีการดำเนินการด้านนี้มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเชิงกว้าง หรือการขยายเครือข่ายให้มีความครอบคลุมสูงสุดในทุกพื้นที่ที่มีความต้องการใช้งาน ส่วนการดำเนินการในเชิงลึกคือ การพัฒนาคุณภาพของเครือข่ายที่จะต้องยึดถือมาตรฐานสากลเป็นเกณฑ์รวมไปถึงยึดถือความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็นการขยายศักยภาพในการรับรองการใช้งาน รวมไปถึงเครื่องมือที่ใช้ในการวัด, มาตรการติดตาม ตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและรวดเร็ว ซึ่งถือว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการปรับปรุงคุณภาพเครือข่ายไปในเวลาเดียวกันอีกด้วย"
"ล่าสุดเราได้จัดซื้ออุปกรณ์ติดตาม ตรวจสอบคุณภาพการทำงานของเครือข่ายใน 2 ส่วนหลัก คือ
1. ชุมสาย : เป็นอุปกรณ์ที่จะคอยติดตามและเฝ้าดู (Monitoring) การเชื่อมต่อออกไปยังชุมสายของผู้ให้บริการรายอื่นตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะทำให้สามารถตรวจสอบและทราบสถานภาพของจำนวนช่องสัญญาณว่า ทำงานได้ตามปกติและเพียงพอต่อการใช้งานหรือไม่ในแต่ละช่วงเวลา
2. สถานีฐาน : เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของสถานีฐานในลักษณะต่างๆ อาทิ ทดสอบภาครับ-ส่งของคลื่นวิทยุที่ใช้งาน, ทดสอบคลื่นรบกวนที่อาจเกิดโดยไม่รู้สาเหตุ (Interference test) รวมไปถึงการทดสอบสายเคเบิลของจานสายอากาศที่ใช้ในสถานีฐาน เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงทีในกรณีที่เกิดปัญหาจากเหตุที่ผิดปกติไปจากอายุการใช้งาน
ทั้งนี้การจัดซื้ออุปกรณ์ดังกล่าว เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการใช้งานของผู้ใช้บริการแต่ละรายได้ทันที โดยเฉพาะปัญหาการโทร.ไม่สำเร็จ ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันอัตราการโทร.สำเร็จ (Successful Call Rate) โดยเฉลี่ยของผู้ใช้บริการในเครือข่ายของเอไอเอสนั้นจะมีค่าอยู่ที่ประมาณ 96% ซึ่งถือได้ว่าสูงกว่ามาตรฐานทั่วไปที่ตั้งไว้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาเมื่อผู้ใช้บริการโทร.ออกไปยังนอกเครือข่ายของเอไอเอส เมื่อเกิดปัญหาการใช้งานอาจจะต้องใช้เวลาในการค้นหาสาเหตุทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างทันท่วงที ดังนั้นเมื่อติดตั้งอุปกรณ์นี้แล้วจะทำให้สามารถติดตาม ตรวจสอบคุณภาพของการโทร.สำเร็จของผู้ใช้บริการที่โทร.ออกไปยังเครือข่ายของผู้ให้บริการรายอื่น รวมถึงการใช้บริการข้ามแดน (International Roaming) โดยจะสามารถแจ้งสาเหตุของปัญหาแท้จริงที่เกิดขึ้นให้แก่ผู้ให้บริการรายอื่นๆ ทราบ เพื่อจะได้ทำการแก้ไขร่วมกันต่อไป"
นายพีรเวทกล่าวเพิ่มเติมว่า "ที่ผ่านมาแม้ว่าการบริหารและจัดการด้านเครือข่ายของเอไอเอสจะเป็นไปตามมาตรฐานขั้นสูงแล้วก็ตาม แต่จากปริมาณของผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เราจึงต้องมีการนำเทคโนโลยีที่จะเข้ามาช่วยให้สามารถตรวจสอบการบริหารจัดการเครือข่ายได้ละเอียดมากยิ่งขึ้น ซึ่งหมายถึงการมอบความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ผู้ใช้บริการนั่นเอง ซึ่งการที่จะทำให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินการดังกล่าวได้นั้น จำเป็นต้องมีเครื่องมือ หรืออุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานในระดับสากล เอไอเอสจึงได้เลือกซื้ออุปกรณ์จากบริษัท ไทร์เนอร์ยี่ อินสทรูเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ Tektronix ที่ถือได้ว่าเป็นผู้นำในการผลิตอุปกรณ์ตรวจสอบ, ติดตามและพัฒนาคุณภาพในอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคม ที่ได้นำเอามาตรฐานของ International Telecom Union - Telecom : ITU-T และ European Telecommunication Standards Institute : ETSI เข้ามาเป็นบรรทัดฐานในการพัฒนา Solution เพื่อติดตาม ตรวจสอบคุณภาพเครือข่ายร่วมกับเอไอเอส ดังนั้นขั้นตอนที่ดำเนินการจึงเป็นที่ยอมรับร่วมกันระหว่างผู้ให้บริการทุกราย ส่งผลให้เอไอเอสสามารถประสานงานร่วมกับผู้ให้บริการรายอื่นๆ ในการติดตามและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว"
โดยโครงการนี้จะเสร็จสิ้นในราวเดือนมีนาคม 2546 ซึ่งจะทำให้
"อย่างไรก็ตามการพัฒนาคุณภาพเครือข่าย ไม่ได้หมายความเพียงการจัดหาอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีเท่านั้น หากแต่ยังหมายถึง ความสามารถในการผนวกงานด้านวิศวกรรมให้สอดประสานกับงานด้านบริการทั้งหมดอย่างกลมกลืน เพื่อมอบความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ผู้ใช้บริการนั่นเอง" นายพีรเวทกล่าวในตอนท้าย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
สำนักประชาสัมพันธ์ เอไอเอส โทร. 0 2299 5042--จบ--
-ขธ-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit