ปรับเกณฑ์ NVDR ให้สิทธิผู้ลงทุนต่างชาติเป็นผู้ถือหุ้นได้ เพิ่มความคล่องตัวในการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ

23 Jan 2003

กรุงเทพฯ--23 ม.ค.--ตลาดหลักทรัพย์ฯ

บริษัทไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ปรับเกณฑ์ให้ผู้ถือ NVDR สามารถแปลงเป็นหุ้นได้ และมีสิทธิออกเสียงในที่ประชุมฯ หากบจ.ขอเพิกถอนหลักทรัพย์ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน อีกทั้งยังเพิ่มหลักทรัพย์ที่สามารถลงทุนได้ คือ ใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrants) และ TSR เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ สอดรับกับแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของผู้ลงทุนใน NVDR ปี 45 เพิ่มกว่าร้อยละ 30

นางกองแก้ว เปี่ยมด้วยธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัทไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด เปิดเผยว่าบริษัทฯได้มีการปรับเกณฑ์ในเรื่องของการให้ผู้ถือเอ็นวีดีอาร์สามารถแปลงเอ็นวีดีอาร์เป็นหุ้นได้ เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติที่ต้องการลงทะเบียนเป็นผู้ถือหุ้นสามารถเข้าคิวเพื่อให้มีสิทธิลงทะเบียนเป็นผู้ถือหุ้นได้เท่าเทียมกับผู้ลงทุนทั่วไป ซึ่งจะส่งผลให้การลงทุนในเอ็นวีดีอาร์มีความคล่องตัวมากขึ้น ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติสามารถนำเอ็นวีดีอาร์มาเข้าคิวในระบบของ บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯ เพื่อรอแปลงเป็นหุ้นได้ เมื่อมีอัตราส่วนการถือหุ้นต่างชาติ (foreign room) เพียงพอ โดยหุ้นที่ถือครองนั้นต้องฝากไว้ในระบบไร้ใบหุ้น ( Scripless ) และ ผู้ที่ลงทุนในเอ็นวีดีอาร์สามารถแจ้งความจำนงขอนำเอ็นวีดีอาร์ไปเข้าคิวที่โบรกเอร์ ซับโบรกเกอร์ และ Custodians ได้

"หลักทรัพย์ประเภทเอ็นวีดีอาร์ยังคงได้รับความสนใจและคาดว่าจะได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการลงทุนผ่านหลักทรัพย์ประเภทนี้นักลงทุนชาวต่างประเทศ จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น เงินปันผล สิทธิในการซื้อและการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน หรือใบสำคัญแสดงสิทธิ เช่นเดียวกับการลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียน เพียงแต่เดิมผู้ถือเอ็นวีดีอาร์หากต้องการมีสิทธิลงทะเบียนเป็นผู้ถือหุ้นจะต้องขายเอ็นวีดีอาร์ที่ถืออยู่แล้วซื้อหุ้นสามัญและนำมาเข้าคิว ซึ่งจะใช้เวลาและเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่ด้วยเกณฑ์ใหม่นี้จะทำให้ผู้ลงทุนต่างชาติมีสิทธิลงทะเบียนได้เท่าเทียมกับผู้ลงทุนทั่วไป ถือเป็นการส่งเสริมการลงทุนในเอ็นวีดีอาร์ ให้มีความคล่องตัวมากขึ้น" กรรมการผู้จัดการกล่าว

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ปรับเกณฑ์การใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมผู้ถือหุ้นกรณีบจ.ขอเพิกถอนหลักทรัพย์ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน โดยปรับเปลี่ยนจากเดิมที่บริษัทออกเสียงโดยตามเสียงส่วนใหญ่ของผู้ถือเอ็นวีดีอาร์คือไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75 เป็นใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนตามความประสงค์ของผู้ถือเอ็นวีดีอาร์ ว่าเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย หรืองดออกเสียง

การปรับเกณฑ์ดังกล่าวเป็นการสอดรับกับแนวโน้มการลงทุนใน เอ็นวีดีอาร์ที่มีเพิ่มขึ้น จากตัวเลขผลการดำเนินงานปี 2545 ของบริษัทพบว่า การซื้อขายใบสำคัญแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย (Non-Voting Depository Receipt : NVDR) ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติเป็นอย่างมาก โดยในรอบปีที่ผ่านมามีผู้ลงทุนในบริษัทจดทะเบียนผ่านเอ็นวีดีอาร์ จำนวนทั้งสิ้น 427 บริษัท คิดเป็นร้อยละ 97.49 ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 30 โดยมีมูลค่าการซื้อขายจำนวน 149,449.87 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.62 ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด สำหรับมูลค่าของหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ณ สิ้นปี 2545 มีมูลค่า 65,226.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ปี 2544 ร้อยละ 157.44

สำหรับหลักทรัพย์ที่บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ ถือครองมากที่สุด 5 อันดับแรกได้แก่ บริษัทแผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (GOLD) บริษัทถือร้อยละ 29.92 บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) (TTA) ถือร้อยละ 23.55 บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) (PSL) ถือร้อยละ 20.26 บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) (UV) ถือร้อยละ 19.22 และบริษัท ซิงเกอร์ จำกัด (มหาชน) (SINGER) บริษัทถือหุ้นอยู่ร้อยละ 18.45 ตามลำดับ

นางกองแก้วกล่าวว่า "รู้สึกพอใจกับกผลการดำเนินงานของบริษัทไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ในปีที่ผ่านมาที่เอ็นวีดีอาร์ สามารถมีส่วนในการช่วยส่งเสริมสภาพคล่องในการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดทุนไทย โดยเฉพาะการลงทุนจากต่างประเทศและมีความมั่นใจว่าในปี 2546 เอ็นวีดีอาร์ ยังคงจะได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนต่างชาติเพิ่มมากขึ้น"

ผู้ที่สนใจข้อมูลของหลักทรัพย์เอ็นวีดีอาร์สามารถติดตามได้จากเว็บไซต์ ของบริษัทไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัดได้ที่ www.set.or.th/nvdr-- จบ--

-ศน-