กทม.จัดคอนเสิร์ตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ 14-15 ธ.ค. นี้

11 Dec 2002

กรุงเทพฯ--11 ธ.ค.--กทม.

เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.45 เวลา 11.30 น ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร นายสมัคร สุนทรเวช ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าว "การจัดงานแสดงแสง สี เสียง และสื่อผสม คอนเสิร์ตเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์" ซึ่งกรุงเทพมหานครกำหนดจะจัดขึ้นในวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 14-15 ธันวาคม 2545 เวลา 20.00 น. ณ บริเวณสะพานพระราม 8 (ฝั่งธนบุรี)

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า "คอนเสิร์ตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์" จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เนื่องในโอกาสฉลองราชธานี 220 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ และเนื่องในโอกาสเดือนธันวาคม 2545 เป็นเดือนมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุ 75 พรรษา อีกทั้งตรงกับวันสถาปนากรุงเทพมหานคร ครบรอบ 30 ปี ในวันที่ 14 ธันวาคม ในการนี้กรุงเทพมหานครได้กราบทูลเชิญทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จทรงเป็นองค์ประธานในงานฯ

การเฉลิมฉลองในครั้งนี้จะมีการแสดง แสง สี เสียง และสื่อผสม ที่เต็มไปด้วยความวิจิตรตระการตา และเทคนิคอันทันสมัย โดยอัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ และเพลงไทยคลาสสิคมาบรรเลงโดยวงมหาดุริยางค์ซิมโฟนี กรุงเทพมหานคร ผสมด้วยวงแนวบิ๊กแบนด์และวงเครื่องสายผสมอันเป็นเอกลักษณ์ของไทย จำนวนกว่า 60 ชิ้น พรั่งพร้อมด้วยการแสดงและขับร้องโดยดารา นักร้อง ชั้นนำ คณะนักร้องประสานเสียงจากสถาบันและหน่วยงานต่าง ๆ แดนเซอร์ รวมทั้งผู้แสดงสมทบอีกคับคั่ง รวมกว่า 600 คน เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติให้เกริกไกร ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ อำนวยการแสดงโดย นายยุทธนา มุกดาสนิท ผู้จัดและผู้กำกับชื่อดัง

สำหรับสถานที่จัดแสดง คือบริเวณสะพานพระราม 8 ฝั่งธนบุรี มีการจัดสร้างเวทีการแสดงขนาดใหญ่ ซึ่งออกแบบอย่าง สวยงาม เสริมด้วยความน่าทึ่งทางวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมของสะพานพระราม 8 ซึ่งตระหง่านอยู่เบื้องหลัง เวทีจัดแบ่งออกเป็นส่วนต่าง ๆ พร้อมฉากและจอขนาดใหญ่สำหรับการฉายวิดีโอ และสื่อผสมอื่น ๆ ในส่วนของผู้ชม มีการจัดที่นั่งอย่างเป็นระเบียบ เพื่อให้สามารถชมการแสดงได้อย่างชัดเจนและเพลิดเพลิน การแสดงมีความยาว 1 ชั่วโมง 30 นาทีโดยประมาณ โดยวันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม 2545 เวลา 20.00 น. เป็นการแสดงรอบราตรีสโมสรสำหรับคณะทูตานุทูตและบุคคลสำคัญ ส่วนวันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2545 เวลา 20.00 น. จัดขึ้นสำหรับประชาชนทั่วไปเข้าชมโดยไม่ต้องเสียค่าผ่านประตูใดๆ ด้านนายยุทธนา มุกดาสนิท ผู้อำนวยการแสดงคอนเสิร์ตเฉลิมพระเกียรติ กล่าวถึงรายการที่น่าสนใจในคอนเสิร์ตเฉลิม พระเกียรติครั้งนี้ว่า ตลอด 1 ชั่วโมง 30 นาที ของการแสดง ผู้ชมจะได้รับทั้งสาระและความบันเทิงอย่างเต็มอิ่ม โดยเริ่มโหมโรงด้วยการบรรเลงเพลงลาวเจริญศรีประกอบวิดีทัศน์ "พี่น้องสองกษัตริย์" ที่แสดงถึงพระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อานันทมหิดล และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็นพระองค์เจ้าในพระ จริยวัตรอันงดงามต่าง ๆ จนถึงการสถาปนาพระองค์เจ้าอานันทมหิดลขึ้นเป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว "ยุวกษัตริย์" และพระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดชเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ ฯ พร้อมทั้งพระราชประวัติ และภาพยนตร์การเสด็จนิวัติพระนคร และพระราชกรณียกิจ ให้ประชาชนชาวไทยได้ทราบอย่างลึกซึ้ง

จากนั้นเข้าสู่ภาคแรกของคอนเสิร์ตเฉลิมพระเกียรติฯ ซึ่งประกอบด้วยการแสดง 3 บทด้วยกัน โดยบทแรกเป็นคอนเสิร์ตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาอานันทมหิดล ด้วยเพลงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งทรงเป็นสมเด็จพระอนุชา ได้แก่ เพลงสายฝน ใกล้รุ่ง ยามเย็น และแสงเทียน ขับร้องโดยคณะนักร้องประสานเสียง, ธีรนัยน์ ณ หนองคาย และสบชัย ไกรยูรเสน บทที่ 2 เป็นคอนเสิร์ตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยบทเพลงพระราชนิพนธ์ ได้แก่ เพลงชะตาชีวิต เทวาพาคู่ฝัน แผ่นดินของเรา Oh I Say และค่ำแล้ว ขับร้องโดย พลพล พลกองเส็ง อิริยา คูประเสริฐ ดอน เจริญงาม สุกัญญา มิเกล ประกอบการร้องประสานเสียง การเต้น การแสดงและแสงสี และบทที่ 3 เป็นการนำบางฉากของบัลเล่ต์ "มโนราห์เฉลิมพระเกียรติ" มาแสดงประกอบบทเพลงพระราชนิพนธ์ ในเพลงกินรีวอลซ์ และภิรมย์รักส่วนในภาคที่สองนำเข้าด้วยเพลงพระราชนิพนธ์ "ดวงใจแห่งความรัก" ก่อนจะเข้าสู่การแสดงคอนเสิร์ตเพลงพระราชนิพนธ์พระราชทานแก่ชาวไทย ได้แก่ เพลงพรปีใหม่ ซึ่งพระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย เพลงยิ้มสู้ พระราชทานแก่คนพิการ เพลงมหาจุฬาลงกรณ์และเพลงยูงทอง พระราชทานแก่สถาบันการศึกษา มาร์ชราชวัลลภและมาร์ชราชนาวิกโยธิน พระราชทานแก่ข้าราชการทหาร เพลงเกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย และความฝันอันสูงสุด พระราชทานแก่ชาวไทย ตามด้วยบทส่งท้ายเพลงราชาเป็นสง่าแห่งแคว้นประกอบแสง สี เสียง และเพลงสรรเสริญพระบารมี--จบ--

-นห-