กรุงเทพฯ--25 มิ.ย.--Twentieth Century Fox
Cleopatra เขาเป็นผู้ควบคุมงานโปรดักชั่นให้กับหนังของจอห์น ฮุสตัน เรื่อง The Misfits และ Freud และบริหารงานโปรดักชั่นให้กับเรื่องราวยิ่งใหญ่ของหนังประวัติศาสตร์สามตอนของ Samuel Bronston Productions: Circus World, The Fall of the Roman Empire และ 55 Days at Peking
อีริคสันเป็รผู้ช่วยอำนวยการสร้างหนังของจอห์น ฮุสตัน เรื่อง Reflections in a Golden Eye, หนังของแฟรงคลิน เจ ชาฟเนอร์ Nicholas and Alexandra, หนังของโรมัน โปลินสกี้ เรื่อง Chinatown และหนังฮิต เจมส์ บอนด์ เรื่อง Never Say Never Again และยังอำนวยการบริหารเรื่อง Magic, Urban Cowboy, Popeye, Mobsters, Groundhog Day, Black Sheep และ Kiss the Girls, อีริคสัน อำนวยการสร้างเรื่อง Blankman และ Stuart Saves The Family และบริหารงานโปรดักชั่นให้กับหนังไซ-ไฟยอดฮิต ของริดลีย์ สก็อต Blade Runner
จอห์น เจ สมิธ (ไลน์ โปรดิวเซอร์ / โปรดักชั่น) ทำงานหนังสี่เรื่องของ MGM นอกเหนือจาก Windtalkers ได้แก่ Red Corner, Delirious, และ To Live and Die in L.A.
สมิธร่วมอำนวยการสร้าง/ผู้จัดการด้านโปรดักชั่น ให้กับหนังภาคต่อที่ประสบความสำเร็จอย่าง Grumpier Old Men สมิธยังทำงานด้านไลน์โปรดักชั่นและผู้จัดการด้านโปรดักชั่น ในเรื่อง Waterworld, Greedy, Sister Act, Come See the Paradise, Tap, Mannequin, แลอื่นๆ อีกมาก
ริชาร์ด สเตนต้า (ไลน์ โปรดิวเซอร์) มีผลงานในฐานะผู้อำนวยการสร้างและร่วมอำนวยการสร้าง ในหนังของ MGM หลายเรื่อง รวมทั้ง Heartbreakers, The Mod Squad, และ Dirty Work. ผลงานอำนวยการสร้างและดูแลด้านโปรดักชั่นยังที The Marrying Man, Let It Ride, Sleepwalkers, Hanky Panky, Stir Crazy, Quicksilver หนังโทรทัศน์ To Sir with Love II, Phantom of the Opera, และ Nadia
ก่อนหน้าการทำงานผลิตไร้สังกัด เขามีตำแหน่งรองประธานฝ่ายผลิตทั่วโลกใน Paramount Pictures ควบคุมงานหนังเรื่อง Beverly Hills Cop II, Some Kind of Wonderful, Fatal Attraction, Planes, Trains & Automobiles, The Untouchables, She's Having a Baby, และ Big Top Pee Wee เขายังเป็นรองประธานฝ่ายภาพยนต์และโทรทัศน์ให้กับ Kings Road Entertainment
เจฟฟรีย์ คิมบอล, A.S.C. (ผู้กำกับภาพ) กลับมาร่วมงานอีกครั้งกับผู้กำกับการแสดง จอห์น วู ใน Windtalkers, หลังจากที่เคยเป็นผู้กำกับภาพให้กับหนังฮิตบ็อกซ์ออฟฟิซเรื่อง Mission Impossible 2 ก่อนหน้านั้นคิมเบลทำงานเรื่อง Stigmata นำแสดงโดยเกเบรียล เบิร์น และแพทริเซีย อาร์เควต กำกับการแสดงโดย รูเพิร์ต เวนไรท์ นอกจากนั้นงานภาพยนต์ที่สร้างชื่อเสียงให้เขายังมี Wild Things, The Specialist, True Romance, Curly Sue, Jacob's Ladder, Revenge, Beverly Hills Cop II, Top Gun, และ The Legend of Billie Jean คิมเบลยังเป็นผู้กำกับภาพในกองถ่ายที่สองให้เรื่อง Cat People ของผู้กำกับการแสดงพอล ชราเดอร์
โอลเกอร์ กรอส (ผู้ออกแบบฝ่ายศิลป์), ชาวเบอร์ลิน เยอรมนี เข้ามาทำงานในสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 1986 เคยออกแบบฉากให้หนังมากมายรวมถึง The Negotiator และหนังสองเรื่องของผู้กำกับโรแลนด์ เอ็มเมอริค : Stargate และ Universal Soldier ส่วนเรื่อง Broken Arrow เป็นงานในหนังเรื่องแรกของเขากับจอห์น วู
กรอสศึกษาที่ Bauhaus School-Weimar และ Academy of Fine Arts-Berlin จบการศึกษาระดับปริญญาโทด้านสถาปัตยกรรม เริ่มงานจากเวทีละคร โทรทัศน์ และในเยอรมนีที่ UFA-Studios เขาทำงานในภาพยนต์ยุโรปและต่างประเทศมามาก รวมทั้งเรื่อง Possession นำแสดงโดยอิสซาเบล อาจานี, เรื่อง The Lightship กับโรเบิร์ต ดูวัล, เรื่อง The Formula กับจอร์จ ซี สก็อต และมาลอน แบรนโด, เรื่อง The Magician of Lublin, และ The Holcroft Covenant
ผลงานดีเด่นยังมี Deep Rising, A Walk on the Moon, และ American Ninja II นอกจากนั้นยังได้รับรางวัล MTV ด้าน Best Art Direction สำหรับฉากอนาคตผันแปรแบบ Fritz Lang ให้กับมาดอนน่าในวิดีโอชุด "Express Yourself"
สตีฟ เคมเปอร์ (ผู้ลำดับภาพ ) เกิดที่นิวอาร์ค นิวเจอร์ซีย์ ในปี1955 เป็นบุตรชายของตากล้องระดับ จึงคลุกคลีอยู่กับวงการภาพยนต์มาตลอดชีวิต เข้ารับการศึกษาจาก University of Southern California School of Cinema ซึ่งได้รับปริญญาตรีและพัฒนาความสามารถสู่การเป็นผู้ลำดับภาพ
ผลงานภาพยนต์เรื่องแรก คือการเป็นผู้ลำดับภาพฝึกหัดกับ แฟรงค์ เคลเลอร์ ผู้ล่วงลับ และไต่เต้าจากตำแหน่งต่างๆ ของงานหลังการถ่ายทำ และ และในขณะที่ทำงานเป็นผู้ช่วยผู้ลำดับภาพให้กับไมเคิล คานห์ ในเรื่อง Indiana Jones and the Temple of Doom, สตีเวน สปีลเบิร์กมอบหมายให้เขาทำการตัดต่อเป็นเรื่องแรกในซีรี่ส์โทรทัศน์ เรื่อง Amazing Stories เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมี่ในการทำงานเรื่อง The Mission, ซึ่งกำกับการแสดงโดยสปีลเบิร์ก เขายังเป็นผู้ตัดต่องานกำกับของโจ ดังเต้, แดนนี่เดอวิโต้, ปีเตอร์ ไฮแอมส์, ทิมโมธี ฮัตตัน และทอดด์ ฮอลแลนด์ และอื่นๆ อีกมาก
ผลงานภาพยนต์เรื่องแรกของเขามาจากหนังฮิตแบบไม่คาดฝัน เรื่อง New Jack City. นอกนั้นยังมี Time Cop, Sudden Death และ End of Days. และยังเคยร่วมงานกับจอห์น วูมาแล้วจากหนังสองเรื่อง Mission Impossible 2 และ Face/Off
เจฟ กัลโล (ผู้ลำดับภาพ) ได้รับชื่อเสียงจากผลงานมากมายโดยการลำดับภาพ งานตัดต่อของเขาที่เพิ่งผ่านตา ได้แก่ End of Days และผลงานผู้ช่วยตัดต่อใน Face/Off, Scary Movie และ Total Recall เขารับตำแหน่งผู้ช่วยที่หนึ่งด้านลำดับภาพในเรื่อง In the Line of Fire และ Showdown in Little Tokyo. และยังเป็นผู้ลำดับภาพสำรองใน The Relic และเป็นผู้ช่วยลำดับภาพใน Sudden Death และ Time Cop เขาเป็นผู้ช่วยที่สองในการลำดับภาพเรื่อง Die Hard
ทอม รอล์ฟ, A.C.E. (ผู้ลำดับภาพ) หนึ่งในบรรดาผู้ทำงานด้านตัดต่อที่ได้รับการยอมรับในวงการเดียวกัน มีผลงานอันน่าประทับใจมากมายในหนังหลายเรื่องกับผู้กำกับฝีมือเยี่ยมในโลกภาพยนต์ รางวัลในจำนวนมากที่เขาได้รับรวมถึงรางวัลตุ๊กตาทอง ลำดับภาพยอดเยี่ยม จากเรื่อง The Right Stuff Rolf's และยังมีหนังของจอห์น แฟรงเกนไฮเมอร์ เรื่อง The French Connection II Black Sunday; หนังของมาร์ติน ซอสเซส เรื่อง Tazxi Driver; New York, New York; WarGames, และหนังของริดลีย์ สก็อต เรื่อง Black Rain, หนังของเอเดรียน ลิน เจค็อบ Ladder, หนังของไมเคิล แมน เรื่อง Heat, หนังของอลัน พากูล่า เรื่อง The Pelican Brief, The Devil's Own, และของโรเบิร์ต เรดฟอร์ด เรื่อง The Horse Whisperer
เควิน ยาเกอร์ (ผู้แต่งหน้าสเปเชียลเอ็ฟเฟ็ค) เป็นผู้ริเริ่ม Kevin Yagher Productions, Inc., ในปี 1985 เมื่อศิลปะการแแต่งหน้าสเปเชียล เอ็ฟเฟ็ค ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น จนถึงวันนี้นับเป็นเวลา 15 ปีแล้วที่พวกเขาเป็นมือชั้นแนวหน้าในการนำเสนอการแต่งหน้าสเปเชียล เอ็ฟเฟ็คสำหรับวงการเริ่มต้นจากตัวละครอย่าง เฟรดดี้ ครูเกอร์ ใน A Nightmare on Elm Street Part 2 และชัคกี้ ในเรื่อง Child's Play เควินยกระดับตัวเขาให้เป็นหนึ่งในเอ็ฟเฟ็คเมคอัพอาร์ติสท์ ด้วยการสร้างสรรค์สัตว์ให้เหมือนมีชีวิต มนุษย์ต่างดาว และคนซึ่งเต็มไปด้วยรายละเอียดไม่นานหลังจากผลงานจากเรื่อง Child's Play, เควินได้รับการทาบทามจากผู้สร้างของ HBO เรื่อง Tales from the Crypt ให้ออกแบบและสร้างตัวเอกของเรื่อง Crypt Keeper เควินยังเป็นผู้กำกับงานทั้งหมดและจุดโปรโมทหลากหลาย หนึ่งในนั้นทำให้เขาได้รับรางวัลเอ็มมี่ เรื่อง "Lower Berth," ผลงานกำกับของเขา และยังได้รับเสนอชื่อชิง CableACE Award ในการกำกับ เมคอัพ บทภาพยนต์ และการถ่ายภาพ KYPI ได้ร่วมงานกับผู้กำกับชั้นหนึ่งมากมาย, รวมทั้งดาราชั้นนำ อันได้แก่ โรเบิร์ต เดอ นีโร, เมล กิ๊บสัน, ยีน แฮกแมน, จอห์นนี่ เดพ, นิโคลัส เคจ, จอห์น ทราโวลต้า, คีอานู รีฟส์, คริสเตียน สเลเตอร์, และทอม ครูซ ในหนังยอดนิยมของปีที่แล้ว Mission: Impossible 2. KYPI ยังได้เป็นผู้สร้างสรรค์เอ็ฟเฟ็คให้กับเรื่องชั้นนำอย่าง Starship Troopers, Sleepy Hollow, และ Face/Off
คาโรลีน แมคคอลีย์ (ร่วมอำนวยการสร้าง) ผ่านการทำงานกับจอห์น วู และเทอเรนซ์ ชาง ด้วยตำแหน่งการทำงานมากมายในขณะที่บริษัทของพวกเขาขยายกิจการออกไป เรื่อง Windtalkers เป็นการร่วมอำนวยการสร้างเรื่องแรกของเธอ เธอยังเป็นรองประธานอาวุโสของ Lion Rock Productions ตั้งแต่ปี 1999, ซึ่งรับผิดชอบด้านการพัฒนาโปรดักชั่นให้กับงานภาพยนต์ของจอห์นและเทอเรนซ์ ขณะนี้กำลังทำงานเรื่อง Bulletproof Monk, หนังแอ็คชั่นผจญภัยแฟนตาซี นำแสดงโดยโจเหวินฟะ งานชิ้นแรกของ Charlie Chan franchise, และหนังระทึกขวัญเรื่อง The Long Hello and Short Goodbye, และอื่นๆคารโรไลน์เริ่มชีวิตทำงานเมื่อปี 1993 ในฝ่ายงานภาพยนต์ของ William Morris Agency ในลอส แอนเจลิส จบการศึกษาเมื่อปี 1992 จาก Tufts University ซึ่งเธอเป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ของสถาบัน The Observer, แลผู้ประสานงานนักเรียนของ The New York Times
ปัจจุบันมีบ้านอยู่ที่เวสท์ ฮอลลีวู้ด กับสามีของเธอ ชอน แมคคอลี ผู้เขียนบท และนักวิจารณ์ภาพยนต์ แห่ง The London Times
อาร์เธอร์ แอนเดอร์สัน (ร่วมอำนวยการสร้าง/ผู้ช่วยผู้กำกับกองถ่ายที่ 1) เริ่มบ่มเพาะความชอบงานภาพยนต์ตั้งแต่อยู่ในไร่อันอุดมแห่ง Charleston, เซาธ์คาโรไลน่า ขณะศึกษาที่
University of South Carolina เขาและหุ้นส่วนได้ทำกิจการโปรดักชั่นโฆษณา ซึ่งเขารับตำแหน่งอำนวยการผลิต เขียน และกำกับ หลังจากจบการศึกษาในปี 1977,อาร์เธอร์เริ่มงานภาพยนต์ในนิวยอร์ค และลอสแอนเจลิส อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสองปี ในปี 1980 เขากลายมาเป็นสมาชิกของ Directors Guild of America, จึงย้ายมายังลอส แอนเจลิส และทำงานโชว์ทางโทรทัศน์มากมาย และเป็นผู้ช่วยผู้กำกับภาพยนต์
ซีรี่ส์ใหม่ทางโทรทัศน์ของ Lassie คือการเขียนและกำกับเรื่องแรกของเขา ในปี 1996 เขาร่วมงานกับจอห์น วู ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้กำกับหมายเลข 1 ในเรื่อง Face/Off, และต่อมาใน Mission: Impossible II. ในเรื่อง Windtalkers, อาร์เธอร์กลายเป็นผู้ร่วมอำนวยการสร้าง นอกเหนือจากหน้าที่ผู้ช่วยผู้กำกับหมายเลข 1ของจอห์น
เจมส์ ฮอร์เนอร์ (ผู้ประพันธ์เพลง) หนึ่งในบรรดานักแต่งเพลงชั้นนำของภาพยนต์ มีผลงานเพลงในหนังมากมายที่ประทับใจและประสบความสำเร็จในระยะสองทศวรรษ เขาได้รับสองรางวัลตุ๊กตาทอง และสองรางวัลลูกโลกทองคำ จากผลงานเพลงในหนังของเจมส์ คาเมรอนใน Titanic (Best Original Score และ Best Original Song, "My Heart Will Go On"). เขายังได้รับเสนอชื่อชิงรางวัลตุ๊กตาทองอีกห้ารางวัล และได้รับเสนอชื่อชิงสี่รางวัลลูกโลกทองคำ ได้รับรางวัลแกรมมี่ 6 รางวัล รวมทั้ง Song of the Year ทั้งในปี 1987 (เพลง "Somewhere Out There") และปี 1998 (เพลง "My Heart Will Go On"). ในเดือนเมษายนปี 1998, ซาวนด์แทร็ค Titanic ของเขาติดอันดับครอง #1 ติดต่อกัน 16 สัปดาห์ของ Billboard Top 200 Album Chart, ทำลายสถิติแห่งเพลงประกอบภาพยนต์ที่ครองอันดับ #1 และยังคงเป็นเพลงบรรเลงประกอบภาพยนต์ที่ขายดีที่สุดเป็นประวัติการณ์ ยอดขายถึง 10 ล้านแผ่นในสหรัฐฯ และมากกว่า 26 ล้านแผ่นทั่วโลก ภาคต่อแพลตตินัมซาวนด์แทร็ค Back to Titanic ยังรวมเพลงจากภาพยนต์และบทเพลงที่แต่งใหม่โดยฮอร์เนอร์ จากธีมต้นฉบับในเพลงประกอบของเขาเป็นที่รู้จักดีสำหรับงานหลากสไตล์ ผลงานสร้างชื่อในภาพยนต์อื่นๆ ยังมี Enemy at the Gates, Dr. Seuss' How the Grinch Stole Christmas, The Perfect Storm, Freedom Song, Bicentennial Man, Mighty Joe Young, The Mask of Zorro, Deep Impact, The Devil's Own, Ransom, Courage Under Fire, To Gillian on Her 37th Birthday, The Spitfire Grill, Braveheart, Apollo 13, Casper, Legends of the Fall, Clear and Present Danger, The Pagemaster, Bopha, The Pelican Brief, The Man Without a Face, Patriot Games, Thunderheart, Sneakers, The Rocketeer, Glory, In Country, Field of Dreams, Honey I Shrunk the Kids, The Land Before Time, Willow, An American Tail, The Name of the Rose, Cocoon, Gorky Park, 48 Hours และ Star Trek II งานล่าสุดสำหรับหนังของรอน โฮเวิร์ด เรื่อง A Beautiful Mind และหนังของเชกฮาร์ คาเปอร์ เรื่อง Four Feathers
เกิดที่ลอส แอนเจลิส ในปี 1953, ใช้ชีวิตวัยเรียนที่ลอนดอน ซึ่งได้ศึกษาใน Royal Academy of Music ความสนใจแต่แรกของเขาคือการเป็นนักแต่งเพลงคลาสสิค เมื่อกลับมายังแคลิฟอร์เนีย เขาศึกษาด้านดนตรีต่อที่ University of Southern California ซึ่งได้รับปริญญา Bachelor of Music in Composition หลังจากนั้นโอนไปศึกษาปริญญาโทที่ UCLA ซึ่งได้รับปริญญาเอกทางด้านทฤษฎีและประพันธ์เพลง ในปี 1980, เขาได้รับการทาบทามจาก American Film Institute เพื่อแต่งเพลงประกอบหนังสั้นเรื่อง The Drought. และจุดนั้นทำให้เขาค้นพบความปรารถนาที่จะแต่งเพลงให้กับภาพยนต์
หลังจากแต่งเพลงประกอบภาพยนต์หลายเรื่อง ให้กับ AFI, ฮอร์เนอร์จึงก้าวเข้าสู่การทำงานกับโรเจอร์ คอร์แมนที่ New World Pictures หนังสยองขวัญต้นทุนต่ำเหล่านั้น (Brainstorm, Battle Beyond the Stars) ทำให้เขาพัฒนาฝีมือขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อเขาได้รู้จักมักคุ้นกับผู้กำกับรุ่นหนุ่ม รวมทั้ง รอน โฮเวิร์ด ซึ่งภายหลังได้ร่วมงานใน Willow, Cocoon, และหนังฮิต Apollo 13 ในช่วงเวลาที่อยู่กับ New World ฮอร์เนอร์ได้พบกับตากล้องหนุ่ม เจมส์ คาเมรอน ซึ่งได้มาร่วมงานกันในหนังเรื่องฮิตอย่าง Aliens และแน่นอน Titanic และเขายังได้ร่วมงานกับผู้สร้างภาพยนต์ฮอลลีวู้ดที่มีชื่อเสียงอีกมาก รวมทั้ง เอ็ด ชวิค, โจ จอห์นสตัน, ฟิล อัลเดน โรบินสัน, สตีเวน สปีลเบิร์ก, วิลเลียม ไฟรด์คิน, เมล กิ๊บสัน, โอลิเวอร์ สโตน, ฟิลิป นอยซ์, ไมเคิล แอพเท็ด, แลส ฮอลสตอร์ม, นอร์แมน จิววิสัน, และฟรานซิส ฟอร์ด คอพโพล่าเขาสามารถใช้ทั้งวงออเคสตร้า และเครื่องดนตรีอีเล็คโทรนิครุ่นใหม่ในการแต่งเพลง
และเปรียบการประพันธ์เหมือนการทาสี ซึ่งภาพยนต์เป็นผืนผ้าใบ และเพลงคือสีสันซึ่งใช้ในการบรรยายและประกอบอารมณ์ของหนัง เขาเป็นที่ยอมรับในการใช้เครื่องดนตรีที่ไม่ธรรมดาในวงออเคสตร้า เพื่อให้ได้มาซึ่งสีสันและน้ำหนัก เขาเป็นผู้กำกับวงที่มีความสามารถ และชอบกำกับวงออเคสตร้าไปพร้อมกับภาพโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์จับเวลาหรือกำหนดบนภาพ เขายังมีผลงานประพันธ์ในคอนเสิร์ตมากมาย รวมทั้งใน "Spectral Shimmers" ซึ่งเล่นโดยวง Indianapolis Symphony Orchestra ผลงานคอนเสิร์ตล่าสุดของฮอร์เนอร์ คือ "A Forest Passage" โดย Cleveland Orchestra ในการฉลองครบรอบปีที่ 25 ของ Cuyahoga Valley National Recreational Area ในโอ ไฮ โอ--จบ--
-อน-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit